Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1155 พยัคฆ์ลำบาก?

ตอนที่ 1155 พยัคฆ์ลำบาก?

ในประตูเมือง เดิมทีผู้คนขวักไขว่ไปมาคับคั่ง คึกคักอย่างที่สุด

แต่พอการโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คนปะทุขึ้นนอกประตูเมือง เกิดความสะเทือนสะท้านขวัญราวกับฟ้าถล่มดินทลาย ทำให้ผู้ฝึกปราณในประตูเมืองต่างตกใจ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

บรรยากาศที่เดิมครื้นเครงคึกคักก็หายไป

ทุกสายตาล้วนมองมายังประตูเมือง

ที่ตรงนั้นมีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ หน้าอกถูกกรีดเปิดออก เลือดสดไหลพรูราวกับน้ำตก เหมือนสัตว์ปีศาจที่เพิ่งหลุดพ้นพันธนาการ กลิ่นอายที่แผ่ออกมารอบตัวทำให้ทุกคนต่างหวาดหวั่น

แน่นอนว่าคนผู้นี้คือหลินสวิน

ตอนนี้พวงแก้มของเขาซีดขาว ชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อทั่วทั้งตัว หน้าอกถูกปราณกระบี่ของผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนหนึ่งแทงทะลุ ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

ปราณกระบี่นั่นน่ากลัวเกินไป เต็มไปด้วยพลังระดับราชัน แม้หลินสวินจะหลบเลี่ยงอันตรายมาได้ แต่ก็ยังบาดเจ็บรุนแรง

“รังเกียจที่ข้าสังหารคนไม่มากพอจริงๆ หรือ…”

ยามนี้ดวงตาดำของหลินสวินเยียบเย็นอย่างที่สุด ความเจ็บปวดรุนแรงบนร่างไม่สามารถแทนที่เพลิงโกรธซึ่งลุกโชนขึ้นในใจเขา

แค้น!

ความแค้นสลักลึกลงกระดูก!

ช่วงเวลาอันตรายแห่งความเป็นความตายที่ประสบเมื่อครู่นี้ ทำให้หลินสวินถูกยั่วโทสะอย่างสิ้นเชิง ราชันสี่คนลงมือพร้อมกันเพื่อเล่นงานเขาคนเดียว!

คิดว่าตนรังแกได้ง่ายจริงหรือ

หลินสวินกำหมัดแน่นเงียบๆ เส้นเลือดบนหลังมือปูดนูน!

หรือจะบอกว่า คิดว่าอาศัยผู้แข็งแกร่งระดับราชันแล้ว จะสามารถมองตนเป็นเนื้อปลาบนเขียงที่สามารถฆ่าได้ตามใจชอบหรือ

นอกประตูเมืองฝุ่นควันคละคลุ้ง ราชันสี่คนสีหน้าอึมครึม สายตาเย็นชา จ้องหลินสวินที่อยู่ด้านในประตูเมืองอย่างไม่ละสายตา

ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ต่างอึ้งจนพูดไม่ออก

ไม่มีใครคิดว่าภายใต้สถานการณ์ที่จนหนทางเช่นนี้ หลินสวินยังสามารถหลุดรอดได้!

นั่นเป็นถึงบุคคลที่เพิ่งบรรลุระดับราชันสี่คนเชียวนะ ลงมือพร้อมกัน เพียงพอที่จะสยบผู้กล้าขอบเขตมกุฎทุกคนได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้กลับปล่อยให้หลินสวินหนีเคราะห์ไปได้

นี่ดูเหลือเชื่อเกินไป ทำให้ยากจะเชื่อ

“ดันปล่อยให้เขาหนีไปได้… น่าอายจริงๆ”

อูหยวนเจิ้นพึมพำ เขาโกรธจนหน้าเขียว อยากจะพุ่งเข้าเมืองเสียเดี๋ยวนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ทนเอาไว้

เมืองโบราณเผาเซียนมีพลังต้องห้ามชั้นหนึ่งโดยธรรมชาติ กดข่มระดับราชัน หากเข้าไปโดยพลากรจะต้องถูกพลังต้องห้ามสะท้อนกลับ

“พูดได้เพียงว่าเจ้าหมอนี่เจ้าเล่ห์เกินไป หากไม่ใช่เพราะสหายเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมองทะลุฐานะของเขา จะปล่อยให้เขาฉวยโอกาสเข้าเมืองไปได้อย่างไร”

ผมสีเขียวทั่วศีรษะของซางชงแห่งเผ่าวิญญาณสมุทรพลิ้วไหว สีหน้าก็อึมครึมอย่างที่สุดเช่นกัน

“เขาถูกปราณกระบี่ของข้าโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว แม้เข้ามืองไปก็ยากจะรอดชีวิต!”

เมี่ยวเฉินแห่งสำนักยุทธ์นครนิลกัดฟัน ในแววตาแผ่ประกายหนาวเย็น แทบอยากจะเลือกใครสักคนมากัดเพื่อระบายอารมณ์

เดิมทีนางเป็นคนที่มีโอกาสสังหารหลินสวินที่สุด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่เพียงใจเหี้ยมกับศัตรู กับตัวเองก็ยังเหี้ยมยิ่งกว่า ไม่คิดจะหลีกหนี ยอมบาดเจ็บหนักเพื่อคว้าโอกาสรอดเพียงเสี้ยวเดียว

จวบจนกระทั่งตอนนี้ นางเองยังไม่เข้าใจว่าการโจมตีที่ผ่าใส่พลังจิตของตนมาจากหลินสวินหรือคนอื่น

หากไม่เป็นเช่นนี้ แม้หลินสวินสู้สุดชีวิต นางก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสังหารอีกฝ่ายได้

แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง หวังอวิ๋นทงผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์ที่อยู่ข้างๆ พลันส่งเสียงคำรามยาว

“ทุกท่าน เทพมารหลินปรากฏตัวแล้ว ถูกพวกข้าโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาพ้นจากความตายแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านในประตูเมือง เป็นโอกาสดีที่สุดในการสังหารเขา ทุกคนยังไม่ลงมืออีก?”

เสียงคำรามราวกับฟ้าร้องสะเทือนกลางฟ้าดิน ถึงขั้นกระจายไปยังท้องฟ้าเหนือเมืองโบราณเผาเซียนทั้งเมือง ทำให้แปดทิศสั่นไหว

ทันใดนั้นกองกำลังแต่ละขุมอำนาจใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ในเมือง มีผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่วางการกระทำในมือลง ต่างพุ่งออกมา

ถูกเตือนเช่นนี้ พวกอูหยวนเจิ้น เมี่ยวเฉิน ซางซงต่างตะโกนแจ้งข่าวบอกขุมอำนาจสำนักตัวเอง ให้ฉวยโอกาสนี้ล้อมโจมตีหลินสวิน!

เทพมารหลินที่แกล้วกล้าคนนี้ อาจสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดๆ ในเมืองหวาดเกรง

แต่เทพมารหลินในตอนนี้บาดเจ็บสาหัสเจียนตายแล้ว เรียกได้ว่าไม่มีภัยคุกคามสักนิด เป็นโอกาสดีที่สุดในการสังหารเขา

หากรอให้ฟื้นตัว เช่นนั้นทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว!

ได้ยินเสียงตะโกนเหล่านี้ หลินสวินหันกลับมา ดวงตาดำเย็นเยียบถึงขีดสุด มองพวกอูหยวนเจิ้นเงียบๆ แวบหนึ่ง

จากนั้นก็หมุนตัวเดินไป

แม้เพียงสายตาเดียว แต่พวกอูหยวนเจิ้นต่างสะท้านในใจ สัมผัสได้อย่างฉับไวถึงไอสังหารในใจหลินสวิน

ทันใดนั้นบนใบหน้าของพวกเขายิ่งอึมครึมกว่าเดิม

พวกเขาในตอนนี้ล้วนบรรลุระดับราชันแล้ว ไม่สามารถเปรียบกับเมื่อก่อนได้อีกต่อไป เทพมารหลินนี่กลับยังกล้าข่มขู่เช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!

“สั่งการลงไป ปิดทางเข้าออกของเมืองโบราณเผาเซียน ให้เจ้าหมอนี่ติดปีกก็หนีไม่รอด!”

อูหยวนเจิ้นคำรามออกคำสั่ง

เขาคือเทพมารหลิน!

ในเมืองผู้ฝึกปราณที่เดิมตกใจ ล้วนมั่นใจในฐานะของหลินสวินแล้ว ต่างอดกลัวไม่ได้

เงียบไปนานครึ่งปี ทุกคนต่างคิดว่าเทพมารหลินสัมผัสได้ถึงความผิดปกตินานแล้ว จึงอาศัยพลังของเจดีย์มกุฎออกจากแดนเผาเซียนไป

แต่ใครจะคิดว่าเขากลับไม่ได้ไปไหน!

อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ยังรอดพ้นจากการร่วมมือโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คน!

“เทพมารหลินยังเหี้ยมหาญเหมือนเดิม!”

มีคนถอนหายใจ

“ไม่ได้ยินหรือ เขาบาดเจ็บสาหัสเจียนตายอยู่แล้ว ตอนนี้แค่ผู้แข็งแกร่งธรรมดาคนหนึ่งลงมือก็คุกคามชีวิตเขาได้แล้ว!”

มีคนตาเป็นประกาย

“ในเมืองมีกองกำลังขุมอำนาจใหญ่มากมายอยู่ หากพวกเขารู้ข่าวนี้ จะต้องลงมือสังหารหลินสวินทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย”

มีคนถอนหายใจในใจ

ในสถานการณ์เช่นนี้เทพมารหลินจะรอดได้อย่างไร

ออกจากเมืองก็เผชิญกับการสังหารของผู้แข็งแกร่งระดับราชัน

อยู่ในเมืองต่อก็เหมือนเหยื่อที่ถูกขังอยู่ในกรง จะถูกเหล่าขุมอำนาจใหญ่ตามเก็บ!

ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์แบบไหน ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับความตาย

และมีผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งสังเกตเห็นว่าหลินสวินจากไป จึงรีบตามไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ประสงค์ดีอย่างเห็นได้ชัด

ทุกคนต่างรู้ว่าเทพมารหลินเคยปล้นคลังสมบัติของเผ่าอีกาทอง และเคยสังหารบุคคลขอบเขตมกุฎที่สะดุดตายี่สิบหกคนในหุบเขาผลาญสวรรค์

ตอนนี้เขากำลังจนตรอกไม่สามารถหนีไปไหนได้ เหมือนผู้มีความสามารถที่มักถูกกลั่นแกล้ง ดึงดูดพวกโลภมากไม่หวังดี!

……

หลินสวินไม่ได้เคลื่อนไหวไวนัก

เขาได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป กระทบต่อความเร็ว

แม้ตอนอยู่ระหว่างทางเขาได้กลืนของเหลววิญญาณปฐมอสนีในไผ่อสนีหมื่นเคราะห์ไปท่อนหนึ่งแล้ว และได้ใช้พลังมรรคไร้มรณะในการฟื้นฟู

แต่บาดแผลของเขากลับยังไม่สมานอย่างสมบูรณ์

เพราะปราณกระบี่สายนั้นของเมี่ยวเฉินไม่เพียงแค่แทงทะลุหน้าอก พลังมรรคราชันที่สั่งสมบนปราณกระบี่ ยังทำลายอวัยวะภายในและรากฐานพลังปราณของเขาด้วย!

นี่ก็คือแผลมรรค แม้ของเหลววิญญาณปฐมอสนีจะมหัศจรรย์อย่างหาที่สุดไม่ได้ ก็ยากมากที่จะประสานแผลนี้ในทันที

“สหายยุทธ์หลิน ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”

ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลัง แต่ละคนสายตาเป็นประกาย

“แน่นอนว่าต้องการ พวกเจ้าไปหาพวกเผ่าอีกาทอง เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร แล้วแก้แค้นให้ข้าเป็นอย่างไร”

หลินสวินไม่หันกลับไปด้วยซ้ำ เอ่ยเสียงเย็นชา

สีหน้าของผู้ฝึกปราณเหล่านั้นเปลี่ยนไป แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ยังรวดเร็วไม่เปลี่ยน ตามไปติดๆ

มีคนฝืนยิ้มพูด “สหายยุทธ์หลิน นี่เจ้าสร้างความลำบากใจให้กันแล้ว เจ้าก็รู้ดีว่าเจ้ากำลังเผชิญกับความตาย สิ่งเดียวที่พวกข้าทำได้ คงจะเป็นการช่วยเจ้าดูแลทรัพย์สมบัติในตัวอย่างดี”

“ใช่ รอเจ้าตาย พวกข้าก็จะเห็นแก่ที่อยู่ในวิถีเดียวกัน ช่วยเก็บกระดูกเจ้าตั้งสุสาน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นศพไร้ญาติ”

คนอื่นๆ ต่างพูดขึ้นด้วยท่าทางหวังดี

เพียงแต่แม้จะพูดจาดูดี ความจริงสีหน้ากลับอัปลักษณ์มาก หมายจะตีชิงตามไฟโดยแท้ ปรารถนาสมบัติในตัวหลินสวิน

“ให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง หายไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้!”

หลินสวินหมดความอดทนแล้ว ไอสังหารในใจพลุ่งพล่าน เอ่ยเตือนเป็นครั้งสุดท้าย

โต้ตอบก่อนตายก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

หลินสวินพูดเช่นนี้ออกมา สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกปราณเปลี่ยนไปอีกครั้ง

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงไม่สามารถทนความโลภในใจได้ ตามประกบหลังต่อ เหมือนแมลงวันที่ได้กลิ่นคาวเลือดไม่มีผิดเพี้ยน

“สหายยุทธ์หลิน พวกข้าอุตส่าห์หวังดี เจ้าอย่าให้ต้องใช้ไม้แข็ง!”

มีคนพูดเสียงเย็น

ฟุ่บ!

เพิ่งจะสิ้นเสียง พลังจิตของเขาพลันถูกเฉือนทันที ร่างกายหล่นตุบลงพื้น ตาเบิกโพลงตายคาที่

นี่ทำให้คนอื่นๆ ต่างกลัวจนขนลุกขนพอง

“อย่างพวกเจ้ายังจะคิดไม่ซื่อกับข้าหรือ ถ้ากล้าเดินเข้ามาอีกก้าวข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนแน่!”

ห่างออกไปเสียงอันเรียบเฉยเย็นชาของหลินสวินดังขึ้น

ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ล้วนสับสน อดลังเลไม่ได้

และตอนที่พวกเขาลังเลอยู่นั่นเอง เงาร่างของหลินสวินได้เคลื่อนออกไปไกลแล้ว

แต่การที่พวกเขาไม่ตาม ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ จะไม่ตาม ดั่งคำที่ว่าคนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร ผู้แข็งแกร่งที่หมายตาหลินสวิน ใครจะยอมพลาดโอกาสดีเช่นนี้

“เทพมารหลิน หยุด!”

มีคนตะโกน ผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งโฉบมาจากกลางอากาศ ราวกับอินทรีที่จับจ้องเหยื่อ ลงมือโดยตรง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เพียงแต่หลินสวินไม่หันหลังกลับไปด้วยซ้ำ ผู้ฝึกปราณแต่ละคนกลับร่วงลงจากกลางอากาศสู่พื้นดิน นอนตายคาที่

พลังจิตของทุกคนล้วนถูกฟันสะบั้นลบล้าง!

ไม่มีคาวเลือด จากภายนอกก็ดูบาดแผลไม่ออก แต่กลับสยดสยองมากอย่างไม่ต้องสงสัย

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

ผู้ฝึกปราณหลายคนเห็นภาพนี้จากมุมมืด ต่างตกใจจนหนังหัวชาวาบ ขนลุกซู่

“เทพมารหลิน ในเมืองนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้าแล้ว หากเจ้าหยุดอยู่ตรงนี้ บางทีข้าอาจจะขอความเมตตาให้เจ้า ชี้ทางรอดให้กับเจ้า”

ไม่นานผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎคนหนึ่งปรากฏตัว นี่คือชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหรางตระการตาคนหนึ่ง ดูเย่อหยิ่งมาก ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน

“ไสหัวไป!”

คำตอบของหลินสวินสั้นกระชับ

และความเร็วของเขาไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย

“เช่นนั้นก็ให้ข้าส่งเจ้าไปลงนรก!”

ชายหนุ่มสีหน้าทะมึนลง เรียกกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งออกมาฟันลงไป

เขาไม่ได้ประมาท ทันทีที่ลงมือก็ใช้ไม้ตาย!

หนึ่งกระบี่โจมตีออกมา ราวกับม่านน้ำตกสะเก็ดไฟทะยานสู่ท้องฟ้า งดงามสะดุดตา

เขาเชื่อมั่นว่าเทพมารหลินสวินที่บาดเจ็บสาหัสเจียนตายไม่มีทางต้านกระบี่นี้ได้

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดคาดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยลงมือ แน่นอนว่าไม่อาจเรียกว่าต้านทานได้

และในเวลาเดียวกัน พลังจิตของเขาพลันรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงปานฉีกขาด ภาพตรงหน้ามืดสลัวลง

ปัง!

ชั่วพริบตาแม้แต่เกราะสมบัติจิตวิญญาณที่คุ้มกันรอบๆ พลังจิตยังระเบิดออก แสงกระบี่สายหนึ่งพลันเฉือนเข้าใส่พลังจิตในเวลาเดียวกัน

“อ๊าก…!”

ชายหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างที่สุด ทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่น

เสียงปึ้กดังขึ้น เขาคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นร่างกายทรุดลงหมดลมหายใจไปแล้ว

พรึ่บ!

ในเวลาเดียวกัน เงาร่างที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้ตัวตนสายหนึ่งออกมาจากห้วงนิมิตของเขา ติดตามหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป

เงาร่างนี้ แน่นอนว่าเป็นเสี่ยวอิ๋น

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท