ชายหนุ่มผมขาวสวมเกราะศึกสีเงินแวววาว ลำตัวสูงชะลูด ดูองอาจห้าวหาญ
“นี่คล้ายจะเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ข้ามมาจากแดนอื่น หมายขึ้นแดนเก้าบนผ่านแดนเผาเซียน”
“ไม่ผิด เขามีนามว่าไจ๋เฟิ่งเฉิน สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากสำนักโบราณแดนกาฬทักษิณ พลังต่อสู้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง”
ผู้คนต่างพากันตระหนกเมื่อทราบถึงตัวตนของชายหนุ่มผมขาวผู้นี้
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาในเวลานี้ หวังจะเกลี้ยกล่อมไม่ให้เทพมารหลินฆ่าฟันต่อไป
“เจ้าอยากห้ามข้าหรือ”
นัยน์ตาหลินสวินเยียบเย็น
“คงไม่อาจกล่าวได้ว่าจะห้ามปราม เพียงแต่ไม่อาจทนดูผู้คนจำนวนมากต้องมาล้มตาย ทำลายสมดุลของสวรรค์”
ไจ๋เฟิ่งเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า ในห้าวันนี้ทำไมเจ้าไม่คิดออกมาห้ามปรามผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ เหล่านี้ไม่ให้ล้อมโจมตีข้า”
นัยน์ตาหลินสวินสาดประกายเฉยชาเย็นเยียบออกมา
เมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกมา ผู้ชมการต่อสู้ต่างก็เห็นพ้องด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถือดีอะไรถึงให้คนอื่นสังหารเทพมารหลินได้ แต่กลับไม่ให้เทพมารหลินสังหารผู้อื่น
ทำลายสมดุลสวรรค์เหลวไหลอะไร เห็นชัดว่าแค่เข้ามาขวางมือขวางเท้าเฉยๆ!
ไจ๋เฟิ่งเฉินสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า “หลินสวิน ข้าอุตส่าห์ปรารถนาดีช่วยเจ้าสลายความแค้น ไฉนถึงแสดงท่าทีเช่นนี้”
“เจ้านับเป็นตัวอะไร มีคุณสมบัติอะไรมาสลายความแค้น ไม่อยากตายก็ไสหัวไป”
หลินสวินกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจ น้ำเสียงมีพลัง
ไจ๋เฟิ่งเฉินสีหน้าเปลี่ยนเป็นย่ำแย่แล้ว ภายใต้สายตาที่จับจ้องของผู้คน ถูกหลินสวินด่าทอเช่นนี้ทำให้เขาขายหน้า เกิดความขุ่นเคืองขึ้นในใจ
“เจ้าคิดจะดึงดันทำผิดต่อไปหรือ” เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่
หลินสวินคร้านจะสนใจเขา แค่ตัวตลกกระโดดขึ้นเวทีคนหนึ่ง สนใจไปไย
ตูม!
เขาสะบัดแขนเสื้อ ธารดาราที่ลุกไหม้สายหนึ่งแผ่ขยายออกไปกลางห้วงอากาศ ดำเนินการฆ่าสังหารต่อ
ที่แห่งนี้กลับสู่ความโกลาหลอีกครั้ง ฝนเลือดสาดกระเซ็น เสียงฆ่าฟันดังสนั่นหวั่นไหว
หลินสวินเหมือนเสือบุกฝูงหมาป่า สังหารเหล่าผู้กล้าในที่นี้
ผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ล้วนแต่มาที่นี่เพราะเขา เขาย่อมไม่ปราณีอีกต่อไป!
การสังหารนองเลือดตลอดทาง ทำให้ถนนสายนี้เต็มไปด้วยซากศพจมอยู่ในกองเลือด เป็นภาพที่สะท้านขวัญนัก
เหล่าผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ต่างขวัญหนีดีฝ่อ ล้วนหนีเอาชีวิตรอด เพียงแต่ต่อหน้าหลินสวินซึ่งประหนึ่งเทพมาร ย่อมไม่มีที่ไหนให้หลบหนีได้
ไกลออกไปไจ๋เฟิ่งเฉินที่โดนเมินอยู่ตรงนั้นสีหน้าอึมครึมไม่นิ่ง เกิดความรู้สึกอัปยศอดสูอย่างไม่เคยมีมาก่อนขึ้นในใจ
ถูกมองข้ามเสียแล้ว!
แต่ไรมาเขาไม่เคยได้ลิ้มรสชาติเช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ใกล้เคียงยังจับจ้องเขาอยู่เป็นระยะ ประหนึ่งว่ากำลังมองตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“หยุดมือ!”
ไจ๋เฟิ่งเฉินอดกลั้นต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ตะโกนเสียงดังออกมา “หลินสวิน เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเกินไปแล้วกระมัง!”
ท่ามกลางการฆ่าฟัน หลินสวินตอบกลับไปโดยไม่หันหน้ามอง “อยากให้ข้าเห็นหัวเจ้าหรือ ย่อมได้ เจ้าออกไปนอกเมืองเสียตอนนี้ เกลี้ยกล่อมพวกสวะไร้ค่าที่กลายเป็นราชันเหล่านั้นมาขอโทษข้า ข้ารับรองว่าจะเปลี่ยนท่าทีต่อเจ้า”
“เจ้า…”
ไจ๋เฟิ่งเฉินเดือดดาล นี่เป็นการจงใจหยอกล้อเขาอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไม่ได้ก็ไสหัวไป!”
หลินสวินไม่เกรงใจสักนิด ทำให้ผู้ชมการต่อสู้ต่างแอบรู้สึกสะใจ ไจ๋เฟิ่งเฉินผู้นี้สำคัญตัวผิดไปแล้ว เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าสั่งให้เทพมารหลินหยุดมือ
อวดดีถือตนเป็นใหญ่ คิดเองเออเองนัก!
“ดูท่า เจ้าจะไม่คิดไว้หน้าข้าเลยใช่หรือไม่ ข้าผู้แซ่ไจ๋ไร้สามารถ ขอคำชี้แนะจากเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”
ไจ๋เฟิ่งเฉินสีหน้าอึมครึมถึงที่สุด
ตูม!
ยามเพิ่งสิ้นเสียง หลินสวินก็ชิงโจมตีเข้ามาแล้ว ฝ่ามือแหวกอากาศจู่โจมออกไป ทันใดนั้นพลังฝ่ามือประดุจมังกร ถล่มทลายใต้หล้า!
เร็วเกินไปแล้ว ทำให้ไจ๋เฟิ่งเฉินที่เอ่ยคำพูดดุดันไปเมื่อครู่และกำลังจะลงมือถึงกับตั้งตัวไม่ทัน ทำได้แค่เพียงเค้นพลังทั้งหมดต้านรับเท่านั้น
ปัง!
ในเสียงปะทะสนั่นฟ้าดินนั่น ไจ๋เฟิ่งเฉินสัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้นี้ถึงกับถูกซัดโซเซ กระเด็นอย่างแรงราวกับว่าวสายป่านขาด
ในระหว่างนั้นหน้าอกของเขาแอ่นลอยสูงขึ้น กระอักเลือดออกมาเฮือกหนึ่งอย่างไม่อาจเก็บกลั้น ก่อนร่วงกระแทกพื้นอเนจอนาถในท่าหมากินขี้
“ฝีมือเท่านี้ยังมีหน้าออกมาตะโกนร้องปาวๆ รนหาที่ตายโดยแท้!”
นัยน์ตาของหลินสวินเยียบเย็น คร้านจะมองเขาแม้สักครา หมุนตัวกลับไปสังหารศัตรูต่อ
ชั่วพริบตาไจ๋เฟิ่งเฉินสังเกตได้ว่าสายตาของผู้คนมากมายต่างจับจ้องมาที่เขา เจือแววหยอกล้อ เวทนา ทอดถอนใจ
นี่ทำให้เขาอัดอั้นจนหน้าเป็นสีม่วง แทบอยากมุดแผ่นดินหนี
และภาพเบื้องหน้านี้ เหล่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณและปีศาจแห่งยุคคนอื่นๆ ที่แฝงกายอยู่ต่างสูดหายใจเย็น สีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอย่างที่สุด
เพียงหมัดเดียวก็สามารถกำราบไจ๋เฟิ่งเฉินได้!
เทพมารหลินผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่
ภายในลานโกลาหลไปทั้งแถบ เสียงร้องโหยหวนดังไม่จบสิ้น ทุกที่ล้วนแต่ปรากฏเงาร่างที่กำลังหลบลี้
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” ไกลออกไปผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา เห็นชัดว่าเป็นกำลังเสริมจากขุมอำนาจสำนักต่างๆ
ตูม!
นัยน์ตาหลินสวินวาบแสงสายฟ้าเย็นเยียบ อักษรเคราะห์เก้าตัวปรากฏขึ้นรอบกาย ทองอร่ามราวกับสร้างจากทองคำ นัยเร้นลับแห่งเจินหลงลอยเวียนวน พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไป
ในลานพวกคนที่นำหน้ามาต่างถูกอักษรเคราะห์สังหาร ศพเกลื่อนกลาดร่วงลงพื้น
ส่วนทางด้านหลัง ผู้ฝึกปราณที่เร่งมาเสริมกำลังหวาดกลัวจนรีบหันหลังหนีไป มาอย่างว่องไว แต่หนีไปอย่างไวยิ่งกว่าแต่ละคนแทบอยากมีขางอกออกมาเพิ่ม
“หนี!”
เหล่าผู้กล้าขวัญหนีดีฝ่อ หนีกระเจิงจนเกิดความโกลาหล
การต่อสู้ครั้งนี้ไร้หนทางต่อสู้แล้ว อานุภาพของเทพมารหลินไร้วี่แววจะสั่นคลอนได้ นอกเสียจากผู้แข็งแกร่งระดับราชันจะลงมือเอง
ทว่าความน่าเศร้าก็อยู่ตรงนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับราชันไม่สามารถเข้าเมืองได้!
“เทพมารหลิน นี่เจ้าช่างรนหาที่ตาย! กล้าออกมาต่อสู้กันหรือไม่” เสียงตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวดังมาจากนอกเมือง สะเทือนไปทั่วฟ้า
เป็นอูหยวนเจิ้นผู้แข็งแกร่งระดับราชันแห่งเผ่าอีกาทอง
ขณะนี้เขายืนอยู่บนท้องฟ้าเหนือกำแพงเมือง สีหน้าเขียวคล้ำ ดวงตาเบิกถลน โมโหจวนเจียนจะคลั่ง
เมี่ยวเฉินแห่งสำนักยุทธ์นครนิล ซางชงแห่งเผ่าวิญญาณสมุทร หวังอวิ๋นทงแห่งลัทธิบูชาจันทร์ รวมถึงผู้แข็งแกร่งระดับราชันจากขุมอำนาจอื่นบางส่วนต่างรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น
สีหน้าของพวกเขาย่ำแย่อย่างที่สุด แต่ละคนเดือดดาลคั่งแค้น อยากพุ่งเข้าไปในเมืองกำจัดหลินสวินใจจะขาด
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอูหยวนเจิ้น เหล่าาคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ในลานต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด คิดว่าเทพมารหลินเป็นคนโง่หรือไร เขาจะออกจากเมืองไปรนหาที่ตายหรือ
คำพูดนี้ช่างปัญญาอ่อนโดยแท้!
“วางใจเถอะ เมื่อข้ากลายเป็นราชันแล้ว พวกเจ้าแต่ละคนล้วนหนีไม่พ้น”
หลินสวินเหลือบมองไปไกลๆ คราหนึ่ง เงาร่างเฉยเมยไม่เจือไร้อารมรณ์ความรู้สึกใดๆ ทว่าไอเหน็บหนาวในคำพูดนั้น กลับทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยใจสั่น
หลังจากนั้นหลินสวินไม่หยุดมือ เยียบย่ำศพของหมู่มวลผู้แข็งแกร่ง ไล่ล่าฆ่าฟันเหล่าผู้กล้าแต่เพียงผู้เดียว วันนี้ เขาหมายชำระล้างผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ด้วยเลือด!
เมืองโบราณเผาเซียนทั้งเมืองล้วนสะท้านสะเทือน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนถูกทำให้ตื่นตระหนก
หากมองลงมาจากฟากฟ้าจะเห็นว่า ผู้กล้าที่แพ้พ่ายมีมากมายดั่งน้ำหลาก วิ่งหนีกระเจิงไปทั่วสารทิศ
และบนเส้นทางที่หลินสวินตามไล่สังหารนั้น หลงเหลือไว้เพียงซากศพและคาวเลือด รางกับเป็นเส้นเลือดที่แผ่ขยายออกไปจากใจกลางเมือง น่าหวาดผวายิ่ง!
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณอิสระและผู้สืบทอดขุมอำนาจเล็กต่างรู้สึกฮึกเหิม
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้บรรดาขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายทำตัวสูงส่ง ควบคุมเมืองโบราณเผาเซียนแห่งนี้ รีดไถค่าเข้าเมืองที่หน้าประตู ทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายเกิดความแค้นไม่พอใจมานานแล้ว
มาบัดนี้เห็นพวกเขาถูกเทพมารหลินที่ตัวคนเดียวกวาดล้าง ตื่นตระหนกหนีหัวซุกหัวซุนราวกับสุนัขจรจัด ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น
หากนี่ไม่ใช่การขัดสถานการณ์ พวกเขาคงส่งเสียงให้กำลังใจหลินสวินกันเกรียวกราวไปนานแล้ว!
อีกทั้งพวกเขายังไล่ตามไปเบื้องหลังหลินสวินโดยไม่ได้นัดหมาย ต้องการเป็นพยานในการกระทำวันนี้ของเขา
ในเมืองวุ่นวายยิ่ง แสงเคลื่อนสารพัดพุ่งสะเปะสะปะ กำลังหนีตาย
ส่วนเบื้องหลังหลินสวินลงมืออย่างไร้ปราณี เพียงก้าวออกไปหนึ่งก้าว เหมือนแผ่นดินหดตัวลงไปเหลือบเพียงคืบ ความเร็วว่องไวเสียจนคาดถึง
เขาในเวลานี้ดุจดั่งเทพสังหารองค์หนึ่ง เยื้องกรายออกมาจากเส้นทางแห่งภูเขาศพทะเลเลือด ระหว่างที่ยกมือขึ้นต้องมีศัตรูสิ้นชีพ นอนตายเกลื่อนกลาด
และในกระบวนการนี้ นอกเมืองมีเสียงตะโกน ข่มขู่ สาปแช่งดังมาไม่ขาดสาย สะเทือนเลือนลั่นทั่วท้องฟ้าเหนือเมืองโบราณเผาเซียน
กระนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งย่างก้าวของหลินสวินได้ สีหน้าเขาเรียบเฉยจนน่าหวาดหวั่น นัยน์ตาดำคู่นั้นเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นชา
พรูดๆๆ!
ตลอดทางฝนเลือดสาดพรมเป็นระยะ ซากศพล้มกองทับกันบนพื้น
เดิมทีหลินสวินไม่ใช่คนที่ฆ่าแกงผู้อื่นตามอำเภอใจ ฉะนั้นเขาถึงไม่ได้รีบลงมือทันทีที่ฟื้นตื่นขึ้นมา นั่นก็เพื่อจดจำขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ที่หมายหัวเขา จากนั้นค่อยไปคิดบัญชีกับพวกเขาทีละคน!
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตามมาเบื้องหลังล้วนแต่ขนลุกขนพอง ใจเต้นตุบๆ
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติเช่นเดียวกัน บุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านั้นเหมือนเป็นเทพมังกรบนสวรรค์ก็ไม่ปาน ทว่าคนระดับนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพมารหลิน กลับไม่ต่างอะไรไปจากของตกแต่งที่ทำลายได้ง่ายดาย!
“รีบหนี!”
“เทพมารหลินฟื้นตื่นแล้ว เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน! ไม่อาจเอาชนะได้เลย!”
“ทำไมถึง… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…”
เหล่าผู้กล้าหนีตายอลหม่าน ทำให้เมืองโบราณเผาเซียนเกิดความวุ่นวาย
นี่ทำให้ผู้คนปากอ้าตาค้าง เนื่องจากที่ผ่านมาผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้ทำตัวสูงส่งเหนือผู้อื่น ใครจะเคยพบเจอว่าพวกเขาจะถูกฆ่าแกงเช่นนี้ได้
ซ้ำยังถูกคนเพียงคนเดียวกำราบ!
ในระหว่างนี้มีกำลังเสริมมาถึงพอดี ทว่าก็สังเกตเห็นอันตรายได้อย่างรวดเร็ว มีหรือจะยังพะวงเรื่องเสริมกำลัง ต่างถอยหนีไปทันที
การเข่นฆ่าสังหารครั้งนี้ มีคนโชคดีหนีออกจากเมืองได้สำเร็จ พ้นเคราะห์ไปครั้งหนึ่ง
แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้าถูกกำหนดให้เป็นดั่งฝันร้าย กลายเป็นเงามืดในใจยากจะลบเลือนไปจากชีวิต!
“รีบไปรายงาน เทพมารหลินจะกวาดล้างทั่วทิศ ให้ทุกคนรีบหนีออกไป!”
“เร็วเข้า รีบออกจากเมือง!”
เสียงตะโกนร้องดังขึ้นไม่ขาดสาย
ในเมืองวุ่นวายไปทั้งแถบ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏ ในอดีตก็ไม่เคยมีการไล่ล่าฆ่าล้างอย่างดุเดือดเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ตลอดทางมีคนล้มตายไปเท่าไร
ไม่มีใครล่วงรู้!
อีกทั้งยังไม่อาจนับจำนวนได้ เพราะตั้งแต่หลินสวินเริ่มลงมือจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยหยุดมือสักนิด เขาบุกสังหารไปถึงอาณาเขตที่พำนักของบรรดาขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ภายในเมือง
“แย่แล้ว! เทพมารหลินบุกมาแล้ว!”
“น่าชังนัก!”
“เขาเพียงคนเดียว ไฉนถึงน่าหวาดกลัวเช่นนี้”
ที่พักของขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ล้วนชุลมุนวุ่นวาย ตื่นตระหนกสุดขีด ไม่อาจยอมรับได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าเทพมารหลินต้องตายโดยไร้ข้อกังขา ใกล้จะถูกสังหารแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้กลับพลิกผันถูกเล่นสวินไล่ฆ่ามาถึงที่นี่
นอกเมือง ผู้แข็งแกร่งระดับราชันเหล่านั้นเดือดดาลจนแทบคลั่ง นี่หลินสวินตั้งใจจะกวาดล้างให้หมดสิ้น สังหารทำลายที่พักของพวกให้เกลี้ยงหรือ
ผู้ฝึกปราณที่ตามมาตลอดทางด้านหลังหลินสวินเหล่านั้นต่างใจสั่น เดิมทีพวกเขาคิดว่าการสังหารครั้งนี้ใกล้จะจบสิ้นแล้ว ทว่าใครจะคาด ดูจากท่าทีของหลินสวินแล้ว คล้ายว่าต้องการเหยียบย่ำถิ่นของเหล่าขุมอำนาจใหญ่ให้ราบเป็นหน้ากลอง!
“นี่… นี่ช่างบ้าคลั่งเกินไปแล้ว…” แม้แต่สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มองดูการต่อสู้มาโดยตลอดก็ล้วนตาเบิกโต อึ้งงันอยู่บ้าง
เทพมารหลินโหดเหี้ยมยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยได้ยินมา กระนั้นก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้
มีคนคาดการณ์เอาไว้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เมืองโบราณเผาเซียนแห่งนี้จะเปลี่ยนโฉมหน้าแล้ว!
…………………………