Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1152 ดุจดั่งเซียนจุติลงมา

ตอนที่ 1152 ดุจดั่งเซียนจุติลงมา

กระปุกกระเบื้องที่เอียงตัวหล่นลงมาถูกจับไว้แน่น

ไฉไฉ่เบิกตาโพลงไม่กล้าเชื่อ

สายตาของนางเคลื่อนออกมาจากมือใหญ่ข้างนั้น พลันเห็นแขนที่เต็มไปด้วยฝุ่น มองขึ้นไปอีกจึงเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าชัด

เผ้าผมยุ่งเหยิง หนวดเครารุงรัง เสื้อผ้ามอมแมม เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เจิดจ้าและใสกระจ่าง

เพียงแต่แววตานั่นเหมือนจะใสและสะอาดเกินไป ราวกับไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เผยความรู้สึกว่างเปล่าอย่างหนึ่งออกมา

ไฉไฉ่ชะงัก รู้สึกว่าคนมอมแมมตรงหน้าให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยรู้จักกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเคยเจอที่ไหน

“เจ้าบ้าคนนั้น!”

บนหน้าผาห่างออกไปกลุ่มผู้ฝึกปราณจำเขาได้ มีคนพูดอย่างเย้ยหยัน

ช่วงที่ผ่านมาข่าวเกี่ยวกับ ‘เจ้าบ้า’ คนนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งในแดนเผาเซียน

เขาเหมือนคนเถื่อนที่เสียสติไปแล้ว เดินอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในแดนเผาเซียน ดูเลอะเลือนและบ้าคลั่ง

ท่ามกลางภูเขาแม่น้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล สามารถมองเห็นร่องรอยของเขา

ในการเข่นฆ่านองเลือดเพื่อช่วงชิงวาสนาและศุภโชค ก็สามารถมองเห็นเงาร่างของเขาเช่นกัน

แต่เขาเป็นเหมือนคนผ่านทาง เดินทางผ่านไปโดยไม่สนใจ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่

และไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงบ้าถึงขนาดนี้

แต่สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ ไม่ว่าจะเจออันตรายอะไรเขามักสามารถรอดชีวิตอย่างปลอดภัย เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์หนึ่ง

“เจ้าบ้า เจ้ามานี่ ไปช่วยพวกข้าเด็ดดอกนั่นลงมา”

ชายหนุ่มชุดคลุมดำพูดเสียงเย็น

เงาร่างที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นเจ้าบ้าหันมา สายตาเต็มไปด้วยความงงงวย

“อย่าไป!”

ไฉไฉ่หัวใจกระตุกวูบ สองมือพลันคว้าแขนของเจ้าบ้า กล่าวว่า “พวกเขาจะให้เจ้าไปตาย เจ้าดูสิ ตรงรากของไม้ดอกต้นนั้นมีงูวิญญาณตัวหนึ่งพันอยู่ จะพรากชีวิตเจ้าได้!”

เจ้าบ้าก้มหน้ามองลงไป

ฟ่อๆ!

ตอนที่ถูกสายตาของเขาสังเกตเห็น งูวิญญาณสีทองอร่ามตัวนั้นเหมือนตึงเครียดไร้ที่เปรียบ ร่างกายพลันรัดเกร็ง ในปากงูแลบลิ้นส่งเสียงฟ่อๆ เหมือนกำลังข่มขู่

“นางเด็กน้อย เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

ชายหนุ่มชุดคลุมดำสีหน้าอึมครึม ลงมืออย่างรุนแรง ฟาดประกายอสนีที่สว่างไสวสายหนึ่งออกมา เปล่งประกายเรืองรองฉีกทึ้งห้วงอากาศ

“หนีเร็ว!”

ไฉไฉ่ส่งเสียงกรีดร้อง คว้าแขนของเจ้าบ้าเตรียมจะหนี

เพียงแต่นางกลับพบว่าแขนนั่นหนักอึ้งราวกับภูเขาลูกหนึ่ง ไม่ขยับเลยสักนิด ไม่สามารถถูกนางเคลื่อนย้ายได้แม้แต่น้อย

ตูม!

ประกายอสนีพุ่งเข้ามา กลับเห็นเจ้าบ้ายกมือขึ้นคว้าลวกๆ ประกายอสนีที่รุนแรงราวกับเปราะบางปานเศษกระดาษ แตกกระจายในอากาศประหนึ่งดอกไม้ไฟเบ่งบาน

ไฉไฉ่อึ้งงัน นี่… หรือจะเป็นยอมฝีมือพลิกฟ้าคนหนึ่ง

พวกชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ห่างออกไปต่างนัยน์ตาหดรัดลง ในข่าวลือเจ้าบ้าคนนี้แม้จะเซอะซะ แต่กลับสามารถอยู่รอดปลอดภัยมาถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าก็มีความสามารถไม่น้อย

บรรยากาศพลันหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย

ชายหนุ่มชุดคลุมดำกลับสีหน้าย่ำแย่อยู่บ้าง การโจมตีของตนกลับถูกเจ้าบ้าคนหนึ่งสลายได้อย่างสบายๆ นี่ทำให้เขาเสียหน้า

แต่ไม่รอเขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง พลันเห็นเงาร่างของเจ้าบ้าพริบไหวทีหนึ่งก็มาอยู่บนหน้าผาแล้ว จากนั้นตรงเข้าไปหน้าไม้ดอกต้นนั้น ยื่นมือไปคว้า

และตอนนี้เอง กลีบดอกกลีบสุดท้ายบนดอกตูมที่ราวกับหล่อขึ้นจากแร่ทองแดงเพลิงได้เบ่งบานแล้ว

ในดอกไม้ รุ้งศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงสว่างไสวสะดุดตาราวกับฝนเพลิงแดงพรั่งพรู กลิ่นหอมบริสุทธิ์คลุมเครือ ลอยอยู่กลางฟ้าดิน

พรึ่บ!

เพียงแต่ในเวลาเดียวกัน งูวิญญาณสีทองที่พันอยู่ตรงรากไม้ดอกก็โจมตีด้วย ราวกับสายฟ้าสีทองสายหนึ่งพุ่งกัดข้อมือของเจ้าบ้าคนนั้นไว้

“แย่แล้ว!”

ไฉไฉ่ตกใจจนหน้าเสีย ทนมองไม่ได้

“ลงมือ!”

และในเวลาเดียวกันพวกชายหนุ่มชุดดำก็โจมตีอย่างเหี้ยมหาญ พวกเขาเตรียมพร้อมมานานก็เพื่อรอตอนนี้

โครม!

แสงสมบัติ วิชามรรคที่ไม่มีที่สิ้นสุดพลุ่งพล่านในอากาศ สว่างไสวสะดุดตา ราวกับกระแสน้ำที่ไหลหลาก ล้วนเล็งไปยังเจ้าบ้าที่หันหลังให้ทุกคน!

แต่ภาพที่ทำให้พวกเขาต่างขนลุกเกิดขึ้นแล้ว การโจมตีใดๆ ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ราวกับตกลงในเหวลึก ถูกกลืนกินจมหายไร้ร่องรอย

สมบัติทุกชิ้นล้วนถูกสยบในชั่วขณะนี้ ร่วงลงพื้นพร้อมเสียงครวญ แสงสมบัติริบหรี่ลง!

ทุกคนต่างตื่นตกใจ ในใจขนลุก ตกใตจนหนังหัวแทบระเบิดออก

นี่เป็นไปได้อย่างไร

ส่วนเจ้าบ้านั่นกลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

เขาถึงขั้นไม่เคยสนใจงูวิญญาณสีทองที่กัดข้อมืออยู่ ห่วงแต่เด็ดดอกไม้ประหลาดที่ผลิบานและเปล่งประกายราวกับโลหะ จากนั้นเงาร่างพริบไหว เคลื่อนกลับมาอยู่ข้างๆ ไฉไฉ่แล้วยื่นดอกไม้ดอนนั้นให้

“ให้… เจ้า”

เขาอ้าริมฝีปากแล้วเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก เหมือนไม่ได้พูดมานานจนลืมไปแล้วว่าควรจะสื่อสารอย่างไร

ไฉไฉ่เองก็ตาค้าง หัวสมองว่างเปล่า

แต่ละภาพที่เห็นก่อนหน้านี้เหลือเชื่อเกินไป ทำให้จิตใจและร่างกายของนางถูกโจมตี ตกอยู่ในความตะลึง

“เจ้ากลัวหรือ”

เจ้าบ้าพูดพร้อมจับงูทองที่กัดข้อมือไม่ปล่อยขึ้นมา เพียงดีดนิ้วเสียงพรึ่บดังขึ้น งูทองตัวนั้นถูกดีดจนปลิว ตกลงในทะเลเมฆที่กว้างใหญ่ไพศาลห่างออกไปไกล

เมื่อมองดูข้อมือเขาอีกครั้ง สภาพสมบูรณ์ไร้บาดแผล แม้แต่รอยฟันยังไม่หลงเหลือ

เฮือก!

ชายหนุ่มชุดคลุมดำและคนอื่นๆ รู้สึกเพียงว่าไอหนาวสะท้านสายหนึ่งแพร่กระจายจากกระดูกสันหลังไปทั่วทั้งร่าง ขนลุกไปทั้งตัว ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

งูทองตัวนั้นใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ กลิ่นอายน่ากลัวอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะกลัวงูทองตัวนี้ พวกเขาจะรอถึงตอนนี้ได้อย่างไร

แต่ตอนนี้งูทองตัวนี้กลับถูกเจ้าบ้าคนนั้นดีดจนปลิวในทีเดียว…

แม้เรี่ยวแรงจะดิ้นรนยังไม่มี!

ท่าทางผ่อนคลายสบายๆ นั่น ทำให้พวกชายหนุ่มชุดคลุมดำแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

“ไม่กลัว”

ตอนนี้ไฉไฉ่ตั้งสติได้แล้ว

“เอาไป”

เจ้าบ้ายื่นดอกไม้ประหลาดดอกนั้นให้นางโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

“สหาย พวกข้าเป็นผู้สืบทอดสำนักกระบี่รู้ตน โอสถราชันต้นนี้ถูกเราหมายปองแล้ว เจ้าทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ!”

ห่างออกไปชายหนุ่มชุดคลุมดำร้อนรน รีบส่งเสียงข่มขู่โดยไม่สนใจอย่างอื่น

สายตาของเจ้าบ้าใสกระจ่างอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับดูว่างเปล่าอย่างที่สุด ราวกับไม่มีแม้แต่อารมณ์ ได้ยินเช่นนี้เขาพยายามใคร่ครวญครู่หนึ่ง แต่กลับเหมือนนึกอะไรไม่ออก จึงอดส่ายหน้าไม่ได้

จากนั้นก็พาไฉไฉ่จากไป

เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเขา จิตใต้สำนึกเขารู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

พร้อมกับเสียงตะโกนนั่น กระบี่วิญญาณคดโค้งสายหนึ่งพุ่งออกมา เข้าไปเฉือนสังหาร

เจ้าบ้าสะบัดแขนเสื้อคราเดียวโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณนี้มาไวไปไว จู่ๆ ก็หมุนกลางอากาศ พุ่งย้อนกลับไปด้วยอานุภาพที่ดุดันและรุนแรงกว่าเมื่อครู่นี้

พรูด!

หน้าอกของผู้ฝึกปราณคนหนึ่งถูกแทงทะลุ เลือดไหลลงมาเป็นสาย

และสิ่งที่โจมตีสังหารเขาก็คือกระบี่วิญญาณของเขา!

“ไป!”

พวกชายหนุ่มชุดคลุมดำสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของเจ้าบ้าคนนั้น หันหลังหนีโดยไม่กล้าลังเลอีกต่อไป

……

บนฝั่งลำธารสายหนึ่งในหุบเขา

ไฉไฉ่พินิจเจ้าบ้าที่อยู่ตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขาจ้องลำธารนิ่งๆ ไม่ขยับ ท่าทางมึนงงเลอะเลือน

“ข้า… ช่วยล้างให้เจ้าได้หรือไม่”

ครู่ใหญ่ไฉไฉ่อดพูดไม่ได้

เจ้าบ้าไม่รู้สึกตัว ราวกับไม่ได้ยิน

“งั้นข้าจะถือว่าเจ้าตอบรับเงียบๆ แล้ว”

ไฉไฉ่สูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งคล้ายรวบรวมความกล้ามหาศาล ยื่นมือดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่งแล้วแช่ในลำธาร ก่อนช่วยเช็ดฝุ่นและโคลนบนใบหน้าให้เจ้าบ้า

นางระมัดระวัง กิริยาอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าจะทำให้เจ้าบ้าโกรธ

เวลาผ่านพ้นไป เจ้าบ้าจ้องลำธารราวกับรูปปั้นดินเผาอยู่อย่างนั้นตลอดไม่ขยับสักนิด

ไฉไฉ่ค่อยๆ ใจชื้นขึ้น จดจ่อกับการกระทำในมือ

เจ้าบ้าที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว สกปรกไปทั้งตัว บนผิวหนังเต็มไปด้วยคราบสกปรกและฝุ่นดิน

ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคนอื่นคงรังเกียจไปนานแล้ว

แต่ไฉไฉ่กลับตั้งใจมาก ดวงหน้าของนางบริสุทธิ์งดงาม นัยน์ตาใสส่องประกายระยิบระยับ ผิวพรรณละเอียดนุ่มนวล มีกลิ่นอายน่ารักไร้เดียงสา

เวลาล่วงเลยไป

เจ้าบ้าเงียบไม่พูดจาราวกับถูกสะกด

ไฉไฉ่เช็ดใบหน้า ลำคอ และแขนของเขาจนสะอาดตั้งนานแล้ว

คิดๆ แล้วนางก็หยิบดาบเล็กประณีตเล่มหนึ่งออกมา กำลังเตรียมจะโกนหนวดเคราที่รกรุงรังเหมือนกอหญ้าให้เจ้าบ้า

ตอนนี้เองจู่ๆ เจ้าบ้าก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา กวาดในธารน้ำเบาๆ

วู้ม

กระแสน้ำวนสายหนึ่งปรากฏขึ้น ราวกับหลุมดำหลุมหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น กลืนกินสายน้ำรอบทิศ

จากนั้นจู่ๆ กระแสน้ำวนสายนี้ก็พุ่งตัวสูงทะลวงฟ้า ส่งเสียงครืนโครม ลำธารทั้งสายถูกม้วนเข้ามา

ทั้งหุบเขาเริ่มสั่นสะท้าน ห้วงอากาศปั่นป่วน

ส่วนน้ำวนสายนั้นประหนึ่งหุบเหวขนาดใหญ่ที่หมุนตัว ราวกับจะกลืนกินท้องฟ้า!

ครืนโครม!

ในหุบเขา ก้อนหินต้นไม้ใบหญ้าแหลกสลาย กระแสอากาศระเบิดปั่นป่วน บนเนินเขาใกล้ๆ ตัวภูเขาสั่นสะเทือนราวกับจะถล่ม

เจ้าบ้าลุกขึ้นมา เสื้อผ้าโบกสะบัดตามสายลม หนวดเผ้าที่รกรุงรังปลิวสยาย แผ่อานุภาพทะลวงฟ้าออกมาทั่วร่าง ราวกับเทพที่ตื่นจากการหลับใหล ณ ตอนนี้!

เขายื่นมือออกไปชักนำ น้ำวนที่เหมือนหุบเหวใหญ่พลันมีพลังที่แตกต่างกันสองสายเพิ่มเข้ามา หนึ่งคือเปลวเพลิงที่แผดเผา อีกหนึ่งคือกระแสน้ำเชี่ยวกราก

น้ำกับไฟ เดิมเข้ากันไม่ได้

แต่ตอนนี้กลับอยู่ในวังวนเดียวกัน พลังทั้งสองสายอยู่ร่วมกันในกระแสน้ำวน กลายเป็นภาพความสมดุลที่มหัศจรรย์รางๆ!

ฮูม!

จากนั้นเสวียงมังกรครวญเสียงหนึ่งดังขึ้น ในส่วนลึกของน้ำวนราวกับมีเจินหลงตัวหนึ่งจำศีลอยู่ ทำให้อานุภาพของน้ำวนเปลี่ยนไป

ห้วงอากาศโดยรอบล้วนพังทลายลงในชั่วขณะนี้ บนฟากฟ้าชั้นเมฆระเบิด ทุ่งกว้างทั้งสี่ทิศ ภูเขาแต่ละลูกพังทลาย ปรากฏภาพการทำลายล้างครั้งใหญ่ที่สรรพสิ่งล่มสลาย

ไฉไฉ่ตะลึงงันไปนานแล้ว คุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นเทิ้ม มองทุกสิ่งอย่างยากจะเชื่อ

ท่ามกลางความมึนงง เจ้าบ้าที่อยู่ตรงหน้านางราวกับนายเหนือหัว มีอานุภาพกลืนกินภูผาธารา เหยียดหยันทั่วทิศ เหนือฟ้าใต้หล้ามีเพียงข้าเป็นใหญ่!

ตูม!

เจ้าบ้าสะบัดแขนเสื้อ กระแสน้ำวนนั่นพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าหมื่นจั้งแล้ว แต่กลับเหมือนไม่เสื่อมคลายไม่ดับสลาย นั่นเป็นพลังของมหามรรคไร้มรณะ

“นี่ ก็คือมรรคของข้า”

ทันใดนั้นเจ้าบ้าพึมพำ เสียงเรียบเฉยไม่ดีใจหรือเสียใจ สิ่งที่มีคือการปล่อยวาง ปลอดโปร่งและใจที่เปิดกว้าง

ยามที่ไฉไฉ่เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็เห็นว่ารอบตัวเจ้าบ้ามีแสงมรรคสีเขียวไหลวน ชำระล้างดินโคลนทั่วร่างกายของเขาจนบริสุทธิ์เหนือโลกีย์ ผิวพรรณแวววาว

เขาลูบอย่างลวกๆ หนวดเคราที่ราวกับหญ้าป่าก็สลายไปทันที

ผมยาวทั้งศีรษะเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายบริสุทธิ์ขึ้นในชั่วขณะนี้ แต่ละเส้นแวววาวเป็นประกาย จากนั้นถูกเขารวบไว้ตรงท้ายทอยลวกๆ

ตอนที่หันมา ภาพที่สะท้อนเข้าตาไฉไฉ่คือโครงหน้าที่เด่นชัดหล่อเหลา นัยน์ตาดำของเขากระจ่างและเจิดจ้า ทั้งร่างแผ่ไอว่างเปล่าเหนือโลกีย์อย่างหนึ่งออกมา

โครม!

ในเวลาเดียวกันด้านหลังของเขา น้ำวนที่ราวกับหุบเหวกลืนกินสายนั้นพลันสลายไปกลางฟ้าดิน แปรเป็นละอองแสงหลากสีสันส่องสว่างใต้หล้า

ขับเน้นให้เงาร่างสง่างามของเขามีกลิ่นอายเร้นลับว่างเปล่าเพิ่มเข้ามา

ดุจดั่งเซียนจุติลงมา

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท