Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1095 สังหารอริยะ?

ตอนที่ 1095 สังหารอริยะ?

อริยะเมี่ยวหวากรีดร้อง สมบัติถูกทำลายทำให้มุมปากนางมีเลือดไหล

อริยะที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างเบิกตากว้าง ในใจล้วนสั่นสะท้าน

ตูม!

สิ่งที่อริยะฝูหยาสำแดงคือวิชาลับจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ล่องหนไร้รูปร่าง น่าอัศจรรย์ไร้ใดเปรียบ เมื่อถูกซัดโจมตี อริยะล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

เพียงแต่ไม่รอให้พลังระดับนี้เข้าใกล้ กลางนัยน์ตาหญิงลึกลับพลันสาดสัญลักษณ์ที่ประหนึ่งวิวัฒน์จากกฎระเบียบ ดับทำลายการโจมตีครั้งนี้

พรวด!

อริยะฝูหยาที่เงาร่างพร่ามัวกระอักเลือด ร่างไหวกระเพื่อมรุนแรงกลางห้วงอากาศ

และเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงดังเคร้งคราหนึ่ง ระฆังสำริดถูกซัดลอยคว้างผ่านอากาศ อริยะอวี่หมิงซวนเซ โงนเงนถอยกรูดไปหลายก้าว

ทั่วลานเงียบกริบ!

บนทะเลหมากดารา เงาร่างงดงามและคลุมเครืออาภรณ์พลิ้วไสว งามสง่าไร้ทัดเทียม!

นี่ก็คือหญิงลึกลับในห้องโถงมรรคาสวรรค์คนนั้น เพิ่งจะลงมือก็สำแดงท่วงท่าสง่างามโดดเด่น ทำลายวงล้อมการโจมตีจากเหล่าอริยะ แถมยังโจมตีกลับจนอีกฝ่ายบาดเจ็บในพริบตา!

“เหล่าอริยะออกโจมตี แต่กลับไม่มีผู้ใดสั่นคลอนได้ หญิงลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่”

ในมุมมืด สายตามากมายนับไม่ถ้วนต่างผุดความสะทกสะท้านอันปิดไม่มิดออกมา

ประจันบาญคราแรก เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้นก็ปรากฏสภาพแหลกสลายเช่นนี้แล้ว ใครจะไม่สะเทือนและใจไหวสั่นได้กัน

นางเป็นใคร

ไกลออกไป หญิงลึกลับยืนตระหง่านกลางห้วงอากาศ ประหนึ่งละทางโลกเป็นเอกเทศ บริสุทธิ์ดั่งจันทรา รุ้งวิเศษเป็นสายๆ ดั่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์กฎระเบียบรายล้อมรอบกายนาง ปรากฏภาพอัศจรรย์อันใหญ่ยิ่งและลึกลับ

รุ้งวิเศษแต่ละสายราวกับระเบียบมหามรรค ประหนึ่งสามารถวิวัฒน์กลายเป็นโลกอีกใบ ภายในบรรจุปริศนาไร้ขอบเขต ท่ามกลางความรางเลือน มีเสียงธรรมศักดิ์สิทธิ์แซ่ซ้อง สรรพชีวิตสักการะลอยออกมา

เพียงบรรยากาศสูงส่งเช่นนี้ก็สามารถสะเทือนกาลนิรันดร์ สะท้านปวงสวรรค์แล้ว!

บนชายฝั่งทะเล อริยะทั้งหกอย่างพวกฟางหลิงซู่ล้วนสีหน้าไหววูบไม่คงที่

พวกเขาเป็นใคร

เป็นบุคคลระดับอริยะที่เลื่องชื่อก้องโลกหล้ามานานแล้ว หยัดยืนบนปลายยอดสูงสุดแห่งพลังปราณในดินแดนรกร้างโบราณ ผลลัพธ์กลับเป็นประสบความพ่ายแพ้ที่นี่ เพิ่งเริ่มต่อสู้ก็ถูกโจมตีบาดเจ็บแล้ว

สำหรับคนระดับพวกเขา นี่เป็นครั้งแรก และยิ่งเป็นความอัปยศที่ไม่เคยสัมผัสมานานนม

เพราะพวกเขาไม่เคยถูกคนโจมตีบาดเจ็บมานานมากแล้ว!

“วิถีโลกคงเสื่อมถอยแล้วจริงๆ แม้จะเป็นอริยะเทียมก็ยังห่างไกลจากคนยุคบรรพกาลลิบลับ” เสียงหญิงลึกลับเย็นเยียบ ทอดถอนใจแผ่วเบาคล้ายเศร้าสลดน้อยๆ

“สหายยุทธ์เป็นอริยเทพจากที่ใดถึงกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้”

ฟางหลิงซู่สีหน้าอึมครึม ภายในใจเดือดดาล ถูกคนเรียกขานคำก็ ‘อริยะเทียม’ สองคำก็ ‘อริยะเทียม’ พาให้เขารู้สึกต่อต้านหาที่เปรียบไม่ได้

“ข้าเป็นใคร…”

หญิงลึกลับพึมพำกับตัวเอง เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยวาจา “พวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติจะรู้”

ประโยคเดียว เหยียดหยันสุดจะเปรียบ!

นั่นเป็นถึงอริยะหกคน ทว่าแม้แต่คุณสมบัติที่จะรู้ชื่อของนางกลับไม่มี นี่คือความหยิ่งผยองและถือดีขนาดไหน

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างเกือบคิดว่าหูฝาดไป

“ฮ่าๆๆ บ้าบิ่นนัก! เจ้าคิดว่าพวกข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

อริยะเซวี่ยถูระเบิดหัวเราะ นัยน์ตาดั่งจันทร์สีเลือด อึมครึมเขย่าขวัญผู้คน “ทุกท่าน ควรงัดไพ่ตายแท้จริงออกมาใช้ได้แล้ว หาไม่เกรงว่าคงถูกคนเข้าใจผิดคิดว่าพวกเรารังแกได้ง่าย!”

เสียงหญิงลึกลับเยียบเย็น กล่าวว่า “รังแกพวกเจ้าแล้วอย่างไร วันนี้ไม่ว่าใครเข้ามาล้วนยากจะเดินออกจากที่แห่งนี้!”

“เหอะๆ เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ไรมาไม่มีใครกล้าเพ่งเล็งขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกข้าเช่นนี้ ต่อให้เจ้าทรงพลัง แต่หากต้องการทำเรื่องเย้ยฟ้า ก็ยังต้องล่มจม!”

ทุกถ้อยคำของฟางหลิงซู่ดุจกระบี่ ไอสังหารอัดแน่นว่ายเวียนรอบด้าน

“หากพวกนี้คือคำสั่งเสียของพวกเจ้า เช่นนั้นก็ไม่ต้องถ่วงเวลาอีกต่อไป มาตัดสินกันเถอะ”

หญิงลึกลับเยือกเย็นยิ่ง แต่กลิ่นอายในคำพูดกลับพาให้ผู้คนใจสะท้าน

นี่คือ… หมายจะสังหารอริยะ?

แม้แต่หลินสวินในใจก็ยังสั่นไหวไม่สิ้น เขาขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับ เดิมทีก็แค่อยากหนีเอาตัวรอดเท่านั้น

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นถึงอริยะหกคน น่าสะพรึงอย่างที่สิ้นสุด หยัดยืนบนจุดสูงสุดแห่งโลกหล้า ผู้ใดจะสังหารพวกเขาได้

แต่ยามนี้ท่าทีที่หญิงลึกลับแสดงออกมากลับทรงพลังถึงเพียงนั้น เห็นเหล่าอริยะราวกับไร้ตัวตน สิ่งนี้จะให้หลินสวินสงบได้อย่างไร

คราวนี้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แรกเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของหญิงลึกลับผู้นี้ต่ำไปเสียแล้ว!

“ฆ่า!”

อริยะอวี่หมิงตรงไปตรงมายิ่ง เรียกตำหนักอมตะออกมาโดยพลัน

พริบตานั้นตำหนักสีสำริดนี้ก็ระเบิดอานุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เมื่อพุ่งไปกลางอากาศก็พาให้เวิ้งนภาถล่มครืน ทั่วทิศสนั่นหวั่นไหว หินผาต้นไม้ใบหญ้าไม่รู้เท่าไรแหลกกระจุยในชั่วพริบตา ปรากฏภาพน่าสะพรึง

ตำหนักอมตะนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่ายามอยู่ในมือสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมากมายนัก!

และมีเพียงอริยะเท่านั้นที่อาจกระตุ้นอานุภาพแท้จริงของสมบัติอริยะระดับนี้ได้อย่างสมบูรณ์

ตูม!

ตำหนักอมตะเปล่งแสง ฟ้าถล่มดินทลาย ฝุ่นควันหอบม้วนเหินเวหา ทะลวงผ่านชั้นเมฆ พาดผ่านทะเลหมากดารา พิฆาตไปทางหญิงลึกลับ

การโจมตีระดับนี้ เห็นชัดว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว

ควรรู้ว่าในทะเลหมากดารากางค่ายกลวัฏจักรดารา แต่ยามนี้กลับแทบไม่อาจสกัดกั้นสมบัติชิ้นนี้ได้เลย

“ตำหนักอมตะของแดนพิสุทธิ์อมตะ น่าเสียดาย ในยุคบรรพกาลเจ้าของมันก็ถือว่าเป็นนายเหนือหัวแกล้วกล้าคนหนึ่ง ยามนี้กลับตกต่ำถึงขั้นถูกอริยะเทียมควบคุมเสียแล้ว…”

เสียงเย็นใสเลือนรางดังสะท้านฟ้าดิน ก็เห็นหญิงลึกลับยื่นมืองามปานหยกออกมาข้างหนึ่ง ตบลงไปเบาๆ หนึ่งครา

ตึง!

ตำหนักอมตะที่ใหญ่ปานภูผาพลันส่ายไหวโอนเอน ส่งเสียงหวีดหวิวราวกับถูกอสนีฟาดโจมตี

ทั่วตัวมันปลดปล่อยไอขุ่นมัว และมีแสงมงคลพ่นกระเซ็น ตัวตำหนักสีสำรัดอันเก่าแก่นั้นผุดแผนภาพลึกลับมากมายออกมา มีทั้งต้นไม้ใบหญ้ามัจฉาแมลง ปักษาเซียนสัตว์เทพ สุริยันจันทราดาราเป็นต้น ปรากฏอานุภาพเหนือธรรมดาที่ผิดประหลาดกว่าที่ผ่านมา

แต่ต่อให้มันแข็งแกร่งเพียงใด เวลานี้กลับถูกฟาดจนสั่นพล่านดังระงม!

ใช้มือสยบสมบัติอริยะ เสียงโจมตีระดับนั้นพาให้อริยะที่ซ่อนตัวในมุมมืดต่างสะท้านใจ ปากอ้าตาค้าง ยิ่งตระหนักถึงความน่ากลังของหญิงลึกลับคนนี้ขึ้นเรื่อยๆ

“ทุกท่าน พวกเจ้าต้องรอถึงเมื่อไรกว่าจะลงมือ!”

อริยะอวี่หมิงตะโกนลั่น เขาเองก็ถูกทำให้ตกใจ นี่เป็นถึงตำหนักอมตะ สมบัติพิทักษ์สำนักของแดนพิสุทธิ์อมตะเชียว เมื่อใช้งานอย่างน้อยก็ทำให้พลังต่อสู้ของเขาพุ่งพรวดทบทวี

แต่ยามนี้กลับยังคงถูกหญิงลึกลับคนนั้นสยบได้ในการเคลื่อนไหวเดียว!

ชิ้ง!

กระบี่เทียมฟ้าโฉบพุ่งออกมา ฟางหลิงซู่ราวกับกลายร่างเป็นอริยะกระบี่ไร้ทัดเทียมอย่างแท้จริง เจตกระบี่ท่วมท้น ปั่นป่วนเมฆลม ไอสังหารพุ่งออกไป

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เมี่ยวหวาเรียกบรรทัดสยบฟ้าออกมา เต้าคุนเรียกร่มรุ้งสมบัติม่วง เซวี่ยถูเรียกประทับนรกโลหิต ฝูหยาเรียกตำราหยกสีทองออกมา…

โครมครืน!

สมบัติอริยะหกชิ้น อริยะหกคน โหมโจมตีสุดกำลังในยามนี้ ศึกอริยะเปิดฉากขึ้นที่นี่ ระเบิดปะทุอย่างสมบูรณ์

ชั่วขณะฟ้าถล่มดินทลาย กลางห้วงอากาศทุกที่ล้วนปรากฏภาพพังทลายมอดไหม้ ทุกที่ล้วนเป็นแสงวิเศษอริยมรรคเจิดจรัสสะท้านโลก เป็นภาพชวนผวาอย่างที่สุด!

นี่เป็นศึกตัดสินแห่งอริยเทพอย่างแท้จริง เจิดจ้าไร้ขอบเขต เพียงพอจะสะเทือนอดีตและปัจจุบัน สั่นคลอนเมฆลมในใต้หล้า

“สวรรค์!”

“ถอยเร็ว!”

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดล้วนหน้าเปลี่ยนสีทันใด ต่างพากันถอยหลบ

พื้นที่ในรัศมีหมื่นลี้ล้วนแต่เป็นอานุภาพอริยะน่าสะพรึงทั้งสิ้น หากถูกคลื่นพลัง แม้จะเป็นอริยก็ยังสะบักสะบอมสุดทานทน

ส่วนพวกที่ระดับต่ำกว่าอริยะ ย่อมไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน!

เคราะห์ดีที่สถานที่นี้อยู่ในทะเลหมากกระดานรา เป็นส่วนหนึ่งของเขตหวงห้ามแห่งหนึ่ง หากอยู่ในโลกภายนอก ย่อมสร้างหายนะที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

โครมครืน!

เหล่าอริยะโหมโจมตี ต่างไม่เก็บซ่อนอีกต่อไป ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิต

ใกล้กับทะเลหมากดารา ฟ้าพลิกดินคว่ำ น้ำทะเลม้วนกลับ ปรากฏลักษณ์แห่งการทำลายล้างครั้งใหญ่ หากไม่ใช่เพราะมีค่ายกลวัฏจักรดารากระจายตัวอยู่ในนี้ ที่แห่งนี้เกรงว่าคงถูกซัดระเบิดไปนานแล้ว!

“นิ่งเงียบนานเกินไป ล้วนไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว…”

หญิงลึกลับกลับคล้ายไม่สั่นไหว นางสาวเท้าก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดาวเคลื่อนดาราคล้อย โซ่วิเศษกฎระเบียบหมื่นพันสายพุ่งปราดออกไป รัดตำหนักอมตะเอาไว้ทันที จองจำไว้กลางห้วงอากาศ

ตูม!

ในเวลาเดียวกันมือหยกของนางยกขึ้น เป็นรุ้งวิเศษสายหนึ่งพุ่งออกมาอีกครั้ง แวววาวเจิดจ้า มาหยุดต่อหน้าอริยะเซวี่ยถูอีกครา

“สยบ!”

อริยะเซวี่ยถูตวาดลั่น ประทับนรกโลหิตกู่ก้อง ถึงกับวิวัฒน์เป็นแดนนรกสีเลือดแห่งหนึ่ง ครอบฟ้าคลุมดิน คล้ายจะหลอมละลายฟ้าดินแถบนี้

แต่เห็นชัดว่ารุ้งวิเศษสายนั้นกร้าวแกร่งน่าสะพรึงถึงที่สุด ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ พุ่งเข้ากลางแดนนรกสีเลือด ทะลวงอุปสรรคขวางกั้นทั้งปวง!

ครืน!

เบื้องหน้ารุ้งวิเศษนี้ นรกสีเลือดถูกฉีกทึ้งแหวกขาดรุนแรงเหมือนกับภาพวาดม้วนหนึ่ง จากนั้นรุ้งวิเศษก็ม้วนตวัดปานโซ่ศักดิ์สิทธิ์ กักขังประทับนรกโลหิตเอาไว้

และส่วนหางของรุ้งวิเศษนั้นแหลมคมประหนึ่งหอกศึก เสียบทะลุร่างอริยะเซวี่ยถู ตอกขึงเขากลางอากาศทั้งอย่างนั้น!

เร็วเกินไปแล้ว ทุกอย่างล้วนว่องไวไร้ใดเปรียบ

ศึกใหญ่เพิ่งปะทุเต็มรูปแบบ ผู้ทรงพลังดั่งอริยะเซวี่ยถู แม้มีพลังปราณระดับอริยะก็ยังเป็นเหมือนว่าวกระดาษ พลังคุ้มครองร่างถูกเจาะทะลวง ตอกขึงกลางอากาศ เหมือนแมลงวันถูกขึงยึดบนกำแพง ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแม้เพียงเศษเสี้ยว!

มีเพียงริมฝีปากที่ส่งเสียงคำรามเจ็บปวดโหยหวนไร้ใดเปรียบ

นี่พาให้ทุกคนสะท้านขวัญนัก ปุบปับเกินไป!

ฟึ่บ!

โซ่รุ้งวิเศษพุ่งปราดออกมาอีกสาย แวววาวสว่างไสว แสงอริยเทพไหลเวียน พุ่งสู่ห้วงอากาศ จองจำบรรทัดสยบฟ้าที่ร่วงลงมาจากเบื้องฟ้าได้ในชั่วแล่น

พรึ่บ!

ในเวลาเดียวกันเงาร่างหญิงลึกลับหายไปจากห้วงอากาศ ยามที่ปรากฏตัวอีกครั้งก็มาถึงตรงหน้าอริยะเมี่ยวหวา ยกมือหยกขึ้นกดเบาๆ

เมี่ยวหวาหลบไม่ทัน ทั้งตัวล้วนถูกสยบกดให้คุกเข่าลงกับพื้น กระดูกทั่วร่างระเบิดกระจุยทีละส่วน ปวกเปียกดั่งโคลนเลน

เพียงแต่ยามนี้ร่มรุ้งสมบัติม่วง ตำราหยกสีทอง และกระบี่เทียมฟ้าล้วนโถมเข้ามา พาให้หญิงลึกลับหลบไม่ทันด้วยซ้ำ

แต่นางยังคงไม่ร้อนรน เห็นได้ชัดว่าหนักแน่นสงบนิ่งผิดธรรมดา

รอบกายนางปลดล่อยรุ้งวิเศษหมื่นพันสายแผ่กว้างออกไป ประหนึ่งโซ่วิเศษร่ายระบำบ้าคลั่ง อานุภาพที่พาให้ฟ้าดินล้วนกริ่งเกรงไหลเวียนออกมา

ปึง!

ร่มรุ้งสมบัติม่วงครวญ ถูกกักขังแน่นหนา

เคร้งๆๆ!

กระบี่เทียมฟ้ากำลังผ่าฟันอย่างบ้าคลั่ง ทุกการโจมตีล้วนเพียงพอจะเชือดเฉือนสุริยันจันทราดาราให้ร่วงโรย พลานุภาพเทียมฟ้า แต่กลับไม่อาจสร้างความเสียหายแก่รุ้งวิเศษเหล่านั้นได้สักนิด ได้แต่ระเบิดเสียงปะทะแน่นขนัดไร้ใดเปรียบออกมา รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดกระเซ็นรอบด้าน

ท้ายที่สุดกระบี่เทียมฟ้าก็ถูกกักขัง ร้องครวญไม่ขาดสาย

สมบัติอัศจรรย์ที่สุดอย่างตำราหยกสีทองถึงกับกลายเป็นหมอกเมฆสีทองแถบหนึ่งทันควัน ทะลวงผ่านเกราะกำบังของรุ้งวิเศษหมื่นพันสาย แผ่ครอบลงมาทางหญิงลึกลับ

“เห ที่แท้ก็เป็นสมบัติชิ้นนี้ มันถึงกับเหลือรอดอยู่บนโลก…”

นัยน์ตาหญิงลึกลับทอประกายประหลาดใจออกมา จากนั้นริมฝีปากของนางก็ส่งเสียงหวีดหวิวแปลกประหลาด ประหนึ่งหงส์เซียนร้องขับขาน

ทันใดนั้นหมอกเมฆสีทองกลุ่มนั้นก็นิ่งงันไป จู่ๆ ถึงกับกลายเป็นปักษาเซียนประหลาดสีทองอร่ามตัวหนึ่ง สยายปีกกลางอากาศ ทั่วร่างไหลเวียนด้วยแสงสีทอง ย้อมฟ้าดินให้เป็นสีเหลืองทองทั้งแถบ

หญิงลึกลับยื่นฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นหงส์เซียนสีเหลืองทองตัวนั้นก็ขึ้นไปยืนอย่างว่าง่าย ส่งเสียงร้องด้วยความยินดีคราหนึ่ง

ภาพนี้มหัศจรรย์ไร้ใดเปรียบ พาให้ทุกคนในลานต่างตกตะลึงอึ้งค้าง!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท