Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1099 ไผ่เทพต้นกำเนิด

ตอนที่ 1099 ไผ่เทพต้นกำเนิด

ณ เขามายาทมิฬ ภายในคฤหาสน์กว้างขวางแห่งหนึ่ง

หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งกำลังร้องไห้เสียงสั่นเครือ หันไปร้องทุกข์กับชายชราที่เป็นผู้นำ

นางคือมารดาของโก่วเหยียนเจิน

ส่วนชายชราก็คือโก่วหยางไห่ หัวหน้าเผ่าของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เป็นบุคคลน่าสะพรึงที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านเก้า ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะก้าวสู่ประตูระดับอริยะ

“หัวหน้าเผ่า เหยียนเจินเป็นคนที่ท่านชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ตอนนี้กลับตายที่ชายฝั่งทะเลหมากดารานั่น ข้า… ข้าแค้นใจนัก!”

โก่วหยางไห่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใต้เท้าเซวี่ยถูออกโรงแล้ว เจ้าเดรัจฉานน้อยอย่างหลินสวินต้องถูกสังหารแน่ นี่ยังไม่พอทำให้เจ้าคลายกังวลอีกหรือ”

พูดตามตรง ตอนที่ได้ยินข่าวการจากไปของโก่วเหยียนเจิน ก็ทำให้เขาเดือดดาลหาใดเปรียบเช่นกัน นี่เป็นถึงยอดผู้กล้าในเผ่าของเขา เป็นคนสมบูรณ์แบบที่มีความหวังในการเหยียบย่างระดับมกุฎราชันยามมหายุคมากที่สุด

แต่ตอนนี้กลับถูกคนฆ่าตายแล้ว!

“แต่ทะเลหมากดารานั่นมีผนึกต้องห้ามไร้เทียมทานปกคลุมอยู่ หากไอ้เด็กเหลือขอนั่นซ่อนตัวอยู่ในนั้น ใต้เท้าเซวี่ยถูเขา…” หญิงแต่งงานแล้วยังคงไม่เต็มใจ

แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกโก่วหยางไห่ขมวดคิ้วตัดบท “บังอาจ! นี่เจ้ากำลังสงสัยในพลังของใต้เท้าเซวี่ยถูอยู่หรือ ระดับอริยะดุจสวรรค์ ใช่สิ่งที่เจ้าจะประเมินค่าได้หรือ”

หญิงแต่งงานแล้วถูกทำให้ตกใจ ตัวสั่นเทิ้มทั่วร่าง

โก่วหยางไห่พูดเสียงอ่อนลง “วางใจเถิด ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ใต้เท้าเซวี่ยถู ยังมีอริยะอีกห้าคน เดรัจฉานน้อยหลินสวินนั่นมีแต่ต้องตายไร้ชีวิตรอด!”

ตูม!

และตอนนี้เอง เสียงระเบิดรุนแรงก็ดังลอยมาจากเชิงเขา ทั่วทั้งเขามายาทมิฬล้วนสั่นสะเทือน ลามมาถึงในโถงใหญ่แห่งนี้ด้วย

เวลาเพียงชั่วครู่ข้าวของต่างๆ อย่างโต๊ะเก้าอี้ เครื่องประดับ ถ้วยชาภายในห้องโถงใหญ่ก็สั่นกึกกัก ร่วงลงพื้นติดๆ กัน แตกกระจุยกระจาย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!?” โก่วหยางไห่ดีดตัวผึง สีหน้ามืดทะมึนในบัดดล นัยน์ตาวาบประกายเลือดชวนหวาดหวั่นสองสาย

“หัวหน้าเผ่า แย่แล้ว มีคนบุกเขามายาทมิฬของเราขอรับ!” นอกโถงใหญ่ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งร้องอย่างแตกตื่น

“ช่างกล้านัก! รู้หรือไม่ว่าเป็นขุมอำนาจสำนักไหน คร้านจะมีชีวิตแล้วสินะ!” โก่วหยางไห่เดือดดาล

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขาอิทธิพลครอบคลุมดินแดนรกร้างโบราณ ขุมกำลังยิ่งใหญ่ มีแต่พวกเขาที่ไปรุกรานผู้อื่น เคยถูกใครบุกเข้ามาถึงที่เมื่อไหร่กัน

ขนาดสำนักโบราณยังไม่กล้าทำเช่นนี้!

“มีแต่ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เอ่อ ใช่แล้ว ยังมีแกะอีกฝูงหนึ่งด้วย!” ผู้แข็งแกร่งคนนั้นกล่าวรายงาน

“แกะฝูงหนึ่ง?”

โก่วหยางไห่ตั้งตัวไม่ทัน เกือบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง “หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าแกะเขียว”

“ไม่ใช่ นะ… นั่นเป็นแค่เดรัจฉานทั่วไปฝูงหนึ่ง!” ผู้แข็งแกร่งคนนั้นทำหน้าเหยเก ไม่รู้เลยว่าควรอธิบายอย่างไรดี

“ไม่ว่ามันเป็นใคร กล้ามาอาละวาดที่เขามายาทมิฬของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดรอดชีวิตออกไป!”

โก่วหยางไห่สีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารพลุ่งพล่าน สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินออกนอกโถงใหญ่

ตู้ม!

เขามายาทมิฬโคลงเคลงรุนแรง หินผาพังครืน ต้นไม้เก่าแก่แหลกเป็นจุณ น้ำผุวิญญาณสาดกระเซ็นแห้งเหือด เสียงโหยหวนดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

หญิงลึกลับย่างเท้า บุคลิกแปลกแยก รอบกายรายล้อมด้วยรุ้งเทพแวววาว

เบื้องหน้าของนางยังไล่ต้อนแกะหนึ่งฝูงกับสุนัขหนึ่งตัวไปด้วย

ดูเหมือนกับไล่ต้อนขึ้นภูเขาไม่มีผิด

แต่พร้อมๆ กับการเดินมุ่งหน้าของนาง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่พุ่งกรูเข้ามาตลอดทางยังไม่ทันเฉียดใกล้ก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด พากันล้มคว่ำลุกไม่ขึ้น

สำหรับเรื่องนี้หญิงลึกลับไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ร่างอรชรยังคงปีนขึ้นเขาต่อไป

หลินสวินก็เดินตามอยู่อีกด้าน มองภาพเหตุการณ์ภาพแล้วภาพเล่า ในใจรู้สึกสะใจยิ่ง

ตอนอยู่แดนฐิติประจิม เขาก็ถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไล่ล่าสังหาร จนกระทั่งมาถึงแดนชัยบูรพา อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมเลิกรา จ้องเล่นงานเขาเหมือนวิญญาณร้ายตามติด

และตอนนี้ เรื่องทั้งหมดกลับเกิดจุดพลิกผัน เขาถูกพาตัวมาด้วย มาถึงหน้าประตูใหญ่ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ตลอดทางดุจดั่งย่างเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน!

ไม่อาจขวางกั้นอย่างแท้จริง!

“เจ้าเป็นใคร ใจกล้าคับฟ้า ไม่รู้หรือว่าที่นี่คือถิ่นของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!” ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับราชันคนหนึ่งตวาดลั่น

เพียงแต่ตอนที่สายตาเขาตกไปยังร่างของหญิงลึกลับ กลับเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกมา “จะจะเจ้าเป็น… อริยะ…”

น้ำเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด จิตวิญญาณของเขาก็เจ็บปวดรุนแรง ทรุดคว่ำกับพื้นอย่างปวกเปียก

ด้านหลังของระดับราชันคนนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งตามมาอีกสิบกว่าคน เห็นภาพนี้เข้าต่างพากันงงตาค้าง จากนั้นก็ร่วงกลิ้งเกลื่อนพื้นเสียงดังตุบๆ

หญิงลึกลับดูเหมือนเดินมุ่งหน้าทีละก้าว แต่ความเป็นจริงทุกๆ ย่างก้าวล้วนเหมือนย่อพื้นเหลือเพียงชุ่น ความเร็วว่องไวถึงขีดสุด

เมื่อมาถึงครึ่งไหล่เขา บนเส้นทางด้านหลังนางมีร่างนอนเกลื่อนขวางเต็มพื้น ส่วนใหญ่ล้วนตอบสนองไม่ทันก็ถูกสะเทือนจนสลบเหมือดไป

และมีบางคนตายค่าที่ตรงๆ เลือดย้อมภูเขา สาเหตุเป็นเพราะพวกเขาเคยสบถหยาบคาบ ด่าทอให้เสื่อมเสีย จึงต้องทิ้งชีวิตไป

ระเนระนาดเกลื่อนพื้น น่าสะพรึงอย่างยิ่ง

“สวรรค์ หนีเร็ว!” ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ได้เห็นภาพนี้ตกใจจนขวัญบิน หันหน้าหนีขึ้นเขาไปทันที

พวกเขาต่างรู้ดีว่าไม่เหลือที่ให้โต้กลับเลยสักนิด ห่างชั้นกันลิบลับ

“พวกสวะ ถอยออกไปให้หมด!”

ทันใดนั้นเสียงขึงขังหาใดเปรียบของโก่วหยางไห่พลันดังก้อง สะท้อนกลับไปมาทั่วบนล่างของเขามายาทมิฬ

และขณะเดียวกัน หญิงลึกลับเหยียบย่างบนเส้นทางภูเขา เงาร่างปราฏขึ้นที่บริเวณยอดเขา

บนยอดเขามายาทมิฬเป็นที่ราบกว้างอย่างที่สุด ตึกอาคารเก่าแก่ตั้งเรียงราย ทะเลเมฆแผ่พุ่ง ริ้วเมฆลอยเอื่อยดุจดั่งแดนพิสุทธิ์พ้นโลกีย์แห่งหนึ่ง

ประกายแสงสายหนึ่งส่องกระทบร่างหญิงลึกลับ พาให้ทั้งตัวนางย้อมด้วยกลิ่นอายดุจฝันมายา

“อริยะ!”

เพียงแวบเดียว โก่วหยางไห่ที่เดิมทีเดือดดาลจวนจะคลั่งประหนึ่งถูกคนสาดน้ำเย็นจัดใส่ สงบลงมาอย่างสิ้นเชิง หว่างคิ้วเจือแววตกใจระดันสงสัยอย่างควบคุมไม่อยู่

อริยะ!

คำสั้นๆ พาให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ ที่เดิมทีเอะอะโกลาหล ต่างประหนึ่งถูกตอกแน่นอยู่กับที่ ทั่วร่างแข็งทื่อ

ในลานเงียบสงัดทั้งแถบ

สายตาทุกคู่ต่างพากันมองไปยังที่เดียวกัน

ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แกะหนึ่งฝูง สุนัขดำหนึ่งตัว

ภาพนี้มองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกแปลกพิกลและเหลวไหวสิ้นดี

แม้แต่โก่วหยางไห่ยังอึ้งไปวูบหนึ่ง อริยะคนหนึ่งบุกมาถึงหน้าประตู กลับพาแกะหนึ่งฝูงและสุนัขหนึ่งตัวมาด้วย มองอย่างไรก็แปลกพิสดาร

“เป็นเจ้า เจ้าเดรัจฉานน้อยนั่น!”

ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมสายหนึ่งพลันดังขึ้น หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งจ้องหลินสวินที่อยู่ข้างๆ หญิงลึกลับด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย ท่าทางเดือดคลั่งอยากจะกัดคน

ในใจโก่วหยางไห่สั่นเทิ้ม จำหลินสวินได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ใจของเขาถูกหญิงลึกลับทำเอาสะเทือนขวัญ ถึงได้จำไม่ได้ในทันทีว่าคนหนุ่มคนนั้นเป็นใคร

เด็กนี่ยังไม่ตาย!

นี่คงไม่ได้หมายความว่า การเคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปทะเลหมากดาราของใต้เท้าเซวี่ยถู…

คิดถึงตรงนี้ในใจโก่วหยางไห่ก็สั่นเทิ้ม สีหน้าวูบไหวไม่มั่นคง ออกจะไม่อยากเชื่อ

“หัวหน้าเผ่า! รีบฆ่าเขาเร็ว ฆ่าเขาล้างแคนให้ลูกชายข้า!”

เสียงกรีดร้องของหญิงแต่งงานแล้วพาให้โก่วหยางไห่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ลงมือตบหญิงแต่งงานแล้วจนสลบหนึ่งฉาด นี่เป็นการกระทำจากจิตใต้สำนึกล้วนๆ

เพราะรู้ดีว่าการแหกปากร้องปาวๆ เช่นนี้ต่อหน้าอริยะคนหนึ่ง ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่ง!

“ผ่านไปตั้งหลายปีขนาดนี้ เขามายาทมิฬแห่งนี้ยังสภาพเหมือนเดิม เผยกลิ่นอายสกปรกเหม็นโฉ่”

หญิงลึกลับเอ่ยปาก กวาดมองรอบบริเวณพักหนึ่ง คล้ายผิดหวังน้อยๆ

น้ำเสียงของนางราบเรียบ แต่กลับเหมือนสัทครรลองมหามรรค แฝงความเคร่งขรึมที่สุด แผ่ครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ทุกคนในลานตัวเกร็งทั้งร่าง รู้สึกถึงแรงกดดันยากบรรยาย

“ไม่ทราบสหายยุทธ์มาที่นี่มีธุระอันใด”

โก่วหยางไห่สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงเข้ม มองข้ามความรังเกียจเดียดฉันท์ในคำพูดของหญิงลึกลับไป

เพียงแต่เวลานี้เสียงแหบชราหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น “หยางไห่ เจ้าถอยไปเถอะ อริยะมาเยือน มีแต่ต้องให้ข้ามารับหน้าด้วยตัวเอง”

พร้อมๆ กับเสียงนั้น ชายชราเงาร่างผอมแห้ง สวมชุดคลุมสีดำ รอยเหี่ยวย่นทั่วหน้าคนหนึ่งปราฏตัวขึ้นกลางอากาศ มาถึงในลานแห่งนี้

“ใต้เท้าเซวี่ยซิง!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬในลานอย่างพวกโก่วหยางไห่ต่างจิตใจสะท้านสะเทือน แรงกดดันและความหวาดกลัวในใจพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง

อริยะเซวี่ยซิง สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปิดด่านจวนครบแปดพันปีคนหนึ่ง!

สำหรับพวกโก่วหยางไห่ นี่คือบุคคลที่เป็นดั่งเสาหลักอย่างแน่นอน พาให้พวกเขาสบายใจไร้กังวล

“สหายยุทธ์ต้อนแกะฝูงหนึ่งมุ่งหน้ามาเพื่อธุระอันใด”

อริยะเซวี่ยซิงส่งเสียงแหบชรา มองหญิงลึกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหลินสวิน ถูกเขามองข้ามไปตรงๆ

“หนึ่งคือช่วยเด็กคนนี้ระบายแค้น สองคือทำการค้าขายกับพวกเจ้า”

หญิงลึกลับกล่าวสบายๆ

คราวนี้อริยะเซวี่ยซิงจึงเบนสายตาไปมองทางหลินสวิน

พริบตานั้นหลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน จิตวิญญาณยังสั่นสะท้าน เสมือนว่าเพียงสายตาวูบเดียวก็สามารถสังหารตนได้!

“หากเจ้าสายตาไม่ดี ข้าสามารถช่วยเจ้าควักออกมาได้ ถึงอย่างไรเหลือไว้ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี” ทันทีที่หญิงลึกลับเอ่ยประโยคนี้ออกมา แรงกดดันและความอัดอึดที่หลินสวินรับรู้อยู่พลันมลายหายไปทันที

พร้อมกันนั้นอริยะเซวี่ยซิงก็เก็บสายตากลับไป ยิ้มกล่าวว่า “สหายยุทธ์อย่าพูดเป็นเล่นไป ข้าก็แค่สงสัย ว่าเพราะอะไรกันแน่คนอย่างเจ้าถึงบุกเข้ามาในเขามายาทมิฬของข้า เพียงเพราะเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง”

“ง่ายนัก พวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ข้าเองก็ได้แต่มาด้วยตัวเองสักเที่ยวก็เท่านั้น” หญิงลึกลับกล่าวสบายๆ

อริยะเซวี่ยซิงอึ้งงัน โก่วหยางไห่เห็นเช่นนี้ก็รีบสื่อจิตอธิบายเป็นพัลวัน

ชั่วอึดใจอริยะเซวี่ยซิงหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาปรากฏลำแสงเทพน่าสะพรึง กล่าวว่า “สหายยุทธ์ ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา”

หญิงลึกลับกล่าว “รอให้ทำการค้าขายหนนี้เสร็จ เจ้าย่อมได้รู้แน่”

กล่าวพลางนางยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปที่หมาดำที่นอนหมอบอยู่ตรงนั้น ฝังหัวลงดิน ท่าทางอับอายจนอยากมุดดินไปให้รู้แล้วรู้รอด กล่าวว่า “ชีวิตของหมาตัวนี้ ขายให้พวกเจ้าแล้วกัน”

หมาดำตัวนี้ย่อมเป็นอริยะเซวี่ยถู เขามายาทมิฬแห่งนี้เดิมทีก็เป็นถิ่นที่อยู่ของเขา แต่ตอนนี้อริยะผู้สูงส่งอย่างเขากลับถูกคนไล่ต้อนมาถึงเผ่าตน หนำซ้ำยังจะขายให้คนเผ่าตัวเองอีก นี่อัปยศอดสูเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย พาให้เขาอับอายจนอยากตาย จวนจะบ้าคลั่ง

“หากข้ามองไม่ผิด นี่… เดิมทีก็เป็นคนของเผ่าข้า”

อริยะเซวี่ยซิงขมวดคิ้วกล่าว “ช่างเถิด พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ สหายยุทธ์ตั้งใจไว้ว่าจะเจรจาค้าขายครั้งนี้อย่างไร”

“ไผ่เทพต้นกำเนิดสิบลำก็พอ” หญิงลึกลับกล่าว

ไผ่เทพต้นกำเนิด!

ทุกคนในที่นั้นต่างเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน นี่เป็นถึงสมบัติสูงสุดของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขา เป็นวัตถุดิบเทพที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้า

ทอดสายตาไปทั่วหล้า ก็มีแต่ถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของเผ่าพวกเขาเท่านั้น ถึงจะสามารถฟูมฟักวัตถุดิบเทพเช่นนี้ออกมาได้!

อีกอย่างทุกๆ สามพันปีถึงจะมีไผ่เทพต้นกำเนิดงอกออกมาหนึ่งลำ ผลผลิตมีกำจัดอย่างที่สุด อย่าว่าแต่ขายเลย แม้แต่เผ่าของพวกเขาเองก็ยังไม่พอแบ่งกันด้วยซ้ำ!

แต่หญิงลึกลับคนนี้ พออ้าปากก็เรียกร้องไผ่เทพต้นกำเนิดสิบลำ นี่มันมากเกินไปชัดๆ!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท