Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1135 อุบายของเผ่าอีกาทอง

ตอนที่ 1135 อุบายของเผ่าอีกาทอง

ครุ่นคิดครู่ใหญ่หลินสวินก็ส่ายหัว สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินทางต่อไป

ไม่ว่ากู่ฝอจื่ออะไรนั่นเป็นใคร ในแดนมกุฎแห่งนี้ หากกล้าเป็นศัตรูกับตน หลินสวินก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าพระฆ่าเจ้า!

แดนเผาเซียนกว้างใหญ่เกินไปแล้วจริงๆ ทุกที่ล้วนปรากฏทิวทัศน์แดงเพลิง ภูผาธารา ลำน้ำแม่น้ำ ผืนแผ่นดิน ราวลุกโชนเผาไหม้

แม้แต่เวิ้งฟ้ายังมีสีแดงชาดงดงาม

ทว่ากลับไม่ร้อนแผดเผา

ตลอดทางหลินสวินเริ่มพบผู้ฝึกปราณมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างรีบรุดไปในทางเดียวกัน

อีกทั้งด้วยการสนทนากับพวกเขา ทำให้หลินสวินได้รู้ว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้ก็กำลังมุ่งหน้าไปเมืองโบราณเผาเซียนเช่นเดียวกันกับเขา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากเข้าสู่แดนเผาเซียน ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจเก่าแก่ไหน ต่างถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป

นี่ก็หมายความว่ามีเพียงเข้าสู่เมืองโบราณเผาเซียนเท่านั้น ผู้สืบทอดขุมอำนาจเหล่านั้นถึงรวมตัวกันได้ จากนั้นถึงเริ่มเคลื่อนไหว

แน่นอนว่ามีผู้ฝึกปราณที่ฉายเดี่ยวเช่นกัน หากไม่ใช่พวกเชื่อมั่นในพลังที่แท้จริงของตนอย่างยิ่งยวด ก็เป็นพวกผู้ฝึกปราณอิสระที่พลังปราณอ่อนแอ เข้ามาในแดนมกุฎเพื่อเสี่ยงดวงอย่างแท้จริง

ครืน!

เหนือเวิ้งฟ้าอีกาทองหลายตัวเคลื่อนที่ในอากาศ ปีกสีทองเจิดจ้ากระพือแสงเทพเปลวเพลิงออกมานับหมื่นพัน แผดเผาห้วงอากาศ ราวดวงอาทิตย์หลายดวงเคลื่อนขวาง

“เร็วเข้า เป้าหมายกำลังมุ่งหน้าไปเมืองโบราณเผาเซียน องค์ชายเจ็ดบัญชาลงมาแล้วว่าต้องจับคนผู้นี้ให้ได้!”

“เป็นเทพมารหลินใช่ไหม”

“ไปแล้วเจ้าจะรู้เอง”

อีกาทองหลายตัวนั้นเพิ่งมารวมตัวกันอย่างชัดเจน พูดคุยกันพลางเคลื่อนกายไปในเวิ้งฟ้าไกลลิบ

การพูดคุยไม่มีปิดบัง ดูกำเริบเสิบสานไร้ความหวั่นเกรง และดูออกว่าผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอีกาทองมีความมั่นใจนัก ไม่กลัวถูกคนอื่นได้ยิน

ดวงตาดำของหลินสวินวาบแววเย็นเยียบ อีกาทองเหล่านี้คิดจะต่อกรกับใครบางคนอย่างเห็นได้ชัด แต่ในคำพูดของพวกเขากลับพูดถึงตนเสียอย่างนั้น!

‘ไม่ร่วมมือกับพวกเจ้า ก็เลยคิดจะมองข้าเป็นศัตรูหรือ…’

ไอสังหารในใจไหววูบ พอจะตัดสินได้ว่าอูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทองต้องร่วมมือกับเทพธิดาหลิงหวาผู้นั้น มองตนเป็นศัตรูคู่แค้นแล้วแน่ๆ!

สวบ!

หลินสวินไม่ได้ลังเล พุ่งขึ้นไปอย่างว่องไว รวดเร็วอัศจรรย์ เงาร่างทะยานท่องไปในฟ้าดินกว้างใหญ่ราวชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง

……

“แม้ผู้ฝึกปราณที่เข้าไปในแดนเผาเซียนมีหลายสิบล้านคน แต่เกินครึ่งก็เป็นตัวเป้ากระสุนที่ต้านทานการโจมตีไม่ได้!”

“ขุมอำนาจที่สามารถต่อต้านเผ่าอีกาทองของพวกเรา ก็มีเพียงสิบกว่ากลุ่มเท่านั้น”

เหนือห้วงอากาศ ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างหยิ่งผยอง เจือความอวดดี

“ถ้าแบ่งกันชัดๆ ในแดนเผาเซียนแห่งนี้ กำลังของเผ่าอีกาทองของเราเพียงพอจะยึดกุมข้อได้เปรียบโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็อยู่ในสามอันดับแรก!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งยิ้มพูดว่า “ที่น่าขันก็คือองค์ชายเจ็ดออกตัวเชื้อเชิญเอง เทพมารหลินนั่นกลับไม่รู้ดีชั่ว ดื้อแพ่งขัดแย้งกับองค์ชายเจ็ด โง่งมอะไรปานนี้”

“เจ้าหมอนี่ไม่ได้โง่ แต่บ้าระห่ำเกินไปต่างหาก ยามอยู่โลกภายนอกเขาก็ขึ้นชื่อเรื่องใจกล้าคับฟ้า นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั้งโลก น่าเสียดาย คราวนี้เขามาก่อเรื่องผิดที่เสียแล้ว ในแดนมกุฎแห่งนี้เทียบกับโลกภายนอกไม่ได้ หากจะฆ่าเขา ใครก็ช่วยเขาไม่ได้!”

คนอื่นก็พากันเออออ “ถูกต้อง คนที่กล้าขัดแย้งกับเผ่าอีกาทองของเรา ยังไม่มีใครตายดีสักคน!”

“เป้าหมายที่องค์ชายเจ็ดต้องการจับเป็นคราวนี้เป็นใคร”

จู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นตอนนี้

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่เป็นหัวหน้ากล่าว “รอถึงเมืองโบราณเผาเซียนก็รู้แล้ว”

ทันใดนั้นเขาก็อึ้งไป พลันรับรู้ได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ผู้ที่เอ่ยถามไม่ได้เป็นพวกพ้องข้างกายตน!

ในขณะเดียวกันนี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นๆ ก็ได้สติกลับมา ต่างพากันทอดสายตามองไปไกล

คนหนุ่มเงาร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวพระจันทร์ผู้หนึ่งกลับมาขวางทางกลางอากาศเบื้องหน้าไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน

“เทพมารหลิน!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเหล่านี้หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

แม้ว่าจะดูถูกดูแคลนหลินสวินถึงที่สุด แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าเทพมารหลินแข็งแกร่งเกินธรรมดา เป็นตัวร้ายที่สามารถกำราบสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้คนหนึ่ง

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

มีคนตะคอกเสียงดัง แต่กลับเจือความไหวหวั่นไว้ภายใน

“จะถามอะไรพวกเจ้าหน่อย ถ้าร่วมมือแต่โดยดีก็จะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ถ้าไม่ร่วมมือแต่โดยดี… อืม ข้ายังไม่เคยกินเนื้ออีกาทอง ก็ไม่รังเกียจที่จะลองดูสักหน่อย”

หลินสวินพูดพลางย่างเท้าก้าวเข้ามา ดวงตาดำเย็นชา สายตาที่มองพวกเขาเหมือนกำลังประเมินวัตถุดิบอาหารกองหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนกลัวจนตัวสั่น ในใจทั้งขุ่นเคืองและหวาดหวั่น ตอนอยู่หน้าเมืองนำทาง พวกเขาเห็นภาพหลินสวินกินอินทรีฟ้ากิเลนเขียวกับตา

“นี่เจ้าจะเป็นศัตรูกับเผ่าอีกาทองโดยสมบูรณ์หรือ ขอเตือนเจ้าว่าอย่าทำเช่นนี้ดีกว่า หาไม่แล้วหากองค์ชายเจ็ดรู้เข้าต้องไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งตะคอกดังลั่น

หลินสวินคร้านจะพูดจาไร้สาระ ลงมือทันควัน รีบจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ต้องการเสียเวลา

ตูม!

พลังหมัดสายแล้วสายเล่ายิงพุ่ง อานุภาพราวมังกรใหญ่ทะยานสู่เก้าชั้นฟ้า บดอัดห้วงอากาศ

ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมและเสียงคำรามก็ดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเหล่านี้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อต้านทาน แต่จะต้านท้านไว้ได้อย่างไร เพียงพริบตาก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งถูกฆ่าตาย

ปึง!

ร่างกายระเบิดออก ขนนกร่วงโรย ฝนเลือดเทลงกลางอากาศ

ไกลออกไปผู้ฝึกปราณที่ผ่านมาบางคนเห็นเช่นนี้ก็ล้วนตื่นตระหนกยกใหญ่ มีใครกล้าสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองด้วยหรือนี่

แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหลินสวินอย่างชัดเจนต่างแสดงสีหน้าพิกล ที่แท้เป็นเทพมารหลิน! ทีนี้ก็เข้าใจได้ง่ายแล้ว…

“ฆ่า!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเหล่านั้นตาแทบถลน แต่ละคนเรียกวิชาลับและสมบัติออกมา แสงเทพโชติช่วง แสงไฟดุจทะเลเพลิง เอาชีวิตเข้าแลกกับหลินสวิน

ฟุ่บ!

เงาร่างของหลินสวินหายลับไปจากที่เดิม เขารวดเร็วเกินไปแล้ว โลดแล่นปราดเปรียวไม่หยุดนิ่ง ประหนึ่งชือน้ำแข็งกำลังท่องไปในเมฆหมอก

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งนิ้วมือของเขาส่องแสง หนึ่งหมัดระเบิดร่างของผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งให้แตกกระจุย

“เศษเดนอย่างเจ้าถึงกับกล้าทำตัวร้ายกาจเช่นนี้ ก็รอถูกฆ่าเถอะ!”

หญิงสาวผู้หนึ่งหวีดร้อง ถูกกระตุ้นจนแทบคลุ้มคลั่ง ชูมือเรียกร่มเปลวเพลิงสีทองเจิดจ้าคันหนึ่งออกมา เปล่งแสงสะดุดตากำราบหลินสวิน

ร่มเพลิงทะยานทอง สิ่งนี้เป็นสมบัติอันมีเอกลักษณ์ที่เผ่าอีกาทองหลอมขึ้นชิ้นหนึ่ง หน้าร่มกางออกราวม่านฟ้าปิดลงมา เปลวเพลิงไหลอยู่ในนั้นประหนึ่งเพลิงสวรรค์มาเยือนโลก

ส่วนแกนร่มใช้เพลิงสมาธิหลอมขึ้น ดุจดั่งเสาอัคคีค้ำฟ้า เปล่งประกายเหมือนทองคำ พลานุภาพดุดันอหังการ

ถึงกระนั้นที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็คือ หลินสวินวาดฝ่ามือออกไปคราเดียว แก่นมรรคธาตุน้ำที่แข็งแกร่งเกินต้านทานแปรสภาพเป็นคมดาบฟันแกนร่มนั้นหัก ต่อมาก็กดข่มลงจนร่มระเบิดกระจุยดังปัง

ฟุบ!

หญิงสาวผู้นั้นกำลังจะหลบหนีก็ถูกประทับปี้อั้นกระแทกตัว เลือดเนื้อในกายระเบิดแตกตายคาที่

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองสามคนก็ตายคาที่ ถูกหลินสวินสังหารราบคาบ ดูอ่อนแอถึงที่สุด

และวิธีสังหารอหังการเช่นนี้ ผู้ฝึกปราณไม่น้อยที่ดูอยู่ไกลออกไปล้วนตัวสั่นเทา ดุร้ายเกินไปแล้ว สมเป็นเทพมารหลินที่กิตติศัพท์ร้ายกาจสะท้านโลก!

สวบ!

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่เหลืออยู่นั้นเห็นท่าไม่ดี แปลงกายเป็นอีกาทองตัวหนึ่ง กระพือปีกหนีไปไกลอย่างว่องไว

หลินสวินยื่นมือคว้า พลังไร้รูปร่างของผนึกป้าเซี่ยแผ่ขยายดุจตาข่ายมหามรรค กักขังอีกาทองตัวนั้นไว้แล้วลากกลับมาอย่างรุนแรง

“เจ้า…”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองตัวนี้กำลังจะแผดเสียง ก็ถูกหลินสวินใช้ฝ่ามือหนึ่งตบให้สลบ ตกเป็นเหยื่อที่ถูกถือเอาไว้ในมือ

จากนั้นหลินสวินก็เหลือบมองผู้ฝึกปราณโดยรอบปราดหนึ่ง เงาร่างไหววูบแล้วหายลับไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว

“ขะเขา… คิดจะกินเนื้ออีกาทองจริงๆ หรือ”

ผู้ฝึกปราณบางคนสูดหายใจเย็นเฉียบ นี่เทพมารหลินจะอยากอาหารมากไปแล้วกระมัง ไม่กลัวลวกปากหรือไร

……

ในหุบเขาที่มีหินผาสีแดงชาดแห่งหนึ่ง รอบทิศปราศจากผู้คน

ไม่ต้องทรมานเค้นเอาคำสารภาพ เมื่อผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่ถูกจับมาคนนั้นฟื้นคืนสติ ก็เอ่ยปากบอกเรื่องที่ควรปกปิดออกมาจนหมด

ที่แท้เป้าหมายที่พวกเขาต้องการต่อกรด้วยคราวนี้คือเจ้าคางคกกับอาหลู่!

นี่เป็นบัญชาขององค์ชายเจ็ดอูหลิงเฟย ให้จับเป็นทั้งสองคนเพื่อใช้ข่มขู่หลินสวินให้ยอมสยบ เชื่อฟังคำสั่งเขา!

“ทำไมต้องหาเรื่องข้าด้วย” หลินสวินนิ่วหน้า

เขาใคร่ครวญกับตัวเองแล้วว่าไม่ได้ผิดใจแค้นเคืองกับอีกฝ่าย แต่อูหลิงเฟยกลับหมายหัวเขาอย่างชัดเจน กำลังเคลื่อนไหวต่ำช้าบางประการอย่างลับๆ

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนนี้ยิ้มหยัน “เทพมารหลินอย่างเจ้าทำไมถึงใสซื่อปานนี้ ที่นี่เป็นถึงแดนมกุฎ ไม่ใช่มิตรก็คือศัตรู ไม่มีทางเลือกที่สาม!”

“น่าขัน แดนมกุฎมีสามพันแดน ผู้แข็งแกร่งหลายสิบล้านมาถึงในนี้ หากไม่เป็นมิตรกับพวกเจ้าเผ่าอีกาทอง จะถูกพวกเจ้าฆ่าจนเกลี้ยงหรือไม่”

หลินสวินรู้ดีว่าเหตุผลไม่เรียบง่ายเช่นนั้นได้!

ที่น่าเสียดายก็คือ ด้วยฐานะของผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนนี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของอูหลิงเฟยผู้นั้น และย่อมไม่อาจให้คำตอบที่หลินสวินต้องการได้

“หากเจ้าฆ่าข้าแล้ว สหายของเจ้าก็อย่าคิดจะรอดชีวิตเลย!” คนผู้นี้เยือกเย็นนัก เอ่ยปากอย่างเย็นชาไม่มีความกลัวเกรง

หลินสวินยิ้มบางๆ บิดคอเจ้าหมอนี่หักดังกร๊อบ

ก่อนตายเขามีท่าทางตื่นตระหนกทำใจเชื่อได้ยาก คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะลงมืออย่างเรียบง่ายตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่รู้ตัวว่าถูกคุกคามเลยสักนิด

“ต่อให้ไม่ฆ่าเจ้า ก็ไม่อาจทำให้อูหลิงเฟยล้มเลิกการกระทำเช่นนี้แน่ ไม่สู้ฆ่าเจ้าซะ ภายหน้ายังได้กินอิ่มหนึ่งมื้อ ได้ลิ้มรสอีกาทองสักหน่อย”

หลินสวินพูดกับตัวเอง

ไอสังหารเกาะกุมในใจเขาไปแล้ว

อูหลิงเฟย องค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทองมองตนเป็นศัตรูก็ช่างเถิด แต่เขากลับเอาความคิดนี้ไปลงกับเจ้าคางคกและอาหลู่ เรื่องนี้แตะโดนเกล็ดย้อนของหลินสวินเสียแล้ว!

ไม่นานนัก หลินสวินก็ยัดศพอีกาทองเข้าไปในแหวนเก็บของแล้วออกจากหุบเขา

……

สองวันผ่านไป

แต่เช่นเดียวกัน ความขัดแย้งและการฆ่าฟันกันเองก็มากยิ่งขึ้นไปด้วย

ในแดนมกุฎแห่งนี้ที่พึ่งพิงก็คือพลังแท้จริง เพื่อช่วงชิงวาสนาและศุภโชค ไม่ว่าใครก็ต่างไม่เลือกวิธี

และเรื่องเล่นสกปรก ย่อมห้ามไม่ได้ตลอดกาล

เหล่าคนที่พลังปราณอ่อนแอ ต่อให้ได้วาสนาและศุภโชคมาก็เกรงว่าจะถูกจับจ้อง ทำได้เพียงถูกบีบให้มอบของออกมา หาไม่แล้วก็ต้องสิ้นชีพ

ระหว่างทางหลินสวินก็ได้รู้ว่า ในโลกแห่งนี้มีโอสถวิญญาณและวัตถุดิบวิญญาณมากมายหลากหลาย เก็บโอสถราชันได้ก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษ หากโชควาสนาเย้ยฟ้ามากพอก็จะได้รับของล้ำค่าในฟ้าดินอย่าง ‘ผลอมตะ’ ไปบ้าง การบรรลุระดับราชันในก้าวเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

เพียงแค่ในแดนเผาเซียนแห่งนี้ก็มีผู้ฝึกปราณรวมตัวอยู่หลายล้านคน ในหมู่ผู้ฝึกปราณด้วยกันก็มีการพูดคุย ต้องการแลกเปลี่ยนโอสถวิญญาณ วัตถุดิบเซียนที่จำเป็น รวมถึงเงื่อนงำขุมทรัพย์ถ้ำเซียนบางแห่ง

ส่วนสถานที่แลกเปลี่ยนก็อยู่ในเมืองโบราณเผาเซียน!

พูดง่ายๆ เมืองนี้เหมือนป้อมปราการแห่งหนึ่งให้ผู้ฝึกปราณทุกคนแลกเปลี่ยนกันได้

“ถึงแล้ว…”

ผ่านไปหลายชั่วยาม ไกลออกไปหลินสวินเห็นว่าบนขอบฟ้าปรากฏโครงร่างเมืองแห่งหนึ่งตั้งอยู่ระหว่างฟ้าดิน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท