Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ

ตอนที่ 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ

แม้รู้สึกว่าท่าทางตอนโกรธของจี้ซิงเหยาจะมีเสน่ห์ดึงดูดอยู่บ้าง แต่หลินสวินกลับไม่สนใจจะชื่นชม

ในสัมผัสรับรู้ของเขา มีไอสังหารล้นฟ้ากำลังเร่งตามมาจากที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว!

อานุภาพแห่งไอสังหารนั้นทำเอาหลินสวินตะลึง รับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ที่มาคราวนี้ต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่

อีกทั้งไม่ขาดแคลนยอดฝีมือ!

“เอาเถอะ ครั้งหน้าค่อยสนทนากับเจ้า”

หลินสวินตัดสินใจหันหลังจากไป

“เจ้า…”

จี้ซิงเหยาร้องทัก

หลินสวินหันกลับไปมอง

จี้ซิงเหยาชะงัก จากนั้นก็แค่นเสียงกล่าว “เจ้าไม่ต้องการค่าชดเชยแล้วรึ”

หลินสวินยิ้ม “ช่างเถอะ ขอแค่เจ้าไม่โกรธข้าอีกก็พอ”

ขณะกล่าวเงาร่างเขาก็หายไปในห้วงอากาศที่อยู่ห่างออกไปแล้ว

“เหอะ! ใครจะโกรธอันธพาลหน้าเหม็นอย่างเจ้า!” จี้ซิงเหยาสบถ ใบหน้างามรู้สึกร้อนระอุและเดือดดาลอย่างยากอธิบายอยู่บ้าง

เจ้าหมอนี่ช่างปากสุนัขซะจริง!

“ศิษย์พี่จี้ ท่านกับเทพมารหลินนั่น…” มีคนอดกล่าวถามไม่ได้

แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกจี้ซิงเหยาตัดบทอย่างเย็นชา “ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น หากพวกเจ้ากล้าพูดพล่อยๆ อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพร่วมสำนัก!”

ในน้ำเสียงเจือความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

แต่เมื่อเข้าหูคนอื่นกลับเหมือนยิ่งปิดยิ่งเด่นชัด…

จี้ซิงเหยาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าทุกคนที่มองนางผิดแปลกอยู่บ้าง ในใจรู้สึกคับข้องขึ้นมาอีกระลอกอย่างห้ามไม่อยู่

นางสูดหายใจลึก สีหน้าฟื้นคืนความสงบ กล่าวว่า “พวกเราก็ควรไปได้แล้ว”

ในจุดที่ห่างออกไป ไอสังหารน่าตะลึงแผ่กระจายราวเมฆทมิฬมุ่งปกคลุมมาทางนี้ ไม่จากไปตอนนี้ ภายภาคหน้าต้องนำเภทภัยใหญ่หลวงมาให้แน่

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเขาหมอกทองคำนี่ดี” มีคนถาม

“ใครอยากได้ก็เอาไป!” จี้ซิงเหยากล่าวชัดเจน

ดังนั้นพวกเขาทั้งคณะจึงเลือกจากไปทันที

เพียงแต่ระหว่างทางจี้ซิงเหยากลับเลือกแยกตัวไปคนเดียว

“ศิษย์น้องจี้ เจ้าจะไปไหน” โม่เทียนเหอถาม

“ไปทำธุระเรื่องหนึ่ง”

จี้ซิงเหยาตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ขณะกล่าวชายเสื้อนางพลิ้วไหว หายลับจากไปดั่งรุ้งอัศจรรย์

“ศิษย์พี่จี้จะไปทำธุระอะไร”

คนมากมายอึ้งงันไม่เข้าใจ

‘ต้องเกี่ยวกับเทพมารหลินนั่นแน่!’

โม่เทียนเหอสีหน้าอึมครึม

ครืน!

ขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปไม่นาน ใกล้เขาหมอกทองคำเงาร่างระดับราชันมากมายก็มาถึง

อานุภาพน่าตกตะลึงราวเมฆดำปกคลุม

“ถูกมันชิงหนีไปก่อนอีกแล้ว!”

“น่าชังนัก!”

“ตามต่อ!”

เสียงคำรามปั่นป่วนไปทั่วทิศทำให้ห้วงอากาศโดยรอบสั่นสะเทือน เต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นไร้สิ้นสุด

ทว่าหลินสวินได้หยุดภารกิจล้างบางเขาวิญญาณแดนมงคลลงแล้ว การไล่ล่าต่อจากนั้นพวกเขาจึงสูญเสียร่องรอยของหลินสวินไปอย่างสมบูรณ์

ที่ทำให้พวกอูหลิงเฟิงเดือดจัดที่สุดคือ เวลานี้ขุมอำนาจอื่นที่ตั้งถิ่นฐานในแดนอัคคีทักษิณกลับบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ ฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ แย่งแดนมงคลที่ถูกกวาดล้างไปแล้วเหล่านั้น

ด้วยประการฉะนี้จึงทำให้สถานการณ์ของพวกอูหลิงเฟิงเปลี่ยนเป็นยากแค้นทันที

ต่อให้ใจเคียดแค้นแค่ไหน พวกเขาก็รู้ดีว่าเสียโอกาสสังหารหลินสวินไปแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนแผนไปยึดแดนมงคลที่เดิมเป็นของพวกเขาทันที

วันนี้แดนอัคคีทักษิณปั่นป่วน สั่นสะเทือนทุกหย่อมหญ้า

มีคนทำบันทึกว่าเพียงไม่ถึงสองชั่วยาม หลินสวินคนเดียวก็ยึดแดนมงคลสี่แห่งอย่างเขาฝนดาวตก เขาช้างป่า เขาเพรียกมรกต เขาหมอกทองคำได้แล้ว

แต่ละแห่งล้วนเลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ เขม่าควันตลบอบอวล!

และในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันที่ตายในมือหลินสวินก็ไม่ต่ำกว่าสิบห้าคน

น่าตกตะลึงยิ่งนัก!

ต้องรู้ว่าในแดนเก้าบนมกุฎราชันก็เหมือนตัวตนที่ยืนบนยอดเขา สามารถคำรามก้องทั่วทิศ ควบทะยานทั่วหล้า

ในสายตาพวกเขาราชันทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ยังไม่เลื่อนระดับกลายเป็นราชัน แน่นอนว่าไม่มีภัยคุกคามใดๆ

แต่หลินสวินกลับฆ่าระดับมกุฎราชันราวฉีกภาพวาด!

นี่ก่อให้เกิดแรงสะเทือนครั้งใหญ่ต่อมกุฎราชันคนอื่น ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เช่นเดียวกัน ด้วยปฏิบัติการล้างแค้นของหลินสวิน ในแดนอัคคีทักษิณจึงเปิดฉากฝนโลหิตคาววายุขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม

แต่ละขุมอำนาจฉวยโอกาสแย่งชิงแดนมงคลที่ถูกล้างบางพวกนั้น แน่นอนว่าขุมอำนาจอย่างพวกอูหลิงเฟิงย่อมไม่พอใจ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดการปะทะระหว่างขุมอำนาจขึ้น!

ทว่าคลื่นลมทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับหลินสวิน

หลังจากไปเขาก็มุ่งตรงกลับเขาดาราราย เพียงแต่เขาดารารายได้กลายเป็นซากปรักหักพังแถบหนึ่งไปนานแล้ว แม้แต่ชีพจรปราณวิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ภายในก็ถูกทำลายอย่างหนักจนไม่อาจฟื้นฟูได้

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ได้แต่ส่ายหัว ไม่ถึงขั้นทอดถอนใจแต่ก็เสียดายอยู่บ้าง เขาวิญญาณแดนมงคลเช่นนี้กลับถูกทำลาย เป็นความผิดใครกัน?

‘ก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าอาหลู่หรือเจ้าคางคก ขอแค่มาแดนอัคคีทักษิณก็คงพอรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่แล้วกระมัง…’

หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด

การแก้แค้นเหล่าขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทองครานี้ยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็บรรลุผลแล้ว หากสู้ต่อไปอีกกลับจะทำให้ตนตกอยู่ในอันตรายแทน

ศัตรูไม่ใช่พวกหน้าโง่ จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อโต้กลับแน่

แต่หลินสวินก็ไม่คิดวางมือยุติเรื่องราวแค่นี้เช่นกัน

ตีงูไม่ตายกลับจะถูกมันทำร้ายแทน

ประสบการณ์และบทเรียนที่ต่อสู้มาหลายปีทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างสุดซึ้ง ว่ากับศัตรูห้ามออมมือเป็นอันขาด

ตอนนี้เป็นปีที่สองของการเข้าสู่แดนมกุฎ ยังมีเวลาอีกแปดปีสำหรับสั่งสมประสบการณ์และเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสะสางบัญชีกับศัตรูพวกนั้นเช่นกัน

‘ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋คงก้าวสู่ระดับมกุฎราชันแล้วกระมัง หากเขารู้ข่าวว่าข้าอยู่แดนอัคคีทักษิณจะกล้ามาหรือไม่’

หลินสวินนึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ขึ้นมา

เขาตัดสินใจรอให้พลังมหามรรคทั้งสองอย่างเจินหลงและดับดารากลืนกินบรรลุถึงระดับแก่นมรรคก่อน ก็จะไปหาอวิ๋นชิ่งไป๋ สะสางบัญชีเลือดที่ลากยาวมาหลายปีนี้ซะ!

ทันใดนั้นหลินสวินก็รู้สึกตัวตื่นจากห้วงคิด สายตาเจือแววประหลาดวูบหนึ่งมองไปยังจุดที่ห่างออกไป

ที่นั่นจี้ซิงเหยาในชุดขาว ผมดำราวน้ำตก งามพิสุทธิ์ดั่งเทพธิดาในภาพวาดก้าวเข้ามาจากห้วงอากาศ

“แม่นางจี้? นี่เจ้ามาหาข้าเพื่อพูดคุยกันต่อรึ”

หลินสวินยิ้มถาม

จี้ซิงเหยาสีหน้ายียบเย็น นัยน์ตาดาราดุจอสนี ถลึงมองหลินสวินแล้วกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนมาคุยเล่นกับเจ้ารึ”

เจ้าหมอนี่น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว เป็นถึงเทพมารหลินที่น่าเกรงขาม แต่กลับไม่เป็นการเป็นงานเช่นนี้!

ไม่รอหลินสวินเปิดปาก นางก็เผยจุดประสงค์การมาตรงๆ “ไม่กี่วันก่อนข้าเข้าไปในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แล้วบังเอิญเจอคนผู้หนึ่งเข้า”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งเผยความสนใจ

เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก เขารู้ดีว่านี่คือแดนผีสิงที่น่าหวาดกลัวระดับใด!

แต่ทำไมจี้ซิงเหยาต้องเอ่ยเรื่องนี้กับตน

“คนผู้นั้นเป็นเด็กหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาถือว่าค่อนข้างหล่อเหลา เพียงแต่เย่อหยิ่งและอวดดีเหลือเกิน” จี้ซิงเหยากล่าวหวนความหลัง

เป็นเจ้าคางคก!

หลินสวินใจกระตุกวูบ เขานึกสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่ายามจากแดนเผาเซียนมายังแดนอัคคีทักษิณ เจ้าคางคกจะถูกส่งไปยังเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกนั่นเหมือนกับตนหรือไม่

เวลานี้คำพูดของจี้ซิงเหยาได้พิสูจน์ความคลางแคลงนี้โดยไม่ต้องสงสัย

“แต่อาจเป็นเพราะเขาเย่อหยิ่งเกินไป จนกระทั่งไม่ระวังถูกม้วนเข้าไปในสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง…”

เมื่อจี้ซิงเหยากล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาดำหลินสวินก็หดเกร็ง อดกล่าวซ้ำไม่ได้ “สถานที่อันตราย? แม่นางจี้ เจ้าช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่”

เขาเป็นห่วงอยู่บ้าง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดเหน็บแนมหลินสวินสักสองประโยค แต่เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าจริงจัง ก็พลันอดกลั้นไว้ทันที

นางเรียบเรียงความคิด เล่าเรื่องที่เจอเจ้าคางคกออกมาจนหมด

ที่แท้ประมาณครึ่งเดือนก่อน จี้ซิงเหยามุ่งหน้าไปเสาะหาวาสนาที่หุบเขาลึกลับแห่งหนึ่งในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก

หุบเขาลึกลับนั้นไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต ถูกหมอกควันสีเลือดปกคลุมมานานปี แปลกประหลาดและคลุมเครือเหลือประมาณ

ขณะที่จี้ซิงเหยาลังเลว่าจะเข้าไปเสาะหาหรือไม่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น

เมื่อลองเดินเข้าไปดูในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกโลหิตนั่นจึงพบว่า ในหุบเขามีบ่อร้างแห่งหนึ่ง เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นดังออกมาจากบ่อร้างนี้นั่นเอง

หลังจากนั้นจี้ซิงเหยาก็เห็นเจ้าคางคกที่ถูกขังไว้ในบ่อ

เขาทุลักทุเลเป็นอย่างยิ่ง มือเท้าทั้งสองเกาะผนังบ่อ บนตัวถูกโซ่สีเลือดถี่ยิบหลากสายพันรอบ กำลังลากเขาไปยังส่วนลึกของบ่อร้าง เห็นได้ว่าน่าอเนจอนาถและกินแรงผิดธรรมดา

โดยเฉพาะที่ข้อเท้าเขายังถูกฝ่ามือซีดเผือดเหี่ยวแห้งแก่ชราข้างหนึ่งยึดไว้แน่นหนา ทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อน ได้แต่ร้องเรียกเสียงดัง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดจะช่วยเขา แต่กลับถูกเขาห้ามไว้ บอกว่าที่นี่คือ ‘บ่อโลหิตนรกเทพ’ เป็นสถานที่แปลกประหลาดที่น่ากลัวที่สุดบนโลก

ขณะเล่าจี้ซิงเหยาแค่นเสียงเย็นชากล่าว “เจ้าหมอนี่ถูกขังไว้แต่พูดจาใหญ่โตนัก บอกว่าหากข้าเข้าไปใกล้ไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ กลับจะเป็นการทำร้ายเขาแทน”

หลินสวินรีบร้อนกล่าว “เจ้าหมอนี่ก็แค่มีนิสัยเช่นนี้ เจ้าอย่าเอาความเขาเลย ต่อจากนั้นล่ะ”

จี้ซิงเหยากล่าวง่ายๆ “หลังจากนั้นข้าก็จากมา”

“จากมา?” หลินสวินอึ้งไป

จี้ซิงเหยากล่าว “หากไม่จากมา ข้าจะอยู่ที่นั่นได้รึ เพียงแต่ก่อนจากมาเจ้าหมอนั่นฝากข้ามาบอกเจ้าประโยคหนึ่ง”

“บอกว่าอะไร” หลินสวินในใจตึงเครียด

สีหน้าจี้ซิงเหยาแปลกประหลาดอยู่บ้าง เลียนแบบวิธีพูดตอนนั้นของเจ้าคางคก เอ่ยว่า “เขาพูดว่า ฝากบอกเจ้าหนูหลินสวินนั่นว่าข้าช่วยเขาหาวาสนาใหญ่ชิ้นหนึ่งพบแล้ว ให้เขารีบมาช่วยข้าที!”

สีหน้าหลินสวินพลันมืดทะมึน เจ้าหมอนี่ขนาดตกอยู่ในอันตรายคำพูดคำจายังอวดดีเช่นนี้ ไม่กลัวตายหรืออย่างไร

เขาสูดหายใจลึกกล่าว “หลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นเขาก็ยอมแพ้ ถูกลากเข้าไปในส่วนลึกบ่อร้างนั่นไม่เห็นร่องรอยอีก ข้าสงสัยว่าก้นบ่อโลหิตนรกเทพที่กล่าวมานั้นน่าจะมีดินแดนอยู่อีกแห่ง”

จี้ซิงเหยากล่าวเสียงแผ่วต่ำ

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้แล้วหลินสวินก็หนักใจอยู่บ้าง เจ้าคางคกนี่ถึงกับเข้าไปในบ่อโลหิตนรกเทพนั่น นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน

เขาสูดหายใจลึก ประสานมืออย่างจริงจังกล่าว “ขอบคุณแม่นางจี้มากที่บอกเล่าเรื่องทุกอย่าง วันหน้าข้าจะตอบแทนแน่นอน”

ข่าวนี้สำคัญมากจริงๆ หากจี้ซิงเหยาจงใจปิดบังไม่พูด เป็นไปได้สูงว่าจะเสียเวลาไปช่วยเจ้าคางคกด้วยเหตุนี้!

มุมปากจี้ซิงเหยาโค้งเป็นรอยยิ้มกล่าว “ดูไม่ออกเลยว่าเทพมารหลินอย่างเจ้าก็รู้จักตอบแทนบุญคุณด้วย?”

หลินสวินไม่มีอารมณ์มาพูดเล่น “แม่นางจี้ ช่วยบอกตำแหน่งโดยละเอียดของบ่อโลหิตนรกเทพนั้นกับข้าได้หรือไม่”

จี้ซิงเหยากล่าว “นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้า ในมือข้ามีม้วนบันทึกที่ไม่สมบูรณ์เล่มหนึ่ง เป็นสิ่งตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลถึงปัจจุบัน บนนั้นบันทึกความลับบางอย่างไว้ เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับแดนปริศนาใต้บ่อโลหิตนรกเทพนั่น”

หลินสวินพลันกระจ่างใจ “ดังนั้นเจ้าก็เลยคิดจะไปเสาะหาอีกครั้ง?”

จี้ซิงเหยาพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีปัญหา ตกปากรับคำอย่างยินดี

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท