Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1216 สยบเพลิงมรรคฟ้าประทาน

ตอนที่ 1216 สยบเพลิงมรรคฟ้าประทาน

หินหนืดเดือดพล่าน คลื่นเพลิงม้วนตลบ

หลินสวินยืนตระหง่านกลางห้วงอากาศ เงาร่างเปล่งประกายหาใดเทียบ กำลังใช้พลังทั้งหมดต้านทานและสลายพลังทำลายล้างที่มีอยู่ทั่วห้วงอากาศ

แม้สถานการณ์ที่เผชิญหน้าที่นี่เวลานี้จะอันตรายหาใดเทียบ แต่ดวงตาดำคู่นั้นของหลินสวินกลับสุกสกาวไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม

เขาหาเพลิงมรรคที่ต้องการพบแล้ว

ก็คือเตาหลอมเตานั้น!

สามขาสองหู กลิ่นอายเรียบง่ายโบราณ มีท่วงทำนองอันเป็นอมตะ

ตูม!

หลินสวินไม่รอช้า ออกโจมตีอย่างอุกอาจ ใช้เจตจำนงมรรคเจินหลงกระตุ้นผนึกป้าเซี่ย

โฮก! สัตว์เทพป้าเซี่ยพุ่งผ่านห้วงอากาศออกมา ควบคุมตาข่ายใหญ่ผืนหนึ่ง ออกผนึกเตาหลอมนั้นไว้กลางอากาศ

ใครจะคิดว่าก็ในตอนนี้เอง บรรทัดหยกสีดำเล่มหนึ่งเคลื่อนขึ้นมาแล้วทำลายตาข่ายใหญ่นั้นดังเผียะ ส่วนพลังที่เหลือก็ไม่ได้ลดลง โถมเข้ากระแทกหลินสวิน

นี่คือเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่ง เพียงแต่กลายสภาพเป็นรูปบรรทัดหยกสีดำประหนึ่งมีจิตวิญญาณ พลังพิฆาตน่าตื่นตะลึง

หลินสวินหลบออก ตะปบมือออกไปอย่างแรง พลังวิญญาณถาโถมดุจดั่งภูเขาถล่มทะเลคำรน กระแทกลงไปบนบรรทัดหยกสีดำที่เข้ามาปะทะ

ที่น่าตกใจก็คือ การโจมตีเช่นนี้เพียงพอจะสังหารมกุฎราชันผู้หนึ่งได้ แต่กลับถูกบรรทัดหยกสีดำเล่มนั้นทำลายอย่างง่ายดาย!

ตาดำของหลินสวินหดเกร็ง รับรู้ได้ถึงพลังของเพลิงมรรคฟ้าประทาน น่ากลัวเกินไปแล้ว การจู่โจมธรรมดาต้องไม่ได้ผลกับพวกมันแน่

“กำราบ!”

ท่ามกลางเสียงตะคอก สัตว์เทพปี้อั้นกระโจนออกไป มือถือตราประทับใหญ่กระแทกลงบนบรรทัดหยกดำเล่มนั้นอย่างแรง

ฝ่ายหลังสั่นโคลงรุนแรงดังหึ่งๆ

แม้ยังกำราบมันไม่ได้โดยสมบูรณ์ แต่ก็ทำให้หลินสวินลอบถอนหายใจโล่งอก หากทำเช่นนี้ยังไม่ได้อีก เขาก็ทำได้เพียงใช้ไม้ตายแล้ว

ชิ้ง!

กระนั้นพร้อมกับเสียงกังวานของบรรทัดหยกสีดำเล่มนั้น เพลิงมรรคต้นกำเนิดรูปร่างเหมือนดาบหอกกระบี่ทวน ขวานของ่ามดวงแล้วดวงเล่า ก็พุ่งพิฆาตหลินสวินจากห้วงอากาศเหนือภูเขาไฟเหมือนกระแสน้ำเทลงมา

ภาพนั้นช่างเหมือนทัพใหญ่ออกเคลื่อนไหว!

ส่วนสีหน้าของหลินสวินชั่วขณะนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งหาใดเทียบ

คิดไม่ถึงเลยว่า บรรทัดหยกสีดำที่กลายสภาพมาจากเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่ง จะยังเรียกให้เพลิงมรรคต้นกำเนิดดวงอื่นมาจู่โจมเสียได้!

……

“เกิดอะไรขึ้น”

ไกลออกมาจากภูเขาไฟ พวกเจิ้นอวี้เฟิง จี้ซิงเหยาล้วนตกใจ

จากสายตาของพวกเขาที่มองไป ก็เห็นว่าเพลิงมรรคต้นกำเนิดที่รวมกลุ่มกันในห้วงอากาศเหนือภูเขาไฟพลันพุ่งเข้าไปในภูเขาไฟพร้อมจิตสังหารพลุ่งพล่าน ภาพการน่าหวาดหวั่น

“ต้องพบมหาศุภโชคล้ำเลิศแล้วแน่ๆ!”

เจ้าคางคกพึมพำ

……

ตู้ม!

ชั่วพริบตาหลินสวินก็ได้รับแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน ต้องสำแดงพลังต่อสู้ทั้งหมดของตนอย่างเต็มที่

เงาร่างของเขาท่องทะยาน สัญลักษณ์อักษรเคราะห์พันวนทั่วกาย สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ประหนึ่งนายเหนือหัวกำลังกรำศึกกับจักรวาล

ส่วนรอบกายเขาดาบหอกกระบี่ทวนจู่โจมทุกย่างก้าว ล้วนเต็มไปด้วยพลังแผดเผาทำลายล้าง เข้าล้อมโจมตีราวอุกกาบาตที่ตกลงมายังผืนดิน

และภายในนั้น ยังมาพร้อมกับการจู่โจมของบรรทัดหยกสีดำเล่มนั้นด้วย!

นี่ทำให้หลินสวินหมดคำพูดไปครู่หนึ่ง

เขาเพียงต้องการสยบเตาหลอมเตานั้น แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะไปดึงดูดการโต้กลับของบรรทัดหยกสีดำเล่มนี้ หนำซ้ำฝ่ายหลังยังเรียกเพลิงมรรคต้นกำเนิดกลุ่มหนึ่งมาล้อมโจมตีเขา!

อันตรายนัก!

สำหรับมกุฎราชันผู้ใดก็ตาม เพียงสยบเพลิงมรรคต้นกำเนิดดวงหนึ่งเท่านั้น ก็ต้องเอาพลังทั้งหมดเข้าแลกถึงจะทำได้

แต่ตอนนี้ เพลิงมรรคต้นกำเนิดที่ล้อมโจมตีหลินสวินมีมากกว่าร้อยดวงเป็นอย่างน้อย

อีกทั้งภายในนั้นยังมีเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่งอีก!

แม้หลินสวินจะโคจรพลังต่อสู้ถึงที่สุด แต่เพียงผ่านไปครู่เดียวก็ได้รับบาดเจ็บอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผิวหนังถูกเผาเป็นโพรงไหม้ดำโพรงแล้วโพรงเล่า!

ความเจ็บปวดรุนแรงอันยากจะกล่าวทำให้หลินสวินอดส่งเสียงอึดอัดในคอออกมาไม่ได้ สูดหายใจเย็นไม่หยุดหย่อน

ตอนนี้เขาถึงรับรู้ได้ถึงความน่าครั่นคร้ามของเพลิงมรรคต้นกำเนิด วิปริตยิ่งกว่าประมือกับมกุฎราชันกลุ่มหนึ่งเสียอีก

ทว่าแม้สถานการณ์ไม่สู้ดี แต่หลินสวินจะยินยอมจากไปเช่นนี้หรือ

ฆ่า!

ผมดำของเขาปลิวไสว ตดอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ถึงขีดสุดโดยสมบูรณ์ โคจรวิชาอริยะยุทธ์และโทสะหยาจื้อออกมาทั้งหมด

จะจับโจรก็ต้องจับราชาให้ได้ก่อน

เขาเล็งเป้าไปที่บรรทัดหยกสีดำเล่มนั้นไว้มั่น ไล่โจมตีมันอย่างดุดัน

ในระหว่างนี้เสื้อผ้าทั้งตัวเขาก็ถูกเผาไหม้ ผิวหนังหลุดลอกไหม้ดำเป็นจ้ำๆ ไปทั้งตัว ดูน่าตกใจหาใดเทียบ

นี่ก็คือความน่ากลัวของเพลิงมรรค เมื่อยังสยบมันไม่ได้ ความแข็งแกร่งของพลังของมันเพียงพอจะเผาบุคคลระดับราชันให้ตาย ทำให้รูปและจิตของอีกฝ่ายมอดไหม้ไปด้วยกัน!

ทว่าแม้บาดเจ็บรุนแรงหาใดเทียบ ด้วยการโจมตีจากพลังทั้งหมดที่มีของหลินสวิน ท้ายที่สุดแล้วบรรทัดหยกสีดำเล่มนั้นก็รับไม่ไหว

เกิดเสียงปึงดังขึ้นครั้งหนึ่ง บรรทัดหยกสีดำระเบิดแหลก กลายสภาพเป็นเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์ ลึกล้ำ น่าหวาดหวั่นดวงหนึ่ง คลื่นที่แผ่กระจายเหมือนรัตติกาลที่แผ่ขยายออกมา

ห้วงอากาศในบริเวณใกล้เคียง ขอเพียงถูกแสงเพลิงสีดำปกคลุมก็ถูกหลอมให้ยุบตัวลงทั้งนั้น!

แต่สำหรับหลินสวิน เพลิงนี้ได้ถูกสยบแล้ว!

เขากวักมือครั้งเดียว เพลิงมรรคสีดำก็ถูกดูดซับ ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ

ส่วนเพลิงมรรคต้นกำเนิดที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวิน ตอนนี้กลับกระจัดกระจายออกทันที ราวกับสูญเสียแม่ทัพที่คอยสั่งการ

ในขณะเดียวกัน ความรู้แจ้งอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจหลินสวิน…

เพลิงมรรคสงัดนิรันดร์ ถือกำเนิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดรัตติกาลฟ้าประทาน!

แสงเพลิงสีดำขับเน้นให้สีหน้าของหลินสวินยิ่งแปรผันไม่แน่นอน ทันใดนั้นเขาก็ยิงฟัน สูดหายใจเย็นไม่หยุด ทั้งกายเกิดความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนโดนฉีกทึ้ง

ระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บไปทั่ว ตัวเขาตอนนี้ก็เหมือนถ่านไม้ที่มีรอยแผลนับร้อยท่อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเนื้อหนังและกล้ามเนื้อกระดูกถูกเผาทำลายไปเท่าไร

บาดแผลเรียกได้ว่ารุนแรงถึงที่สุด!

และนี่ ก็เป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อสยบเพลิงมรรคฟ้าประทาน หากเปลี่ยนเป็นมกุฎราชันคนอื่นเกรงว่าคงไม่มีชีวิตมาช่วงชิงวาสนาชั้นนี้แล้ว!

หลินสวินไม่คิดมากไปกว่านี้ นำโอสถราชันออกมามากมาย เริ่มกลืนกินและหลอมพลังเหมือนได้มาเปล่าๆ ในขณะเดียวกันก็โคจรพลังมหามรรคไร้มรณะออกมาด้วย

ไม่นานนักอาการบาดเจ็บทั้งร่างของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

ในระหว่างนี้เพลิงมรรคเตาหลอมนั่นก็ตั้งมั่นดังเดิม ในบริเวณใกล้ๆ กับมันมีเพลิงมรรคฟ้าประทานสี่ดวงห้อมล้อมปกปักษ์

แบ่งออกเป็นกวางห้าสีตัวหนึ่ง คัมภีร์หยกขาวเล่มหนึ่ง ม้วนภาพสีม่วงม้วนหนึ่งกับโคมทองดวงหนึ่ง

ดูลักษณะเช่นนี้แล้ว หลินสวินรับรู้ได้ว่าหากวันนี้ต้องการดูดซับเพลิงมรรคเตาหลอมนั่น เกรงว่าจะต้องจัดการเพลิงมรรคฟ้าประทานสี่ดวงนี้ก่อน

ครู่หนึ่งผ่านไป เมื่อหลอมพลังโอสถราชันไปเจ็ดต้นเต็มๆ และได้เจตจำนงมรรคไร้มรณะช่วยเสริม ตอนนี้หลินสวินถึงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและพลังทั้งกายโดยสมบูรณ์

ค่าตอบแทนนี้มากอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรโอสถราชันก็ไม่ใช่ผักปลา สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนไหนๆ ก็เรียกได้ว่าเป็นของหรูหรา

ทว่าสิ่งที่เก็บเกี่ยวคราวนี้ก็ยิ่งใหญ่นัก

อย่างน้อยก็ได้เพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่งมาไว้ในมือแล้ว!

ฟู่!

หลินสวินพ่นลมหายใจขุ่นออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วทอดสายตามองไปยังเพลิงมรรคเตาหลอมนั้น เข้ากำราบโดยไม่ลังเล

วันนี้ถ้าไม่ได้เพลิงมรรคนี้ จะต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่!

วู้ม!

ไม่เกินความคาดหมายของหลินสวิน คราวนี้เพลิงมรรคฟ้าประทานอีกดวงหนึ่งโจมตีโต้กลับเหมือนองครักษ์ผู้ภักดี

เป็นโคมทองดวงนั้น มันลอยคว้างหมุนติ้วไปในห้วงอากาศ ไส้โคมส่องแสงเจิดจ้า เปลวเพลิงที่พร่างพรมออกมาแจ่มจรัสดั่งทอง งดงามตระการตา มีบรรยากาศยิ่งใหญ่เกรียงไกร

ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อถูกโคมทองนี้เรียกหา ก็มีเพลิงมรรคต้นกำเนิดกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีหลินสวินเหมือนเป็นเหมือนทัพใหญ่

พวกมันแปรสภาพเป็นสายฟ้า พายุ เมฆหมอก แสงเคลื่อน… ประหนึ่งภัยพิบัติฟ้าดินเป็นฉากๆ มาเยือนหลินสวิน

ศึกนี้ยากเข็ญขึ้นไปอีก เมื่อสู้ถึงท้ายที่สุดร่างของหลินสวินก็ถูกเผายับเยิน แขนซ้ายกับขาขวาถูกเผามอด!

แต่ผลลัพธ์ก็ยังถือว่าไม่เลว เพลิงมรรคโคมทองนั้นถูกสยบ มันมีนามว่า ‘เพลิงมรรคโชนทอง’ ถือกำเนิดในแหล่งกำเนิดทองคำฟ้าประทาน

และการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บคราวนี้ ผลาญโอสถวิญญาณของหลินสวินไปเก้าต้นเต็มๆ!

ภายในนั้นมีโอสถราชันต้นหนึ่งที่เป็นของล้ำค่าหายากอย่างที่สุด มีสรรพคุณที่สามารถคืนเนื้อหนังและกระดูกให้คนตาย เมื่อนำมันมาใช้ เทียบได้กับทำให้ร่างกายได้เข้าสู่การนิพพานครั้งหนึ่ง พลังชีวิตใหม่เอี่ยมลุกโชน

ที่ทำให้หลินสวินสีหน้าพิกลก็คือ ท่ามกลางการทำลายล้างและฟื้นฟูเช่นนี้ พลังกายของเขากลับเกิดการแปรสภาพครั้งแล้วครั้งเล่า

จุดที่หายากที่สุดก็คือ แม้แต่การควบคุมมหามรรคไร้มรณะยังแตกฉานอย่างรวดเร็ว!

‘ภยันตรายหนึ่งครั้ง นิพพานหนึ่งครั้ง วาสนาหนึ่งครั้ง… คำพูดที่อริยะสมัยโบราณว่าไว้ไม่ผิดจริงๆ ด้วย มีทุกข์ก็มีสุขได้..’

หลินสวินพึมพำในใจ

ถึงแม้ตอนต่อสู้จะยากลำบาก ทุกข์ทนและขมขื่น ได้รับการทดสอบเป็นตายถึงชีวิตอยู่ตลอด

แต่เช่นเดียวกัน ด้วยการเคี่ยวกรำนี้กลับทำให้ในเวลาเดียวกับที่เขาได้วาสนา ก็ได้รับคุณประโยชน์ใหญ่หลวงไปด้วย!

ต่อมาหลินสวินสยบม้วนภาพสีม่วงม้วนหนึ่ง กวางห้าสีตัวหนึ่งอย่างต่อเนื่อง…

เพลิงมรรคฟ้าประทานทั้งสองดวงนี้ มีนามว่า ‘เรืองม่วง’ และ ‘ห้าเร้น’ ต่างมีคุณสมบัติพิเศษ คุณประโยชน์ล้วนใช้คำว่าน่าเหลือเชื่อมาบรรยายได้

เช่นเดียวกัน ในระหว่างนี้ร่างกายของเขาก็ถูกทำลายยับเยินและฟื้นฟูคืนชีพครั้งแล้วครั้งเล่า เปรียบดั่งเข้าสู่นิพพานครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้ไม่ได้ฝึกปราณแตกฉาน แต่ร่างกายกลับได้รับการชำระล้างและทำให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นทุกครั้ง!

เดิมทีหลินสวินไม่ได้ฝึกกาย มรรคาที่เดินอยู่มีวิชาฝึกจิต วิชาหลอมปราณ ขาดเพียงสายหลอมกาย

แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนหยกงามที่ชะล้างสิ้นสิ่งสำอาง ภายหน้าหากต้องการเสาะหามรรคาหลอมกาย ต้องมีประสิทธิภาพในระดับทำเพียงครึ่งได้ผลทบทวีแน่

กระทั่งว่าเพียงอาศัยความอึดของกายเนื้อ สมบัติธรรมดาก็ยากจะทำให้หลินสวินบาดเจ็บได้แม้แต่ปลายขน!

ที่หลินสวินปวดใจเพียงอย่างเดียวก็คือ จนถึงตอนนี้เขาเสียโอสถราชันไปจะสี่สิบต้นแล้ว และในนี้ไม่ขาดของล้ำค่าหายาก

หากไม่ได้ทรัพย์สินที่เขาปล้นศัตรูมาไม่น้อยในช่วงนี้ เพียงแค่การสิ้นเปลืองช่นนี้ก็ทำให้เขารับไม่ไหวแล้ว!

ปัจจัยสำคัญสี่อย่างในการฝึกปราณคือทรัพย์ สหาย วิชา สถานที่ ทรัพย์สินเป็นอันดับหนึ่ง เห็นได้ถึงความสำคัญของคำว่าทรัพย์ต่อการฝึกปราณ

หลินสวินไม่ร่ำไร กัดฟันครั้งหนึ่งลงมือต่อไป ทอดสายตามองไปยังคัมภีร์หยกขาวเล่มนั้น

โอสถวิญญาณรวบรวมต่อทีหลังได้ แต่โอกาสสยบเพลิงมรรคมีเพียงครั้งเดียว!

ที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงก็คือ คัมภีร์หยกขาวเล่มนี้กลับน่ากลัวถึงที่สุด เหนือล้ำกว่าเพลิงมรรคสี่ดวงที่ถูกสยบลงก่อนหน้านี้

สู้จนท้ายที่สุดร่างกายของเขาก็ถูกเผาจนเกือบพังทลายเป็นชิ้นๆ แม้แต่จิตวิญญาณยังได้รับผลกระทบไปด้วย แทบจะสิ้นชีพ!

แต่สุดท้ายหลินสวินก็ชนะแล้ว!

ในช่วงเวลาตัดสินสุดท้ายเขาใช้วสันต์สารทชั่วพริบตาโจมตี หนึ่งดรรชนีกำหนดจักรวาล กำราบคัมภีร์หยกขาวเล่มนั้นให้สยบลงโดยสิ้นเชิง

จากนั้นถึงได้รู้ว่า เพลิงมรรคฟ้าประทานดวงนี้มีนามว่า ‘ไร้มลทิน’ ถือกำเนิดที่แหล่งกำเนิดไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานแห่งหนึ่ง

สิ่งพิสุทธิ์ คือสวรรค์!

เพลิงมรรคไร้มลทินนี้ เป็นสุดยอดในหมู่เพลิงมรรคฟ้าประทานทั้งห้าที่ถูกสยบอย่างไม่ต้องสงสัย!

หากไม่ใช่ว่าหลินสวินหมายตาเพลิงมรรคเตาหลอมนั้นนานแล้ว จะต้องเก็บเพลิงมรรคไร้มลทินนี้มาใช้เองแน่

……

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท