Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1110 กล้าลองเทียบกับผู้กล้าทั่วหล้า

ตอนที่ 1110 กล้าลองเทียบกับผู้กล้าทั่วหล้า

เมื่อลืมตาตื่นจากการฝึก สีหน้าของหลินสวินแปลกไปเล็กน้อย

เขาพลิกฝ่ามือ เจดีย์สมบัติไร้อักษรปรากฏขึ้น

โครม!

จากนั้นเสียงที่ราวกับสายฟ้าคำรามดังกึกก้อง แสงสีทองแถบหนึ่งพวยพุ่งออกมา ทะลวงเก้าชั้นฟ้า

อาหลู่ที่หลับอยู่ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว ลุกพรึ่บขึ้น ถือกระบองยักษ์โวยวาย “แม่งเอ๊ย ปีศาจที่ไหนเนี่ย”

ตอนนี้เองแสงทองสว่างสนั่นเกาะตัว ค่อยๆ กลายเป็นเค้าโครงของเงาร่างหนึ่ง เอามือไพล่หลังยืนอยู่กลางอากาศอย่างเย่อหยิ่ง เงยหน้ามองฟ้า พูดพึมพำ

“หมื่นแดนดินบรรพกาล ข้าคือราชัน

ใต้หล้าฟ้าดิน ข้าคุมอำนาจเพียงผู้เดียว

ยามนี้ฟื้นตื่นก่อนมหายุค

กล้าลองเทียบกับเหล่าผู้กล้า!”

เสียงที่ทุ้มต่ำและแฝงความแหบพร่าก้องสะท้อนอยู่กลางฟ้าดิน เหนือศีรษะผืนฟ้าดาราไพศาล แสงประกายสีทองที่ราวกับหมอกควันหายไป ปรากฏรูปลักษณ์ที่แท้จริงของร่างนั้น

นั่นเป็นร่างในชุดคลุมเขียวผิวขาวผ่อง ใบหน้าราวกับหยกบนเกี้ยวประดับ หล่อเหลาอย่างมาก มีดวงตาสีทองอร่ามคู่หนึ่ง ตอนนี้เขาเอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองฟ้า มุมปากเผยองศาอันเปี่ยมเสน่ห์และเย่อหยิ่ง ดูสะดุดตามากเป็นพิเศษ

อาหลู่อึ้งจนอ้าปากค้าง นี่มันเทพเซียนคนใดกัน

มุมปากของหลินสวินกลับกระตุกขึ้นมา ไม่เจอกันหลายปี บุคลิกของเจ้านี่โดดเด่นกว่าเมื่อก่อน ยิ่งดูเจ้าเล่ห์ หลงตัวเองและไร้ยางอายกว่าเดิมแล้ว

แน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือเจ้าคางคก ลูกหลานเผ่าคางคกทองสามขาจินตู๋อี

เจ้าคางคกหันหน้ามา สีหน้าเคร่งขรึมกล่าวโทษว่า “เจ้าหลินน้อย เห็นข้าปรากฏตัวกลางอากาศ ยังไม่รีบโขกหัวคารวะอีก”

อาหลู่สูดหายใจด้วยความตกใจ เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน กล้าเรียกพี่ใหญ่ของตนว่าเจ้าหลินน้อย

กลับเห็นหลินสวินแสร้งยิ้ม “โขกหัวคารวะหรือ”

เจ้าคางคกพูดอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าโง่! เจ้าหลินน้อยเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ จะบอกเจ้าให้ว่าสายเลือดพรสวรรค์ของข้าได้ตื่นขึ้นแล้ว ครอบครองวิชาลับหนึ่งเดียวกลางฟ้าดิน การปรากฏตัวครั้งนี้จะเหยียบย่ำผู้กล้าทั่วหล้า กวาดล้างทั่วโลก ขึ้นสู่ระดับมกุฎราชัน!”

พูดถึงตรงนี้เขามองลงมายังหลินสวิน พูดอย่างเย่อหยิ่ง “เพราะฉะนั้นเจ้ารีบเข้ามาก้มหัวคารวะข้าเสียเถอะ ไม่แน่ว่าข้าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ตอนที่บรรลุระดับราชันจะมอบวาสนาให้กับเจ้าสักหน่อย เพียงพอที่เจ้าจะใช้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”

อาหลู่อึ้งตาค้างไปทันที อวดดีขนาดนั้นเชียว

กลับเห็นหลินสวินเพียงยิ้ม “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้”

เจ้าคางคกเหลือบมองหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้าหรอกนะ!”

ป๊าบ!

เพิ่งสิ้นเสียงหลินสวินก็ลงมือ ฝ่ามือหนึ่งสะบัดใส่ท้ายทอยเจ้าคางคก อีกฝ่ายเซ เดือดดาลขึ้นมาทันที ตะเบ็งเสียงว่า “เจ้าหลินน้อย เจ้ากล้า…”

ป๊าบ!

หลินสวินลงมือฉับไวราวกับสายฟ้า ตบท้ายทอยเขาอีกทีหนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าหลินน้อย?”

“นี่เจ้ากำลังหมิ่นราชัน!”

เจ้าคางคกโวย โกรธจนหัวเสีย รอบตัวเขาแผ่แสงประกายสีทองอร่าม เมื่อลืมตาทั้งสองขึ้น เปลวเพลิงน่ากลัวไร้ขอบเขตวาบออกมา ราวกับทะเลเพลิงลุกโชนอยู่ภายในนัยน์ตา

อานุภาพน่ากลัวอย่างที่สุดขึ้นมาทันที

“หมิ่นราชัน?”

หลินสวินเลิกคิ้ว

เจ้าคางคกแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ ไม่สามารถเทียบกับเมื่อก่อนได้ แต่กลับยังต้านฝ่ามือของหลินสวินไม่ไหว เมื่อสะบัดออกไปอีกครั้งก็ตบจนเขาลื่นถลา แทบจะล้มท่าสุนัขก้มจับขี้

“แม่ง เจ้าแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร”

เจ้าคางคกลนลานขึ้นมา ไม่เหลือกลิ่นอายเย่อหยิ่งอีกต่อไป กุมท้ายทอยเอาไว้อย่างขึ้งโกรธหัวเสีย ท่าทางเดือดดาลเต้นเร่าๆ

เห็นหลินสวินยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง เจ้าคางคกพลันร้องเสียงหลง โบกมือพูด “อย่าตีๆ ยังเห็นข้าเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาอยู่ไหมเนี่ย”

หลินสวินยิ้มเยาะ “เจ้าเพิ่งจะนึกออกหรือ”

ป๊าบ!

ฝ่ามือหนึ่งตบที่ท้ายทอยอีกครั้ง

เจ้าคางคกเกือบจะน้ำตานองหน้า ครั้งนี้เขาปิดด่านนานปี ฟื้นพรสวรรค์สายเลือดได้สำเร็จ พลังปราณเกิดการเปลี่ยนแปลงปานถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก ต่างจากเมื่อก่อนมาตั้งนานแล้ว

เดิมทีคิดว่าออกด่านครั้งนี้จะสามารถมองข้ามทุกคน กวาดล้างคนในรุ่นเดียวกัน มีหรือจะคิดว่าเพียงแค่หลินสวินคนเดียวเท่านั้น ก็ตบจนเขาไม่อาจต้านทานได้!

“ใครคือเจ้าหลินน้อย” หลินสวินถาม

สีหน้าของเจ้าคางคกอึมครึมไม่นิ่ง ราวกับไม่สามารถยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ถูกหลินสวินโจมตี

เพียงแต่ตอนที่เห็นหลินสวินยกฝ่ามือขึ้น เขาพลันตะโกน “บนโลกนี้มีแค่เจ้าจินน้อย ไม่มีเจ้าหลินน้อย”

เจ้าจินน้อยหรือ

หลินสวินชะงัก จากนั้นถึงค่อยมีปฏิกิริยาขึ้นมา เจ้าคางคกก็คือจินตู๋อีมิใช่หรือ

เพียงแต่ เจ้าหมอนี่เรียกตนว่าเจ้าจินน้อย เหตุใดจึงน่าขยะแขยงเช่นนี้…

“งั้นข้าจำต้องโขกหัวคารวะอีกหรือไม่” หลินสวินถามอีก

เจ้าคางคกรีบส่ายหน้า พูดอย่างเก้อเขิน “พูดเล่น แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”

ในใจกลับเดือดดาลอย่างที่สุด เก็บตัวเงียบมาหลายปี เดิมทีคิดว่าจะสามารถทำตามอำเภอใจอย่างไม่มีอะไรต้องกลัว เหนือกว่าหลินสวินไประดับหนึ่ง แต่กลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

อนาถจริง!

เขาโอดครวญในใจ

หลินสวินขานรับว่าอ้อ แล้วถามต่อว่า “ข้าถือว่าหมิ่นราชันหรือไม่”

เจ้าคางคกแทบทรุด รีบพูดว่า “ข้าเรียกเจ้าว่าพี่ใหญ่แล้ว พอใจไหม ไม่เคยเจอใครที่รังแกกันขนาดนี้เลย!”

“ฮ่าๆๆ ข้าก็คิดว่าจะจะเก่งกาจขนาดไหน ที่แท้ก็แค่เจ้าอ่อนหัดไร้ประโยชน์ แม่งเอ๊ย เมื่อครู่นี้เกือบจะตกใจตายแล้ว”

อาหลู่ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะลั่นอย่างกำเริบเสิบสาน ดูถูกเจ้าคางคกอย่างมาก

เห็นว่าเจ้าคนที่ราวกับคนป่าเถื่อนคนหนึ่งยังกล้าหัวเราะเยาะตน เจ้าคางคกเดือดดาลขึ้นมาทันที พลันพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคนป่า เจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน กล้าหัวเราะเยาะข้า เชื่อไหมว่าข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”

อาหลู่คลี่แสยะยิ้ม “ไม่เชื่อ”

“เจ้า…” เจ้าคางคกเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถูกหลินสวินตีก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้แม้แต่คนป่าเถื่อนคนหนึ่งยังกล้าท้าทายเช่นนี้ นี่ทนไม่ได้แล้ว!

ตูม!

เขาก้าวออกมาทันที ฝ่ามือยื่นคว้า ประกายสีทองสว่างไสวโคจร ปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าตะลึงที่กลืนตะวันคายจันทรา เคลื่อนย้ายดาราขึ้นมาท่ามกลางความรางเลือน

ชั่วพริบตานี้อานุภาพของเจ้าคางคกน่ากลัวถึงขีดสุด!

หืม!

หลินสวินแปลกใจ สะบัดแขนเสื้อ กระจายพลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราออกไป เลี่ยงไม่ให้ทำร้ายเจ้าคางคก

ในเวลาเดียวกันอาหลู่เองก็หัวเราะลั่นออกมา ลงมือต่อสู้กับเจ้าคางคก

ตูม!

ทันใดนั้นทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงกึกก้องน่ากลัว ทำให้ฟ้าดินทั้งผืนยังสั่นไปด้วย

เจ้าคางคกเปล่งประกายไปทั่วทั้งตัว ประกายสีทองพุ่งทะลวงฟ้า เขาสำแดงวิชามรรคที่เรียกได้ว่าตะลึงโลกอย่างหนึ่ง ทุกการโจมตีที่ปล่อยออกไป ล้วนเผยอานุภาพยิ่งใหญ่ที่กลืนและคายตะวันจันทรา ทั้งดุเดือด รุนแรงและป่าเถื่อน

เริ่มแรกอาหลู่ไม่ทันสังเกตจึงถูกกำราบ เห็นได้ชัดว่าสะบักสะบอมอยู่บ้าง

นี่ทำให้เขาหัวเสีย “เจ้าอ่อนหัด คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือ”

ตูม!

เงาร่างที่ราวกับภูเขาสูงใหญ่ของอาหลู่ขยายออก เลือดลมเดือดพล่านราวกับมหาสมุทร ประหนึ่งเทพเถื่อนองค์หนึ่ง ระหว่างเคลื่อนไหวห้วงอากาศคล้ายรับพลังของกายหยาบนั่นไม่ไหว เกิดเสียงระเบิดแสบหู ปั่นป่วนถล่มทลาย

“โอ๊ะ ดูไม่ออกเลยว่าคนป่าอย่างเจ้าคือพวกที่เดินบนมรรคากายหยาบบรรลุอริยะ หากข้าดูไม่ผิด ที่เจ้าฝึกคงเป็น ‘วิชาดาวเหนือสยบโลกา’ สินะ”

เจ้าคางคกแปลกใจเล็กน้อย ราวกับยากจะเชื่อ “เจ้าเป็นอะไรกับเผ่าช้างเทพจักรพรรดิบรรพกาล”

“หยุดพูดไร้สาระ ลูกหลานเผ่าคางคกทองของพวกเจ้าหน้าตัวเมียกันหมดเลยหรือ เหตุใดจึงจู้จี้ขนาดนี้!”

อาหลู่คำราม เงาร่างยิ่งใหญ่ดุดันพุ่งทะลวงอากาศ สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่ารูขุมขนรอบตัวเขาขยายออก ปรากฏภาพมายาช้างเทพมากมาย ใช้ร่างกายเป็นคุก เหยียบย่างฟ้าดารา กำราบหมื่นโลกา!

พลานุภาพนี้ทำให้ฟ้าดินต่างเปลี่ยนสี

“หน้าตัวเมียหรือ ข้าจะตีคนป่าอย่างเจ้าให้ตาย!”

เจ้าคางคกร้องราวกับถูกกระตุกหนวด พุ่งขึ้นไปเข่นฆ่ากับอาหลู่อย่างบ้าคลั่ง

ทั้งสองต่อสู้กันอยู่ภายใต้ฟ้าดารา รัศมีแสงแผ่กระจาย เมฆลมสั่นสะเทือน สำแดงการต่อสู้ที่สะเทือนโลก

หลินสวินไม่ได้ห้าม เงยหน้าขึ้นมองการต่อสู้ ในใจกลับไม่สงบนัก

เขาดูออกแล้วว่าหลังจากเจ้าคางคกปิดด่านฝึกมาหลายปี ได้กลายเป็นคนละคนจากเมื่อก่อน และเหยียบย่างบนมกุฎมรรคาระดับกระบวนแปรจุติแล้ว!

นี่น่ากลัวมาก

ต้องรู้ว่าตอนอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ พลังต่อสู้ของเจ้าคางคกยังอ่อนแออย่างมาก ถึงขั้นเคยพูดว่าถ้าเขาไม่สามารถปลุกพรสวรรค์สายเลือดให้ตื่นขึ้นมา ก็ยากมากที่จะแสดงพลังต่อสู้ออกมา

แต่ตอนนี้เขาแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว เปลี่ยนแปลงไปมาก ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎในก้าวเดียว พัฒนาการนี้เรียกได้ว่าตะลึงโลกอย่างแน่นอน

อีกอย่างวิชามรรคที่เขาครอบครองก็น่ากลัวอย่างที่สุด กลืนตะวันคายจันทรา เคลื่อนย้ายดารา ชักนำอานุภาพทั่วฟ้า มหัศจรรย์เกินคาดเดาและสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตจริงๆ

จากการที่เขาสามารถต่อสู้กับอาหลู่ได้โดยไม่เสียเปรียบก็ดูออกแล้ว

ต้องรู้ว่าอาหลู่เป็นถึงสิบอันดับแรกในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์

อีกอย่างปีนี้เพิ่งจะอายุสิบเก้าปี มาจากแดนลับแห่งหนึ่ง ทั้งยังเดินบนมรรคากายหยาบบรรลุอริยะ ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เจ้าคางคกกลับสามารถต่อสู้กับเขาได้ ทำให้หลินสวินอึ้งไม่น้อยเลยจริงๆ

เช่นเดียวกัน พลังต่อสู้ที่อาหลู่สำแดงออกมาก็ทำให้ในใจหลินสวินไม่สามารถสงบได้

เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าในการแข่งขันยอดมกุฎรุ่นเยาว์ อาหลู่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างนี้ ราวกับว่าในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสองเดือน ในตัวอาหลู่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งบางอย่างเช่นกัน

‘วิชาดาวเหนือสยบโลกา เผ่าช้างเทพจักรพรรดิบรรพกาล… ที่เจ้าคางคกพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่’

หลินสวินเพิ่งจะพบว่า ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่รู้จักอาหลู่อย่างแท้จริง เจ้าคนที่ราวกับคนป่าผู้นี้ ความจริงคงมีที่มาที่น่าทึ่งอย่างมาก!

ตูม!

ทันใดนั้นอาหลู่ที่อยู่บนฟากฟ้ากวัดแกว่งกระบองเหล็กยักษ์ ราวกับเทพเถื่อนองค์หนึ่งสะบัดอาวุธเทพทะลวงฟ้า แสดงพลังทำลายล้างน่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา

“กระบองเก้าหลอมช้างเทพ! คนป่าอย่างเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าช้างเทพจักรพรรดิจริงๆ ด้วย!” เจ้าคางคกคล้ายตกใจยกใหญ่

เขาไม่รีรอ ตรงตำแหน่งหว่างคิ้วปลดปล่อยแสงทองที่สว่างไสวราวกับภาพฝัน

มองไปอย่างละเอียด นั่นเป็นสมบัติที่ราวกับเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่ง ด้านนอกกลมด้านในเหลี่ยม ซ้ายขวาสองข้างมีปีกสีทองงอกขึ้นมา มีลายมรรคที่คลุมเครือและแปลกประหลาดปรากฏอยู่ด้านบน ส่องแสงเรืองรองราวกับตะวันดวงน้อยอย่างไรอย่างนั้น

เคร้ง!

เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้น กระบองเหล็กยักษ์ของอาหลู่กลับถูกตีจนส่งเสียงก้องรุนแรง แทบปลิวหลุดมือไปอย่างเสียการควบคุม

“เหรียญทองแดงสมบัติร่วงหล่น!? บนโลกนี้มีของเล่นเช่นนี้จริงๆ งั้นหรือ”

อาหลู่ตะโกนร้อง เปล่งพลังโดยพลัน พลังรอบตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงได้สามารถควบคุมกระบองยักษ์ในมือไว้มั่น ไม่ได้หลุดออกไป

ครืนโครม!

ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง ห้วงอากาศถูกระเบิด ฟ้าดินปั่นป่วน ทะเลแถบนี้ยังม้วนตลบอย่างรุนแรงตามไปด้วย

หากไม่ใช่เพราะหลินสวินควบคุมพลังต้องห้ามของทะเลนี้ไว้ก่อนแล้ว เพียงแค่ระลอกคลื่นจากการต่อสู้ ก็สามารถดึงดูดการกำราบของค่ายกลวัฏจักรดาราได้แล้ว

เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว เขาถูกการต่อสู้ของเจ้าคางคกและอาหลู่ดึงดูดความสนใจอย่างสิ้นเชิง ในใจไม่สามารถสงบได้

ไม่ว่าจะเป็นอาหลู่หรือเจ้าคางคง ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ วิธีการต่อสู้ที่เผยออกมาก็ยิ่งน่าทึ่ง ล้วนเป็นสิ่งที่หลินสวินไม่เคยเห็นมาก่อน จะให้เขาสงบนิ่งได้อย่างไร

‘เดี๋ยวจะต้องถามเจ้าสองคนนั้นให้รู้เรื่อง!’ หลินสวินลอบตัดสินใจ

………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท