Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1237 จัดการเขา

ตอนที่ 1237 จัดการเขา

นกหัวขโมยตัวนี้อีกแล้ว!

หลินสวินชะงัก ประหลาดใจอย่างที่สุด ดูเหมือนทุกครั้งที่เจอเจ้าหมอนี่ก็ไม่มีทางมีเรื่องดีอะไร

‘ชู่ว!’

ห่างออกไป นกทมิฬชูกรงเล็บ ในปากทำเสียงชู่วทีหนึ่ง จากนั้นใช้กระทะคลุมหัวตัวเองอย่างอนาถ

ทันใดนั้นเงาร่างของมันพลันหายไป

‘สหายน้อย ที่มาของบุตรนรกคนนี้ไม่ธรรมดา ฐานะแทบจะเทียบเคียงกับกู่ฝอจื่อแห่งอารามกษิติครรภ์ ทว่าบุตรนรกคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่า ปู่ของเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลอย่างมากในทางเดินโบราณฟ้าดารา เป็นคนร้ายกาจประเภทที่สามารถสังหารอริยะได้’

นกทมิฬสื่อจิต พูดด้วยเสียงลึกลับ ‘รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงสามารถหลับใหลอยู่ในแดนมกุฎแห่งนี้ได้ ก็เพราะกาหลอมจิตในมือของเขาอย่างไรเล่า!’

พูดถึงตรงนี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงเสียงกลืนน้ำลายอย่างฉับไว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านกหัวขโมยตัวนี้หมายปองกาหลอมจิตในมือบุตรนรกเข้าแล้ว

‘อือ สหายน้อย เดี๋ยวหากเจ้าช่วยอะไรข้าสักอย่าง เล่นงานบุตรนรกนี่ให้ร่วง ข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งกับเจ้า รับรองว่าจะทำให้เจ้าเบิกบานใจอย่างแน่นอน เป็นอย่างไร’

นกทมิฬยื่นข้อเสนอหนึ่ง

ตอนนี้ในที่นั้นฮือฮาราวกับฟ้าร้อง เงาร่างของหวังเสวียนอวี๋โซซัดโซเซ ถอยหลังกลางอากาศไปหลายก้าว

หันกลับไปดูด้านบุตรนรก อานุภาพราวกับสายรุ้ง ไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว

นี่ทำให้เกิดความโกลาหลในที่นั้น เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างหวั่นไหว

กระบวนท่าที่หนึ่ง หวังเสวียนอวี๋เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด!

หลินสวินหรี่ตาลง ในหัวคิดถึงแต่ละภาพที่บุตรนรกกับหวังเสวียนอวี๋ประลองกันเมื่อครู่นี้ไปพลาง สื่อจิตอย่างง่ายๆ ‘ไม่มีความสนใจ’

นกทมิฬไม่ยอมแพ้สักนิด ยังคงโน้มน้าวต่อ ‘สหายน้อย ในตัวบุตรนรกมีสมบัติไม่น้อย ล้วนเป็นสมบัติที่ปู่เขาหลงเหลือไว้ ทุกชิ้นต่างเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากในโลก เจ้าไม่หวั่นไหวสักนิดเลยหรือ’

ในที่นั้นการต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของหวังเสวียนอวี๋จริงจังขึ้นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด เริ่มโคจรพลังทั้งหมด

ส่วนบุตรนรกเองก็กำลังเผยกระบวนท่าไม้ตายเช่นกัน

ในสายตาของหลินสวิน พลังต่อสู้ของทั้งสองล้วนแข็งแกร่งกว่าอูหลิงเต้าองค์ชายสิบสามเผ่าอีกาทอง!

‘ไม่หวั่นไหว’ หลินสวินพูดอย่างไม่ใส่ใจ

นกทมิฬลนลานขึ้นมาบ้าง ร้องว่า ‘ไม่ช่วยจริงหรือ’

หลินสวินกล่าว ‘ช่วยก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่ง’

นกทมิฬกัดฟันกล่าว ‘รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยว[1]’

หลินสวินพูด ‘เป็นหนี้บุญคุณข้าครั้งหนึ่ง’

นกทมิฬอึ้งงันไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นตอบรับอย่างสุขใจ ‘ตกลง’

หลินสวินพูดเรียบๆ ‘หากเจ้ากล้าบิดพลิ้ว อย่ามาโทษที่ข้าเอาคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์ให้อารามกษิติครรภ์ล่ะ’

นกทมิฬก่นด่าขึ้นมาทันที ท่าทางตื่นตระหนกอย่างมาก

แต่หลินสวินมองข้ามโดยสิ้นเชิง สุดท้ายนกทมิฬยอมประนีประนอมตอบตกลง มันย่อมรู้ดีว่า ‘หนี้บุญคุณ’ ไม่ใช่สิ่งที่ควรติดค้างกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้น!

หลินสวินยิ้มออมาทันที

นกทมิฬความลับเต็มอก โดยเฉพาะเรื่องของอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬ รู้อย่างแจ่มแจ้งราวกับนิ้วบนฝ่ามืออย่างแน่นอน

ในอนาคตหากต้องเป็นศัตรูกับอารามกษิติครรภ์จริงๆ จำเป็นต้องมัดนกทมิฬนี่ขึ้นรถศึกของตน!

ตูม!

กระบวนท่าที่สองได้แยกออกจากกันแล้ว

บุตรนรกถอยหลังหลายก้าว ร่างกายสั่นเล็กน้อย แต่ไม่ได้บาดเจ็บหนัก

แต่ฝั่งตรงข้ามหวังเสวียนอวี๋กำลังกระอักเลือด!

ในที่นั้นเงียบกริบขึ้นมาชั่วขณะ

หวังเสวียนอวี๋ บุคคลขอบเขตมกุฎแห่งยุคปัจจุบันที่เป็นดั่งตำนาน ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ ทอดสายตามองไปในหมู่ทุกคนในที่นั้น ก็เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใคร

แต่ตอนนี้ในระหว่างประลองกับบุตรนรก กลับเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง!

นี่สามารถพิสูจน์ได้เพียงเรื่องเดียว รากฐานพลังและความสามารถของบุตรนรก เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าหวังเสวียนอวี๋!

‘ไม่เสียทีที่เป็น ‘คัมภีร์มรรคนรกสิบทิศ’ ซึ่งสืบทอดมาจากจักรพรรดินรก เมื่อใช้ออกมาก็สามารถสำแดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาสั้นๆ หากต่อสู้กันในระยะยาว หวังเสวียนอวี๋นี่ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุตรนรก… น่าเสียดาย’

นกทมิฬถอนหายใจ

ข้อมูลที่เปิดเผยจากคำพูดทำให้ในใจหลินสวินสะท้าน

ปะทุพลังต่อสู้เป็นเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้น วิชายุทธ์ระดับนี้นับว่ามีความมหัศจรรย์คล้ายคลึงกับ ‘โทสะหยาจื้อ’

“สหายยุทธ์ หากหยุดตอนนี้ข้ายอมให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง”

กลางอากาศ เสียงของบุตรนรกต่ำลึก แฝงความย่ามใจ

“หยุดพูดจาไร้สาระ!”

สีหน้าของหวังเสวียนอวี๋ซีดเซียว หว่างคิ้วกลับแน่วแน่ อานุภาพที่แผ่ออกมาทั่วร่างยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ราวกับกระบี่สมบัติพลิกฟ้า สาดแสงส่องสว่างเก้าสวรรค์

สีหน้าของบุตรนรกเย็นชากว่าเดิม “ลืมบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ที่นี่เป็นสถานที่หลับใหลของข้า พลังกฎระเบียบทั้งหมดที่ปกคลุมอยู่แม้มิได้ควบคุมโดยข้า แต่ข้าสามารถใช้ได้ หากต้องการกำราบเจ้า กระบวนท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว!”

ประโยคเดียวทำให้สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไป

ทุกคนล้วนรู้สึกไม่สงบ ไม่คิดเลยว่าบุตรนรกจะมีไม้ตายเช่นนี้!

แม้แต่หลินสวินยังตกใจ หากเป็นเช่นนี้จริง อย่าว่าแต่หวังเสวียนอวี๋เลย แม้เขาลงมือก็ใช่ว่าจะชนะได้!

ตูม!

และตอนนี้เอง บุตรนรกออกโจมตีแล้ว แม่น้ำเลือดสายหนึ่งพาดขวางกลางอากาศ ราวกับร่วงหล่นลงมาจากเก้าสวรรค์ กำจายกลิ่นอายคลุมเครือและน่าหวาดผวา

เขาดูออกแล้วว่าหวังเสวียนอวี๋ไม่มีทางเป็นคนของเขาได้ ในใจจึงเกิดไอสังหารแรงกล้าแล้ว

“เฉือน!”

หวังเสวียนอวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายของเขาราวกับกระบี่ จิตใจก็ดุจดั่งกระบี่

เพียงแต่ยังไม่รอให้การโจมตีนี้สำแดงออกไป ทั้งตัวเขาก็ถูกกระทะดำใบหนึ่งปกคลุม ในเวลาเดียวกันเงาร่างของนกทมิฬก็ปรากฏขึ้น ร้องว่า “เจ้าหนู ฝากเจ้าด้วย!”

หลินสวินลอบก่นด่าในใจ นกหัวขโมยตัวนี้ลงมือก็ไม่บอกกันล่วงหน้าสักคำ

แต่ตอนนี้ไม่ทันคิดมากแล้ว

ฟุ่บ!

เขาทะยานอากาศขึ้นมา เผชิญหน้ากับบุตรนรก “ข้ามาดวลกับเจ้าสักรอบ!”

บุตรนรกโจมตีพลาดเป้า เดิมทีก็ไม่ทันตั้งตัวอยู่แล้ว ยังไม่ทันเรียกสติได้หลินสวินก็จู่โจมมาแล้ว ใบหน้าหล่อเหลางามสง่าพลันมืดทะมึนลง

“ดื้อด้านยิ่งนัก คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าคนจริงๆ หรือ”

ท่ามกลางเสียงตะโกน เขาสะบัดแขนเสื้อ ฝนโลหิตร่วงหล่นทั่วฟ้า แต่ละสายราวกับรุ้งเทพตัดสลับกัน แปรเปลี่ยนเป็นกรงขนาดใหญ่ตกลงมา

การโจมตีนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาประลองกับหวังเสวียนอวี๋เมื่อครู่นี้ไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งยังมีกลิ่นอายกฎระเบียบฟ้าดินคละคลุ้งอยู่

เพียงแค่ดูจากกรงสีเลือด ก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกไร้ที่พึ่ง หนีไม่พ้น เลี่ยงไม่ได้

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก ในสายตาวาบประกายเด็ดเดี่ยว

วู้ม!

ดาบหักโฉบออกมา ขาวเจิดจ้าราวกับหิมะ เสียงครวญก้องไปทั้งฟ้าดิน

รูปแบบที่ไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน สำแดงโอกาสแห่งการเปลี่ยนแปลงในมหามรรค!

กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!

ดาบหักโฉบพุ่งออกไป

ทุกคนเพียงรู้สึกแสบตา ในจิตใจเกิดความตะลึงที่ไม่สามารถสกัดกั้นได้ ถูกสะเทือนสยบกันถ้วนหน้า

นี่มันกระบวนท่าอย่างไรกัน

เกี่ยวโยงถึงการเปลี่ยนแปลงมหามรรค เนื้อแท้น่ากลัวยิ่ง!

ครืนโครม!

บนฟากฟ้ากรงสีเลือดที่ตกลงมาถูกผ่าครึ่งโดยพลัน ละอองแสงสีเลือดม้วนตัวออกไปในห้วงอากาศสองด้านทันที

ห่างออกไปบุตรนรกขนลุกซู่ สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน จู่ๆ ก็ส่งเสียงคำรามยาวคราหนึ่ง ตรงหน้าปรากฏโล่สีฟ้าเข้มขนาดประมาณพัดชิ้นหนึ่ง

ตูม!

เพียงแต่ทันทีที่โล่ห้าเข้มปรากฏก็ถูกฟันจนระเบิดแหลก ภายใต้การโจมตีของคลื่นกระทบที่น่ากลัว ทำเอาบุตรนรกถูกกระแทกจนปลิวออกไปทั้งตัว

กระดูกหน้าอกของเขาแตกหัก ร่างกายเกร็งกระตุก เลือดไหลออกจากจมูกปาก!

อานุภาพของกระบวนเฉือนเดียว เพียงพอจะทำให้เทพผีแตกตื่น!

ทุกคนหนังหัวชาวาบ อึ้งงันอยู่กับที่อย่างสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้หวังเสวียนอวี๋แข็งแกร่งเพียงใด แต่กลับถูกบุตรนรกโจมตีจนเสียท่าสองกระบวนติด สะบักสะบอมอย่างที่สุด

นี่เพียงพอพิสูจน์แล้วว่า ความแข็งแกร่งของบุตรนรกเหนือกว่าหวังเสวียนอวี๋

แต่ตอนนี้ทันทีที่หลินสวินปรากฏตัว ใช้พลังในการเฉือนเดียวก็กำราบบุตรนรกได้แล้ว!

มีการเปรียบเทียบเช่นนี้ ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าภาพที่อยู่ตรงหน้านี้สร้างความตื่นตะลึงให้ทุกคนแค่ไหน!

มีเพียงหลินสวินที่ขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจังขึ้นมา

การเฉือนนี้เขาโคจรมรดกอักษรยอด โทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์ เสริมด้วยพลานุภาพกฎเกณฑ์แห่งน้ำอันแข็งแกร่งโจมตีออกไปเต็มกำลัง สามารถพูดได้ว่า เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเขาครอบครองในตอนนี้

เดิมคิดจะสังหารบุตรนรกภายในกระบวนท่าเดียว

ใครจะคิดว่าผลลัพธ์กลับเพียงแค่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเท่านั้น จากเรื่องนี้แค่คิดก็รู้ว่าความสามารถของบุตรนรกดูถูกไม่ได้จริงๆ!

“เจ้า… ถึงกับทำร้ายข้าได้?”

ผมสีเลือดของบุตรนรกแผ่สยาย ก้มมองหน้าอกที่ยุบลงราวกับยากจะเชื่อ ใบหน้างามสง่าไร้ที่ติเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นและคล้ำเขียวอย่างที่สุด

เขาเงยศีรษะขึ้นโดยพลัน ดวงตาที่ราวกับเพชรเลือดจ้องหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป ในปากพูดออกมาทีละคำว่า “ข้า! จะ! ฆ่า! เจ้า!”

ตอนที่เสียงดังขึ้น อานุภาพรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับภูผาถล่มทะเลซัดสาด ประหนึ่งสัตว์ปีศาจบรรพกาลที่จำศีลอยู่ในร่างกายตื่นขึ้น ณ ขณะนี้

ตอนที่สิ้นเสียง ความรุนแรงของกลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวเขาทำให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นแม้แต่หายใจยังลำบาก หม่นแสงลงทันใด

แท่นบูชานรกเทพทั้งแท่นสั่นสะเทือนขึ้นมา

สามารถมองเห็นได้ในทันทีว่า กลิ่นอายกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่คลุมเครือมากมายเริ่มก่อตัวกลางอากาศ พลิกตลบสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

บุตรนรกในตอนนี้ราวกับเทพนรกที่ครอบครองฟ้าดินผืนนี้!

“เร็ว จัดการเขา เจ้าหมอนี่จะใช้พลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน!”

นกทมิฬตะโกน พลิกมือสะบัด กระทะดำใบใหญ่ทะยานขึ้นฟ้า ไอขุ่นมัวขมุกขมัวไหลวนออกมา ราวกับม่านมืดดำบดบังพลังกฎระเบียบที่รวมตัวบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โครม!

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินเองก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ ทะยานออกกาศออกไปแล้วกดนิ้วมือหนึ่งออกไป

วสันต์สารทชั่วพริบตา!

“หืม?”

ตอนที่สังเกตเห็นว่ากระทะดำใบนั้นถึงกับขวางกั้นกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน บุตรนรกพลันนัยน์ตาหดรัด แทบไม่กล้าเชื่อสายตา

นี่เป็นสถานที่หลับใหลบำเพ็ญเพียรของเขา แม้เขาไม่สามารถควบคุมกฎเกณฑ์ฟ้าดินได้ แต่สามารถใช้ได้ ทว่าตอนนี้กระทะดำใบหนึ่งกลับขวางกลางอากาศ ปั่นป่วนทุกสิ่ง

แต่ไม่รอเขาตอบสนอง พลังดรรชนีของหลินสวินก็โจมตีผ่านอากาศมาแล้ว

ทันใดนั้นบุตรนรกเพียงรู้สึกเหมือนอยู่ในการเปลี่ยนแปลงแห่งหมื่นสมัย ถูกอานุภาพยิ่งใหญ่ครอบงำกายใจ มีชีวิตอยู่เหมือนมดตัวน้อย

ในใจเขากระตุกอย่างรุนแรงคราหนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ก็ส่งเสียงตะโกนอย่างเดือดดาล เงาร่างพลันเปลี่ยนเป็นแม่น้ำเลือดที่พลุ่งพล่าน เสียงครืนดังขึ้นทีหนึ่งก็แผ่กว้างออกไปปิดคลุมฟ้าดิน หมายจะกลืนกินฟ้าดินผืนนี้

โทสะแห่งแม่น้ำนรก!

ยามนี้ทุกคนต่างถอยหนีด้วยความหวาดกลัว

ไม่ว่าจะเป็นพลังดรรชนีนี้ของหลินสวิน หรืออานุภาพของโทสะแห่งแม่น้ำนรก ล้วนทำเอาจิตใจของพวกเขาสะท้านสะเทือน มือเท้าเย็นเฉียบ ในใจเกิดความหวาดหวั่นรุนแรง

ปึงๆๆ!

เสียงปะทะของคลื่นพลังอันน่ากลัวดังขึ้น ราวกับท้องฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย แม่น้ำเลือดที่พลิกม้วนอย่างเสิบสานถูกโจมตีจนสลายทีละนิด…

สุดท้ายบุตรนรกเผยร่าง เลือดออกเจ็ดทวาร เงาร่างโซซัดโซเซ แทบจะร่วงหล่นจากกลางอากาศ

เขาแค้นจนดวงตายังหลั่งเลือด

เพราะหากการโจมตีนี้สามารถพึ่งพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้ ย่อมไม่มีทางถูกโจมตีจนสลายง่ายดายเช่นนี้!

เห็นว่าหลินสวินพุ่งสังหารมาแล้ว บุตรนรกส่งเสียงคำรามคราหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อออกมา กาสำริดสีเลือดทะยานขึ้นฟ้า ละอองแสงงดงามไหลเวียน คลุมเครือปั่นป่วน

…………………….

[1] ไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยว หมายถึง ลงมือเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจนเท่านั้น และยังมีความหมายแฝงถึงความเจ้าเล่ห์ มากแผนการ รอมีโอกาสแล้วค่อยลงมือ เหมือนนายพรานที่รอเห็นกระต่ายออกมาก่อนค่อยปล่อยเหยี่ยวออกไปล่า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท