Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1119 กำราบสัตว์ประหลาดยุคโบราณ

ตอนที่ 1119 กำราบสัตว์ประหลาดยุคโบราณ

เทพมารหลินเขา…

ก่อความวุ่นวายได้อย่างห้าวหาญจริงๆ!

เพียงประโยคเดียวทำให้สภาพจิตใจของทุกคนในที่นั้นปั่นป่วน สีหน้าเจือด้วยความสั่นสะท้านและเลื่อมใส

ในอดีตหลินสวินก็มีชื่อด้านความกล้าหาญเกินใคร โอหังไม่หวั่นกลัว ก่อให้เกิดคลื่นลมซัดสาดในแดนฐิติประจิมและแดนชัยบูรพาไม่รู้กี่ครั้ง ได้รับการขนานนามให้เป็น ‘เทพมาร’

เพียงแต่ช่วงไม่นานมานี้ ฟ้าดินแห่งนี้เหมือนกลายเป็นเวทีให้ปีศาจยุคโบราณจากทั่วสารทิศสำแดงความล้ำเลิศนำหน้า เผยอานุภาพอัศจรรย์

ใครจะคิดได้ว่ายามประลองกับจินเซี่ยวหมิงในวันนี้ เขากลับสง่างามยิ่งกว่าแต่ก่อน ทั้งยังรังเกียจที่อีกฝ่ายอ่อนแอเกินไปด้วย…

“เฮ้อ ความโดดเด่นถูกเขาชิงไปเสียแล้ว” เจ้าคางคกบ่นกระปอดกระแปด

อาหลู่ตบไหล่เขา เอ่ยปลอบใจว่า “อย่างไรเขาก็เป็นพี่ใหญ่ พวกเราจะไปชิงความโดดเด่นของเขาได้อย่างไร”

“หลินสวิน เจ้ามันสมควรตายจริงๆ!”

จินเซี่ยวหมิงตะคอกอย่างเย็นชา โกรธจนไอสังหารทั้งร่างพุ่งทะลุเมฆา แสงเขียวคับฟ้าปกคลุมทุกแห่งหน ตั้งแต่ปรากฏตัวบนโลกคราวนี้ เขาเคยถูกผู้อื่นเหยียดหยามขนาดนี้เสียที่ไหน

ทั้งยังถูกรังเกียจว่าอ่อนแอเกินไป นี่ทำให้เขาโกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง

ตูม!

เหนือเวิ้งฟ้าจินเซี่ยวหมิงเรียกกระบี่ศึกกว้างเล่มหนึ่งออกมา ลายมรรคสีทองหลั่งไหล ตระการตาหาใดเทียบ พุ่งกวาดพิฆาต พลานุภาพยิ่งดูน่าตื่นตะลึง ดุร้ายยิ่งนัก

ปึง!

พลังหมัดของหลินสวินดิบเถื่อนตรงไปตรงมา สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจู่โจมอย่างไรก็ล้วนถูกเขาใช้พลังหมดบดขยี้ให้แหลกสลายทั้งสิ้น

“ข้าสงสัยนักว่าเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณหรือไม่กันแน่ ทำไมถึงอ่อนแอปานนี้” หลินสวินนิ่วหน้า ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

ก่อนหน้านี้เขายังนึกว่าหาคู่ตัวสู้ตัวฉกาจผู้หนึ่งเจอแล้ว หมายจะถือโอกาสนี้มาคาดคะเนรากฐานพลังของสัตว์ประหลาดยุคโบราณเหล่านั้น

นี่ทำให้หลินสวินผิดหวังอยู่บ้างจริงๆ ไม่ใช่การจงใจเหยียดหยามหรือเยาะเย้ยอีกฝ่าย

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

จินเซี่ยวหมิงสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมคล้ำเขียวถึงที่สุด โกรธจนปอดแทบระเบิด เขามีฐานะเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎของเผ่างูราชันทองคำ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้วเขาก็ทะลวงระดับบรรลุสูงสุดของมรรคา มีพลังมากพอให้ภูมิใจในตนเอง

ใครจะคิดว่าคราวนี้กลับถูกหลินสวินฉีกหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ นี่ทำให้เขาไม่หงุดหงิดได้หรือ

ตูม!

ฉับพลันทันใดเหนือเวิ้งฟ้าปรากฏประกายกระบี่คมหนาแน่นหาใดเทียบ แต่ละสายล้วนคมกริบไร้เทียมทาน มีมากมายนับหมื่นพันแผ่ขยายไปในห้วงอากาศ ส่งเสียงเคร้งๆ ประหนึ่งธารกระบี่สายใหญ่!

นี่เป็นกระบวนท่าสังหารของจินเซี่ยวหมิง เจตกระบี่ราวสายธาร คมกระบี่ราวสมุทร!

คมกระบี่ทุกสายประหนึ่งผู้ฝึกกระบี่ทรงพลังผู้หนึ่ง คมกระบี่นับหมื่นนับพันสายปรากฏขึ้นราวกองทัพผู้ฝึกกระบี่ทัพหนึ่ง สภาพการณ์น่าหวาดหวั่น

ในที่สุดหลินสวินก็รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตราย แต่ไม่ตระหนกกลับยินดี

เขาส่งเสียงเบาๆ ครั้งหนึ่ง โคจรพลังทั่วร่าง ชั่วพริบตาก็กระแทกพลังหมัดนับร้อยพันออกมาอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งมังกรกล้าตัวแล้วตัวเล่าทะยานฟ้า กระหวัดตัวกลางอากาศ เบียดตัวแน่นไปทั้งฟ้าดิน!

ปังๆๆ!

คมประบี่แผ่พุ่ง พลังหมัดกึกก้อง ปะทะกันกลางอากาศ ภาพการณ์พลันน่าหวาดหวั่นขึ้นมา ทำให้ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยความปั่นป่วน

คมกระบี่บางส่วนถูกสกัดขวาง แต่ยังอีกส่วนกรีดทึ้งห้วงอากาศ พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

รอบกายหลินสวินปรากฎอักษรเคราะห์อันอัศจรรย์และคลุมเครือซึ่งมีรูปลักษณ์แตกต่างกันเก้าตัว ลอยวนเวียนในห้วงอากาศ สลายและคลี่คลายคมกระบี่พวกนี้ได้อย่างง่ายดาย

ฟุ่บๆๆ!

ยังมีคมกระบี่บางส่วนแทงไปที่อื่น แสงเขียวถาโถมทันใด ทำให้พื้นดินหลอมละลาย ภูผาพงไพรยุบตัว เกิดกลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่น

“ฆ่า!”

จินเซี่ยวหมิงยิ่งดุร้าย พุ่งเข้าไปในห้วงอากาศ เจตกระบี่เทลงมาราวภูผาถล่มทะเลหวีดร้อง ท่วงท่าเหี้ยมหาญหาใดเทียบเช่นนั้นทำให้หลายคนต่างใจสั่นระรัวไม่ว่างเว้น

แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไร รอบกายหลินสวินมีอักษรเคราะห์ปรากฏขึ้น ประหนึ่งหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย!

หนำซ้ำพลังหมัดที่เขาโคจร ทุกการโจมตีล้วนหนักหน่วงทรงพลัง แข็งแกร่งเกินต้านทาน ทำให้จินเซี่ยวหมิงถูกขวางอยู่ตลอด ไม่อาจเข้าใกล้ได้ อัดอั้นจนแทบคลุ้มคลั่ง

ตูม!

ทันใดนั้นจินเซี่ยวหมิงแปลงร่างเป็นงูยักษ์ทองคำตัวหนึ่ง ร่างยาวถึงพันจั้งปกคลุมด้วยเกล็ดงูสีทองเจิดจรัส ศีรษะมีเขามังกรงอก ดวงตามรกต ยามอ้าปากเหมือนสามารถกลืนกินสุริยันจันทราได้!

อานุภาพดุดันน่ากลัวหาใดเทียบก็อบอวลออกมาด้วย มองดูจากไกลๆ ช่างเหมือนเจินหลงสีทองตัวหนึ่ง ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดหวั่น

โครม!

งูยักษ์สีทองสะบัดหาง ประหนึ่งฟ้าถล่มผืนดินแตกแยก ร่างกายเกี่ยวกระหวัดราวดวงอาทิตย์สีทอง แสงเทพไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกมา กลิ่นอายน่าครั่นคร้าม

“สวรรค์! ถึงกับบีบให้จินเซี่ยวหมิงผู้นี้เผยร่างจริง!”

“งูราชันทองคำ นี่เป็นถึงเผ่าเก่าแก่น่ากลัวเผ่าหนึ่ง ในยุคบรรพกาลจัดอยู่ในหมู่ร้อยปีศาจใต้หล้า อ้าปากสามารถกลืนกินสมุทรธารา พลิกกายสามารถกดข่มภูผานที!”

ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน ไม่อาจสงบลงได้แล้ว

หลินสวินไม่กลัว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งและโคจรพลังเจินหลง ระหว่างนั้นเขาเหมือนแปลงกายเป็นเจินหลงตัวหนึ่ง ชูคอในห้วงอากาศ อานุภาพมังกรอบอวลสั่นสะท้านโลกหล้า

ครืน!

แสงเทพแผ่พุ่งระหว่างทั้งสองคน ราวมังกรและงูขู่ฟ่อ พลังต่อสู้ปะทะกัน ห้ำหั่นจนฟ้าดินมืดหม่น สุริยันจันทราอับแสง

เกล็ดงูบางแผ่นหล่นลงมาเป็นระยะ เจือแสงมรกต และยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็ถูกซัดสะเทือนจนถอยหลังไปบ้างเช่นกัน

นี่ทำให้เขาเคร่งครัดขึ้น สมกับเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎชั้นสูงสุด แม้จินเซี่ยวหมิงจะเย่อหยิ่งจองหองหาใดเทียบ แต่พลังต่อสู้ก็ไม่อาจดูเบาได้จริงๆ

แต่ว่า ก็แค่เท่านี้!

เมื่อหลินสวินโคจรทั้งโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์ เสริมด้วยนัยเร้นลับแห่งเจินหลง สำแดงมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ไม่นานก็เผยอานุภาพกดกำราบ

ปึง! ปึง! ปึง!

พลังหมัดสายแล้วสายเล่าเหมือนเจินหลงโจนทะยาน ทำลายสิ่งกีดขวางทั้งปวง กระแทกใส่ร่างงูราชันทองคำนั้นอย่างจัง เล่นงานจนร่างของมันสั่นคลอนบ้าคลั่ง บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา

ในขณะเดียวกันเกล็ดสีทองก็ปริแตก เริ่มหลุดลอกออกมา ทั้งยังติดเลือดเนื้อมาด้วย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

“เทียบกับความสามารถในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เทพมารหลินเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงเหมือนถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก!”

“หนึ่งปีที่ปิดด่านในแดนลับไร้มรณะ ต้องทำให้เทพมารหลินได้ประโยชน์มาไม่น้อย”

เวลานี้ทั้งบนล่างของภูเขาล้วนเต็มไปด้วยเสียงชื่นชมและทอดถอนใจ

จินเซี่ยวหมิงสะดุดตามาก สมเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ แต่เทพมารหลินน่ากลัวยิ่งกว่า กดข่มจนอีกฝ่ายถูกขัดขวางอยู่ตลอด!

“ตายซะ!”

ทันใดนั้นจินเซี่ยวหมิงส่งเสียงคำราม ปากพ่นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งออกมา

หลินสวินตกใจ เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นพลังป้องกันตัวของเขาก็ถูกทำลาย หากไม่ใช่เคลื่อนไหวออกมาได้ทันเวลาก็เกือบโดนโจมตีแล้ว

“เพลิงมรกตงูสวรรค์!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด นี่คือเพลิงเทพที่เผด็จการร้ายกาจอย่างที่สุดชนิดหนึ่ง เป็นพลังอภินิหารพรสวรรค์ของเผ่างูราชันทองคำ ถ้าถูกโจมตี จะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงที่สุด

พรึบ!

ต่อมายามหลินสวินต่อสู้ เขาจับเพลิงมรกตงูสวรรค์กลุ่มหนึ่งเอาไว้ ในสถานการณ์ที่ไม่ได้สำแดงพลังมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้ผิวหนังของเขากร่อนเป็นโพรง เลือดเนื้อไหม้ดำ

“ไอ้โง่ พลังระดับนี้เจ้าหลอมได้ที่ไหน” จินเซี่ยวหมิงส่งเสียงดูถูก เห็นได้ชัดว่าภาคภูมิใจกับเพลิงมรกตงูสวรรค์มาก

แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเขาก็ตาเบิกกว้าง มองเห็นว่าโพรงบนผิวหนังของหลินสวินคืนสู่สภาพเดิมในชั่วพริบตา!

นี่…

จินเซี่ยวหมิงแทบไม่กล้าเชื่อ

และนี่ ก็คือจุดแข็งของมรรคไร้มรณะ!

ตูม!

ในขณะเดียวกันหลินสวินพุ่งขึ้นสู่เมฆา ประหนึ่งอรหันต์สยบมังกรพิชิตพยัคฆ์ แสงมรรคทั่วตัวส่งเสียงโครมคราม ต่อยหมัดเตะเท้า กำราบร่างยาวพันจั้งของงูราชันทองคำโดยสมบูรณ์ เลือดเนื้อสาดกระเซ็น เกล็ดงูร่วงผล็อยราวสายฝน

จินเซี่ยวหมิงเจ็บปวดคำรามเดือดดาล ดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

หลินสวินดูออกแล้วว่าจินเซี่ยวหมิงได้ใช้พลังถึงขีดสุดจนหมดแล้ว ถ่วงเวลาต่อไปก็ไม่มีความหมายเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ปรานีอีก

ต่อมาจินเซี่ยวหมิงแปลงร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ถือกระบี่ศึกเข้าประจัญบาน แต่ยังไร้ประโยชน์ดังเดิม ถูกหลินสวินกดข่มโดยสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บบนร่างยิ่งรุนแรง เลือดเนื้อแหลกเละ

และเมื่อมาถึงตอนนี้ ทุกคนถึงรู้ว่าเทพมารหลินในตอนนี้น่ากลัวขนาดไหน ก่อนที่หลายคนจะมาที่นี่ต่างเคยได้ยินเพียงชื่อเสียงของเขาเท่านั้น ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง

ดังนั้นเวลานี้ถึงสะท้านใจเป็นพิเศษ

ควรรู้ว่าจินเซี่ยวหมิงผู้นั้นเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณ ชื่อเสียงอื้อฉาว ก่อนหน้านี้เอาชนะบุคคลขอบเขตมกุฎในยุคปัจจุบันมาแล้วมากมาย มีพลังยอดเยี่ยมหาคู่ต่อสู้ได้ยาก

แต่ด้วยภายใต้น้ำมือหลินสวิน นั่นไม่เหมือนต่อกรกับสัตว์ประหลาดยุคโบราณเลย กลับเหมือนกำราบงูยักษ์ตัวหนึ่งจริงๆ ง่ายดายเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนล้วนตื่นตระหนก

“สมเป็นเทพมารหลิน ช่วงที่เก็บตัวนี้เห็นได้ชัดว่าพลังต่อสู้เทียบกันเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ในหมู่ยอดมกุฎในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเอกอุ!”

ฉีชงโต้วทอดถอนใจ เขาพาตัวเองขึ้นไปบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ด้วยกันกับหลินสวิน เพียงแต่ดูท่าตอนนี้ หลินสวินได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตกใจอีกครั้งในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกไล่ตามไม่ทัน

หากเปลี่ยนเป็นเขาคงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของจินเซี่ยวหมิงผู้นี้ได้!

ตอนนี้ผู้ฝึกปราณคนอื่นก็เหมือนกับฉีชงโต้ว ตื่นเต้นอย่างยิ่ง พร่ำพูดทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่ ความเร็วในการเติบโตของเทพมารหลินรวดเร็วเกินไปแล้ว เทียบกับเขาก็รังแต่จะกระทบกระเทือนจิตใจ

เหนือเวิ้งฟ้าร่างของจินเซี่ยวหมิงเลือดเนื้อเหวอะหวะ กระดูกหักเป็นท่อน แต่ยังดุดันไม่เปลี่ยน ดูแกร่งกล้าผิดธรรมดา

ปึง!

เมื่อถูกหลินสวินโจมตีอีกครั้ง เขาพลันส่งเสียงคำรามยาว เกี้ยวสมบัติกระพรวนทองทั้งคันทะยานขึ้นกลางอากาศ ภาพเทพมารร้อยปีศาจปรากฏขึ้นจากบนนั้น รุ้งเจ็ดสีแผ่พุ่ง

เงาร่างจินเซี่ยวหมิงพริบไหวพุ่งเข้าไปภายในเกี้ยวสมบัติ หมายจะหลบหนีไปไกลให้เร็วที่สุด

แต่กลับเห็นว่าหลินสวินยื่นมือออกไป เจดีย์สมบัติไร้อักษรก็ปรากฏขึ้น แสงมรรคทองนิลกาฬกวาดเบาๆ คราหนึ่ง เกี้ยวสมบัติกระพรวนทองนั้นก็ส่งเสียงดังลั่น ถูกกดข่มลง จากนั้นปรากฏการณ์ประหลาดทั้งมวลก็หายไป

ที่ตามมาติดๆ ก็คือจินเซี่ยวหมิงตกลงมาจากในเกี้ยวสมบัตินั้น ถูกหลินสวินที่กระโจนเข้ามาคว้าแขนเสื้อไว้ กักขังได้โดยสิ้นเชิง

จินเซี่ยวหมิงหวาดผวาโดยสมบูรณ์ เกี้ยวสมบัติกระพรวนทองหลังนี้เป็นถึงสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง ถือเป็นสมบัติของเผ่างูราชันทองคำ อานุภาพเหลือคณา แต่ตอนนี้กลับถูกกำราบเสียแล้ว

จินเซี่ยวหมิงตระหนกจนตาแทบหลุดจากเบ้า เหงื่อกาฬไหลอาบไปทั้งตัว สติแตกไปหมดแล้ว เทพมารหลินผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง

ตุ้บ!

จากนั้นเขาก็ถูกโยนลงที่ไหล่เขาวิญญาณพันกระแส นอนนิ่งเช่นนั้นไม่อาจขยับได้ กระดูกทั้งร่างแตกหัก เลือดสดๆ ย้อมไปทั้งตัว

ตอนนี้ในใจทุกคนล้วนพรั่นพรึง แววตาเหม่อลอย ความแข็งแกร่งของเทพมารหลินทำให้พวกเขาสะเทือนใจอีกครั้ง

ผลงานการต่อสู้เช่นนี้ ฝีมือเช่นนี้ สลัดรุ่นเดียวกันทิ้งไปไกลลิบ เรียกได้ว่าเย้ยฟ้า!

บางทีคงมีเพียงบุคคลอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ เยี่ยนจั่นชิว ถึงสามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาได้

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ที่ตีนเขา พวกผู้ฝึกปราณว้าวุ่นและฮือฮาไม่ว่างเว้น

หลินสวินเก็บตัวเงียบมาหลายเดือน แต่ทันทีที่เผยตัวก็กำราบสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่ง ผลงานเช่นนี้เพียงพอจะทำให้เป็นที่สะดุดตาในปัจจุบัน พาให้ใต้หล้าสะท้านสะเทือน!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท