Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1195 ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา

ตอนที่ 1195 ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา

ฟุ่บ!

ไม่ให้เวลาหลินสวินได้ตอบสนอง ชายในภาพวาดพลันเหวี่ยงคันเบ็ด ดวงดาวที่ถูกตกได้พุ่งออกมานอกภาพ

เวลาต่อมาหลินสวินรู้สึกเพียงห้วงนิมิตมีเสียงดังวู้มราวกับจะระเบิด ถูกพลังมรดกอันยิ่งใหญ่ซับซ้อนจู่โจม

‘ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา!’

‘วิชามรรคอมตะ แบ่งเป็นสามกระบวนท่า’

‘ท่าแรก วสันต์สารทชั่วพริบตา หนึ่งดรรชนีหมุนเปลี่ยนฤดูกาล ชิงศุภโชค ตัดสินเป็นตาย!’

‘ท่าที่สอง ใกล้ดุจสุดหล้า หนึ่งดรรชนีตัดโลก ศัตรูอยู่ใกล้เพียงคืบ ข้าเหมือนอยู่ไกลสุดหล้า ไม่อาจเข้าใกล้’

‘ท่าที่สาม ห่างไกลล้วนไปถึง หนึ่งดรรชนีไหวเคลื่อน ไร้ที่ใดไปไม่ถึง ไม่อาจหลบหนี!’

ผ่านไปครู่ใหญ่หลินสวินจึงตื่นจากการหยั่งรู้ ในใจปั่นป่วนโกลาหล ถูกทำให้ตกตะลึงเต็มที่

เขาสัมผัสได้ว่านี่คือมรดกวิชามรรคไร้เทียมทานที่อยู่เหนือห้าระดับใหญ่ เตรียมไว้เพื่อราชันที่ก้าวสู่ระดับอมตะโดยเฉพาะ!

แม้มีเพียงสามกระบวนท่า แต่กลับแฝงนัยลึกซึ้งสุดหยั่งอยู่ภายใน มีพลังเทียมฟ้าที่คาดไม่ถึง!

หลินสวินสูดหายใจลึกเงยหน้าทันที ก็เห็นม้วนภาพที่เหลืองคร่ำคร่านั้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เงาร่างที่ตกปลาเหนือฟ้าดาราแน่นิ่งไม่ขยับ ราวกับทุกอย่างเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา

แต่หลินสวินรู้ว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง!

ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา!

มหาอุดม แฝงความหมายถึงเขตแดนสมบูรณ์ไร้บกพร่องอย่างหนึ่ง

วิชามรรคนี้อานุภาพยิ่งใหญ่ มีพลานุภาพโดดเด่นยากปกปิด

อย่างเช่นกระบวนท่าแรก วสันต์สารทชั่วพริบตา หลอมรวมความยิ่งใหญ่แห่งฤดูกาลหมื่นสมัยไว้ในหนึ่งดรรชนี พอที่จะล้มล้างฟ้าดิน หมุนเวียนวัฏจักร ใช้พลานุภาพยิ่งใหญ่กดอัดศัตรู!

กระบวนท่าที่สอง มองใกล้เป็นไกลสุดหล้า ต่อให้ศัตรูมารุกรานก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่อาจสัมผัสตนได้สักกระผีก

นี่คือวิชาป้องกันตัวอย่างหนึ่งที่คล้าย ‘การจำกัดบริเวณ’ แต่กลับน่าอัศจรรย์และน่าทึ่งกว่า

ลองคิดดูว่าตำแหน่งที่ตนยืนอยู่เสมือนสุดขอบฟ้า ศัตรูจะเข้าใกล้ได้อย่างไร

ส่วนกระบวนท่าที่สาม ห่างไกลล้วนไปถึง ไม่ว่าเจ้าหนีไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีแห่งใดที่ดรรชนีนี้ไปไม่ถึง!

เพียงสามกระบวนท่าแต่รวมการโจมตี ป้องกัน ไล่ล่าสามแบบ แก่นอัศจรรย์ที่แฝงอยู่ภายในทำเอาหลินสวินไหวหวั่น

นานพอควรหลินสวินถึงสงบสติอารมณ์จากความตื่นเต้น

สายตาจ้องมองภาพวาดที่ปรากฏคราบเหลืองคร่ำคร่านั่น ในใจหลินสวินวิเคราะห์ออกโดยคร่าวๆ ว่านี่คือสิ่งที่ชายชราชุดนักพรตขี่วัวเขียวผู้นั้นเหลือไว้

ภายในยังซ่อนความลับอื่นที่ไม่ธรรมดายิ่ง

แต่กลับต้องการ ‘ผู้มีวาสนา’ มาสัมผัสความลับระดับนี้

ก็เหมือนฉากต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ถูกกระตุ้นด้วยภาพนักพรตขี่วัวในมือของตน ทำให้เขาได้รับมรดก ‘ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา’ มาโดยไม่ตั้งใจ

‘ผู้สมัครใจเชิญขึ้นเบ็ด… น่าจะเป็นผู้มีวาสนาเชิญขึ้นเบ็ดถึงจะถูก…’

หลินสวินพึมพำในใจ ผู้อาวุโสท่านนี้เหลือภาพวาดนี้ไว้ก็เพื่อรอผู้มีวาสนาคนหนึ่งกระมัง

ตกปลาบนฟ้าดารา มอบมรดกแก่ผู้มีวาสนา!

ท่าทางหลุดพ้นเสรีเช่นนี้ กวาดสายตามองตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถครอบครอง

ชายชราชุดนักพรตที่ขี่วัวเขียวแหงนมองฟ้าผู้นี้เป็นใครกันแน่

หลินสวินกุมก้อนทองแดงสนิมเขรอะลายพร้อยในมือเงียบๆ

เขามีลางสังหรณ์ว่า สักวันหนึ่งเมื่อตนมีโอกาสไปเสาะหา ‘แหล่งสถานอัศจรรย์’ นั่น บางทีอาจได้รู้ฐานะของชายชราชุดนักพรตนี่

จากนั้นหลินสวินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

ภาพตกปลาบนฟ้าดารานี้เผ่าอีกาทองได้มาจากไหนกัน

ท้ายที่สุดหลินสวินก็ยกมือเก็บภาพวาดโบราณนี้ไป

‘ต้องเร่งทำเวลาแล้ว…’

ยามก้าวออกจากตำหนักของเผ่าอีกาทองแล้วยืนอยู่บนเขาฝนดาวตก นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเด็ดเดี่ยววูบหนึ่ง ในเมื่อเปิดฉากเข่นฆ่าแล้วก็ไม่อาจรามือ

ฟุ่บ!

เวลาต่อมาเงาร่างเขาก็หายลับจากไป

หนึ่งเค่อผ่านไป

ณ เขาช้างป่าหนึ่งในแดนมงคลเล็กของแดนอัคคีทักษิณ ปัจจุบันถูกสำนักยุทธ์นครนิลยึดครอง

หลินสวินมาแล้วขึ้นเขาฆ่าฟันตามแบบฉบับเดิม

แค่เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์นครนิลที่รักษาการณ์อยู่บนเขาช้างป่าก็ถูกสังหารเรียบ เลือดหลั่งย้อมภูเขา เกลื่อนกลาดระเนระนาดไปทั่ว

ยามหลินสวินก้าวออกจากเขาช้างป่าได้นำโอสถราชันเก้าต้นและเจตวัตถุหายากกองหนึ่ง… แก่นหนาวเรืองแสง มูลค่ามหาศาลไม่ด้อยไปกว่าทองเทพสมประสงค์

ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือบนเขาช้างป่าไม่มีโอสถเทพ

จากนั้นหลินสวินก็มุ่งหน้าบุกอาณาเขตของเผ่าวิญญาณสมุทร

เวลานี้ข่าวที่หลินสวินบุกเดี่ยวเข้าอาณาเขตเผ่าอีกาทอง ฟาดฟันมกุฎราชันมากมายจนเลือดอาบเขาฝนดาวตกแพร่กระจายไปในแดนอัคคีทักษิณอย่างรวดเร็วดั่งลมพายุ

การต่อสู้นี้เขาฝนดาวตกประสบเคราะห์โดยสมบูรณ์ แต่ละขุมอำนาจที่รักษาการณ์อยู่บนนั้นบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน คิดปกปิดก็ปิดบังไม่อยู่

เมื่อข่าวแพร่ออกไปแต่ละฝ่ายต่างพลุ่งพล่าน

ขุมอำนาจที่กระจายอยู่ในแดนอัคคีทักษิณตกตะลึงอ้าปากค้างยากจะเชื่ออยู่บ้าง นั่งกันไม่ติดสิ้นเชิง คนเพียงคนเดียวโค่นภูเขาฝนดาวตกลงได้?

เห็นได้ชัดว่านี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บตัวอยู่ที่เขาดารารายมาตลอด แม้จะสังหารมกุฎราชันหลายคนต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมมากนัก

เนื่องด้วยแต่ละวันในแดนอัคคีทักษิณล้วนมีความขัดแย้งนองเลือดคล้ายกันเกิดขึ้นตลอด

แต่ไม่คิดเลยว่าข่าวในวันนี้จะเหนือความคาดหมายของทุกคนอยู่โข!

หลินสวินช่างสมชื่อ ‘เทพมาร’ ตัวคนเดียวชำระเลือดเขาฝนดาวตก ท่าทีที่เคลื่อนกวาดศัตรูอย่างหมดจดชัดเจนเช่นนั้นก่อให้เกิดเสียงฮือฮาตกตะลึงไม่รู้เท่าไหร่

ข่าวสะพัดออกไปทุกหนแห่งราวกางปีกสยายบิน แต่ละแห่งที่ไปถึงก็จะก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำให้ชื่อของหลินสวินเข้าสู่ครรลองสายตาของแต่ละขุมอำนาจอย่างแข็งกร้าว

คนมากมายสะท้านสะเทือนตกตะลึงตาค้าง

และขุมอำนาจบางส่วนยิ่งเคลื่อนพล พากันมุ่งไปยังเขาฝนดาวตกเพื่อสืบข่าวโดยละเอียดยืนยันข้อเท็จจริง

แต่ไม่ทันไรข่าวที่ว่าเขาช้างป่าถูกเทพมารหลินล้างบางก็แพร่ออกมา ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลอีกครั้ง

“นี่เทพมารหลินบ้าไปแล้วรึ”

ผู้คนมากมายขนพองสยองเกล้า

ตั้งแต่แดนเก้าบนเปิดออก ทุกวันแดนอัคคีทักษิณล้วนมีความขัดแย้งนองเลือดเกิดขึ้น

แต่เรื่องที่อาศัยตัวคนเดียวก็คว่ำขุมอำนาจแห่งหนึ่งได้อย่างหลินสวินนี่กลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก!

ใครก็รู้ว่าแดนอัคคีทักษิณทุกวันนี้ ขุมอำนาจเขาฝนดาวตกที่เผ่าอีกาทองอาศัยอยู่สามารถ ยืนตระหง่านเป็นหนึ่งในหัวขบวนได้อย่างสมบูรณ์

ผู้ที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ก็มีเพียงขุมอำนาจอย่างเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ลัทธิไร้สวรรค์ สำนักเอกอุเท่านั้น

แต่ตอนนี้เขาฝนดาวตกและเขาช้างป่ากลับถูกเทพมารหลินคนเดียวล้างบางโดยตรง!

นี่จะไม่ให้ผู้คนตื่นตระหนกได้อย่างไร แม้แต่เหล่าขุมอำนาจใหญ่ในแดนอัคคีทักษิณก็นั่งกันไม่ติด พากันส่งคนไปสืบข่าว ร้อนใจอยากรู้ว่าเทพมารหลินจะทำอะไรกันแน่

“อะไรนะ แม้แต่เขาเพรียกมรกตที่เผ่าวิญญาณสมุทรอยู่ก็ถูกล้างบางแล้วรึ”

“สวรรค์ เทพมารหลิน… นี่เขาจะบุกทะลวงสวรรค์รึ!”

ในเวลาต่อมาก็มีข่าวแพร่สะพัดดั่งลมกาฬวาตโหมทำลายเป็นวงกว้าง ทำเอาขุมอำนาจใหญ่ไม่น้อยรู้สึกไม่ปลอดภัย ต่างกำลังใคร่ครวญว่าแต่ก่อนเคยล่วงเกินเทพมารหลินหรือไม่…

และมีบางขุมอำนาจเล็งเห็นโอกาส ส่งกำลังพลชั้นยอดออกไปฉวยโอกาสช่วงชุลมุน

ถึงอย่างไรหลินสวินก็ตัวคนเดียว หลังพิชิตแดนมงคลที่แล้วที่เล่า แน่นอนว่าไม่มีทางยึดครองด้วยตัวคนเดียวได้หมด และแดนมงคลที่ว่างเปล่าพวกนี้ก็จะกลายเป็นที่ต้องการของเหล่าขุมอำนาจ!

วิธีการเช่นนี้ก็เหมือนฝูงแร้งรุมทึ้งเนื้อเน่าที่เหลือทิ้งไว้บนพื้น

“เจ้าว่าอะไรนะ เทพมารหลินบุกขึ้นเขาฝนดาวตกของเผ่าอีกาทองของข้ารึ”

ในเวลาเดียวกันพวกอูหลิงเฟิงที่เฝ้ารอข่าวหลินสวินอยู่บนเขาดารารายก็ทราบเรื่อง ชั่วขณะก็เดือดดาลมีโทสะ โกรธจนหน้าเขียวไปหมด

ไหนเลยจะคิดว่าขณะที่พวกเขามาบุกรังหลินสวิน อาณาเขตของพวกเขาจะถูกหลินสวินเล่นงานแทน

“น่าโมโหนัก!”

อูหลิงเฟิงโกรธจนแทบกระอักเลือด ผมยาวแผ่สยาย

เขาพาผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจทั้งหมดเร่งกลับไปทันทีโดยไม่ลังเล

เมื่อมาถึงเขาฝนดาวตก เห็นภาพนองเลือดเละเทะไปทั่ว อูหลิงเฟิงมึนงงแทบไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง

นี่… เป็นเรื่องจริงรึ!

ยิ่งเมื่อเห็นว่าบัวเทพสองลักษณ์สามต้นในสระน้ำตกนั่นถูกเด็ดเกลี้ยง เขาก็พลันหน้ามืดรู้สึกวิงเวียนทันที แหงนขึ้นฟ้าคำรามเดือดดาลราววิกลจริตอย่างอดไม่อยู่

ฐานที่มั่นถูกทำลาย แม้แต่สมบัติก็ถูกเก็บไปจนหมด กระทั่งของที่พอใช้ได้ก็ไม่เหลือ!

ร้ายกาจ!

ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

กระทั่งเดินเข้าไปในตำหนัก ยามเห็นว่าแม้แต่ภาพวาดโบราณที่ตนแขวนไว้บนผนังนั้นยังหายไปด้วย อูหลิงเฟิงก็โกรธจนควันออกหูเกือบจะคลุ้มคลั่ง

ขณะเดียวกันเหล่าบุคคลขอบเขตมกุฎของสำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์เห็นดังนี้ แม้ในใจจะตระหนกหวาดผวา แต่ก็แอบดีใจไม่หยุด

ยังดีที่เทพมารหลินมาบุกเขาฝนดาวตก หากวิ่งไปก่อเรื่องถึงอาณาเขตของพวกเขา เช่นนั้นคงไม่อยากจะคิด

แต่ยังไม่รอให้พวกเขาได้ยินดีนานเท่าไรก็ทยอยมีข่าวส่งมาว่าเขาช้างป่า เขาเพรียกมรกตถูกล้างบาง…

พวกเขาราวถูกคนฟาดกระบองใส่อย่างหนักหน่วงทันที รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว แต่ละคนสีหน้าเหี้ยมเกรียม ดวงตาปูดโปนแทบถลน แผดเสียงคำรามหมายไปล้างแค้นหลินสวิน

“ทุกท่าน พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเจ้าเดรัจฉานนี่กำเริบเสิบสานเพียงใด หากไม่ฆ่ามัน พวกเราจะยืนอยู่ในแดนอัคคีทักษิณได้อย่างไร”

อูหลิงเฟิงสูดหายใจลึก อาศัยปณิธานแน่วแน่ควบคุมความโกรธและความแค้นในใจ หน้าคล้ำเขียวกล่าว “ข้าขอเสนอให้ทุกคนดำเนินการด้วยกันตามเดิม ไปตามล่าเจ้าเดรัจฉานนี่ อย่าปล่อยให้มันมีโอกาสหายใจและหลบหนีอีก!”

ทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่น่าดู

พวกเขาเองก็รู้ว่าการที่หลินสวินสามารถคว่ำกำลังพลที่รักษาการณ์อยู่บนเขาฝนดาวตกเพียงลำพังได้ ย่อมต้องไม่อาจมองเป็นคู่ต่อสู้ธรรมดาๆ

เจ้านี่ไม่เพียงแต่กำเริบเสิบสานเท่านั้น พลังต่อสู้ก็น่ากลัวยิ่งนัก หากสู้ตัวคนเดียวเกรงว่าใครก็คงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้เขาได้!

“ไป!”

อูหลิงเฟิงพุ่งทะยานออกไป ไม่ปล่อยให้ล่าช้าอีกเพียงเสี้ยว แม้แต่เขาฝนดาวตกก็ไม่สนแล้ว

คนอื่นล้วนไล่ตามไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทันที

ในเวลาเดียวกัน หลินสวินยืนคิ้วขมวดอยู่หน้าเขาวิญญาณงามประณีตลูกหนึ่ง

เขาลูกนี้นาม ‘หมอกทองคำ’ เดิมเป็นอาณาเขตของเผ่าโบราณแสงทมิฬ

แต่เมื่อหลินสวินมาถึงกลับค้นพบอย่างน่าประหลาด ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเขาลูกนี้เกิดการปะทะนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้น เขม่าควันตลบอบอวล ภาพนองเลือดเห็นได้ทั่วทุกหนแห่ง

“เทพมารหลินรึ เจ้ามาได้จังหวะพอดี เจ้าก็เห็นแล้วว่าอาณาเขตของเผ่าโบราณแสงทมิฬนี้ พวกเราเรือนกระบี่เร้นปุจฉาช่วยเจ้าทำลายราบแล้ว”

เงาร่างของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากภูเขา ผู้นำคือชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมนกกระเรียนคนหนึ่ง ใบหน้าดั่งหยกบนเกี้ยวประดับ บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา มองหลินสวินที่เพิ่งมาถึงด้วยสีหน้าราบเรียบ

เรือนกระบี่เร้นปุจฉา?

หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย นึกถึงจี้ซิงเหยาเด็กสาวที่หยิ่งทะนงหาใดเปรียบขึ้นมา

เพียงแต่เขากับเรือนกระบี่เร้นปุจฉาไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน ทำไมอีกฝ่ายถึงเข้ามาช่วย

“เจ้าอย่าเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้ช่วยเปล่า ได้ยินว่าเจ้าเพิ่งล้างบางเขาฝนดาวตกไป น่าจะได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย ตอนนี้เจ้าควรมอบโอสถเทพบางส่วนมาตอบแทนกันหน่อยแล้วกระมัง”

ชายหนุ่มเสื้อคลุมนกกระเรียนกล่าวเนิบช้า สายตาพินิจพิเคราะห์หลินสวินอย่างเพลิดเพลิน

……………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท