Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1246 การปะทะแห่งเจินหลง

ตอนที่ 1246 การปะทะแห่งเจินหลง

ในห้วงนิมิตของจ้าวจิ่งเซวียนมีหมอกเอื่อยสีม่วงเป็นสายๆ รายล้อมอยู่ ราวกับโซ่ศักดิ์สิทธิ์ผนึกดวงวิญญาณของนางเอาไว้

หมอกควันสีม่วงนี้ดูขมุกขมัวอย่างที่สุด ยามที่พลิกม้วนจะปรากฏลายมรรคแน่นหนาออกมา

ไม่ว่าหลินสวินจะพยายามหยั่งรู้เท่าไรก็ไม่อาจไขนัยเร้นลับของหมอกควันสีม่วงนี้ได้!

เขารู้เพียงว่าหากดึงดันแก้ไข ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจทำให้จ้าวจิ่งเซวียนไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย…

‘นายท่าน นี่คือพลังของ ‘ประทับเทพผนึกหกมรรค’ เรียกได้ว่าไร้ทางไขออก แม้แต่อริยะยังทลายไม่ได้ มีเพียงจิตวิญญาณของผู้ร่ายผ่านวัฏจักรของ ‘หกมรรค’ แล้วเท่านั้นจึงจะฟื้นขึ้นมาเอง’

ทันใดนั้นเสี่ยวอิ๋นเอ่ยปาก หยั่งทะลวงนัยเร้นลับของหมอกควันสีม่วงนั้น

เรื่องนี้ทำให้หลินสวินอึ้งงัน จากนั้นสีหน้าพลันซับซ้อนไร้ใดเปรียบ ไขไม่ออกอย่างนั้นหรือ แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่กัน

‘นายท่าน นาง… คือนายหญิงหรือ’

เสี่ยวอิ๋นเอ่ยถาม

หลินสวินตกตะลึงอึ้งค้าง ไม่ได้ตอบกลับ

คำถามข้อนี้ รอเมื่อจ้าวจิ่งเซวียนฟื้นขึ้นมาเขาจะให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ตัวเองและนาง

เขาโอบกอดหญิงสาวในอ้อมอกแนบแน่น จิตใจที่พลุ่งพล่านเดือดคลั่งแต่เดิมของหลินสวินก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อย

ในหัวสมองนึกถึงภาพเหตุการณ์แต่ละอย่างที่ผ่านมาอย่างควบคุมไม่อยู่

……

บริเวณขอบป่าทึบแห่งนี้ เยี่ยนจั่นชิวมาหาอีกครั้ง

เขาสวมชุดสีขาวทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลา ท่วงท่าสง่าผ่าเผย บุคลิกไม่ธรรมดา

ด้านหลังเยี่ยนจั่นชิวยังมีผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตามมาด้วย มีทั้งหญิงชาย ล้วนมีกลิ่นอายแข็งแกร่ง อานุภาพเหนือปกติ

ในนั้นยังมีมกุฎราชันที่อานุภาพน่าตกใจอย่างที่สุดอยู่ด้วยหลายคน!

เพียงแต่เวลานี้หว่างคิ้วของเยี่ยนจั่นชิวกลับเจือแววลังเล

ตอนยังเด็ก เขาก็เริ่มฝึกปราณด้วยกันกับจ้าวจิ่งเซวียนที่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแล้ว รู้สึกนับถือชื่นชมเต็มดวงใจ และคอยติดตามอยู่ข้างกายนางมาโดยตลอด

ตอนนี้หญิงสาวที่ตนชอบกลับเสียเวลาหลายปีเฝ้ารอคนตายคนหนึ่ง จะไม่ให้เยี่ยนจั่นชิวคับอกคับใจ ไม่ชิงชังได้อย่างไร

ที่ทำให้เขารู้สึกหัวเสียมากที่สุดคือ จ้าวจิ่งเซวียนรู้ถึงน้ำใจของเขา แต่กลับไม่หือไม่อือกับเขาเสมอมา ความรู้สึกเช่นนี้ใครจะไปเข้าใจ

ทั้งฐานะ ตำแหน่ง พลังปราณและพรสวรรค์ของเยี่ยนจั่นชิวต่างเรียกได้ว่าชั้นยอดแห่งรุ่น กล่าวอย่างไม่เกินจริง ขอเพียงเขาต้องการ โบกมือคราเดียวก็มีสตรีงดงามเลอโฉมไม่รู้ตั้งเท่าไรโถมใส่อ้อมกอด!

แต่จ้าวจิ่งเซวียน… กลับไม่สนใจ!

‘ช่างเถิด ต่อให้ต้องล่วงเกิดศิษย์น้องจิ่งเซวียน ครั้งนี้ก็ต้องพาตัวนางไปให้ได้ เจ้าหลินสวินนั่นตายไปแล้ว นางจะเสียเวลาล้ำค่าเช่นนี้อีกต่อไปไม่ได้!’

ทันใดนั้นเยี่ยนจั่นชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ลังเลอีกต่อไป เคลื่อนตัวไปยังสถานที่ที่จ้าวจิ่งเซวียนอาศัย

หืม?

ไม่ทันไรนัยน์ตาเยี่ยนจั่นชิวก็วาบประกายยะเยือกออกมาทันควัน

พื้นที่ในรัศมีพันลี้ยังเหลือเศษเสี้ยวของไอสังหารเย็นเยียบที่ยังไม่ทันจางหายสายแล้วสายเล่า สิ่งนี้พาให้หัวใจเขารัดเกร็ง หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

‘หรือมีคนมาหาเรื่องศิษย์น้องจิ่งเซวียน’

ในใจเยี่ยนจั่นชิวผุดไอสังหารขึ้นมาสายหนึ่ง พาคนทั้งกลุ่มเร่งฝีเท้าขึ้นอีก

ไม่นานเขาก็มาถึงสถานที่ที่จ้าวจิ่งเซวียนพำนัก เพียงแต่… ที่ตรงนี้เปลี่ยนสภาพไปอย่างสิ้นเชิง

ทุกแห่งหนพังยับเหลือแต่ซาก กระท่อมมุงจากทรุดทลาย พื้นดินชุ่มเลือดแดงฉาน กลางห้วงอากาศยังคงมีกลิ่นคาวเลือดฟุ้งอยู่

ก่อนหน้านี้ที่นี่ต้องเกิดการต่อสู้รุนแรงอย่างที่สุดขึ้นเป็นแน่!

จากนั้นเพียงมองปราดเดียวเยี่ยนจั่นชิวก็เห็นหลินสวิน ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาหดรัด หัวใจหยุดกึกทันควัน แทบไม่อยากจะเชื่อ

คนตายคนหนึ่ง จะ… จะฟื้นคืนชีพอีกครั้งได้อย่างไร

ต่อให้เป็นความมั่นคงของจิตใจเยี่ยนจั่นชิว เวลานี้ก็เกือบอดร้องเสียงหลงออกมาไม่ได้

แต่เมื่อเห็นเงาร่างแบบบางที่หลินสวินกอดในอ้อมแขน เยี่ยนจั่นชิวก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้แล้ว

“ศิษย์น้องจิ่งเซวียน!”

เสียงเกรี้ยวกราดดังก้อง ดวงตาเยี่ยนจั่นชิวแดงก่ำ

ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่อยู่ข้างหลังเหล่านั้นก็พากันอึ้งงัน มองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ นี่เทพมารหลินถึงกับยังมีชีวิตอยู่หรือ!?

สี่ปีก่อน ข่าวการตายของหลินสวินซัดโหมทั่วแดนเก้าบนเหมือนดั่งพายุคลั่งก็ไม่ปาน นำมาซึ่งคลื่นยักษ์กระหน่ำทั่วหล้า

รวมถึงผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณด้วย ในคราแรกก็พากันไม่อยากเชื่อและรู้สึกสะท้านสะเทือนอย่างถึงที่สุด

ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู ล้วนไม่อาจปฏิเสธว่าหลินสวินเป็นบุคคลเหี้ยมหาญชั้นยอดที่เหมือนดั่งตำนานอัศจรรย์

พอตายไปอย่างนี้ ใครจะไม่สนใจได้เล่า

แต่ว่าหลังจากแน่ใจข่าวการตายของหลินสวินแล้ว ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านี้ต่างมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น ลอบกล่าวว่าสวรรค์มีตา

เหตุผลนั้นง่ายยิ่ง ตอนที่อยู่ดินแดนรกร้างโบราณ เทพมารหลินบุกอาละวาดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ฆ่าศิษย์ร่วมสำนักของพวกเขาไปไม่น้อย!

เมื่อเห็นศัตรูพบเคราะห์ ในใจพวกเขามีหรือจะไม่เบิกบาน

แต่ต่อให้พวกเขาทุบหัวจนแตกก็คิดไม่ถึงว่าสี่ปีให้หลัง คนตายคนหนึ่งที่ผู้คนเกือบลืมไปแล้ว จะถึงกับโผล่ขึ้นมาต่อหน้าตัวเป็นๆ!

เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับเห็นผีตัวเป็นๆ!

หลินสวินตื่นจากภวังค์ความคิด และย่อมจำพวกเยี่ยนจั่นชิวได้ ถึงขั้นที่ยังเห็นคนคุ้นเคยหลายคนอย่างพวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อ เหวินเสียง ซูซิงเฟิงด้วย

ไม่เจอกันหลายปี หลินสวินเพิ่งค้นพบว่าเยี่ยนจั่นชิวถึงขั้นเหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านสามแล้ว ส่วนพวกเซียวหรัน ซูซิงเฟิง ต่างก็กลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชันทั้งหมด

จะว่าไปคนพวกนี้ล้วนเป็นศัตรูของหลินสวิน แต่ยามนี้หลินสวินไม่มีแก่ใจจะสนใจพวกเขา

ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้วพวกเขาก็อยู่ร่วมสำนักกับจ้าวจิ่งเซวียน เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักกัน

และยามนี้จ้าวจิ่งเซวียนจมสู่ภวังค์นิทรา ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ หลินสวินเองก็ไม่อยากล้างแค้นสหายร่วมสำนักพวกนี้ของนางต่อหน้านางเหมือนกัน

“วางศิษย์น้องจิ่งเซวียนลง!”

เยี่ยนจั่นชิวสีหน้าเย็นชา ไอสังหารพวยพุ่ง

คนอื่นๆ ก็ล้วนมีสีหน้าไม่เป็นมิตร

พวกเขาต่างรู้ดี เยี่ยนจั่นชิวชอบจ้าวจิ่งเซวียนมากเพียงใด แต่ยามนี้จ้าวจิ่งเซวียนกลับถูกหลินสวินศัตรูของพวกเขากอดไว้ในอ้อมแขน

เรื่องนี้จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร

หลินสวินขมวดคิ้ว นัยน์ตาดำสนิทลุ่มลึกเยียบเย็น กล่าวว่า “เห็นแก่หน้าจิ่งเซวียน ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้พวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าจากไปเสียเถอะ”

สีหน้าเยี่ยนจั่นชิวคล้ำเขียวไร้ใดเปรียบทันที เดือดดาลจนยิ้มแล้ว “ข้ายังไม่ทันคิดบัญชีกับเจ้า เจ้ายังมีหน้ามาสั่งพวกข้าอีก ช่างบ้าระห่ำจริงเชียว!”

ในน้ำเสียงเจือไอสังหารรุนแรงอยู่ด้วย

“หลินสวิน เจ้ายังมีชีวิตอยู่ทำให้พวกข้าเหนือคาดจริงๆ แต่เจ้าคิดว่านี่ยังเป็นเมื่อสี่ปีก่อนอยู่หรือ”

เซียวหรันเอ่ยปากเย็นชา

“วางศิษย์น้องจิ่งเซวียนลง พวกข้าจะให้โอกาสเจ้าได้รอดชีวิตไถ่บาปสักครั้ง!”

พวกซูซิงเฟิงก็เอ่ยปากตามๆ กัน

ช่วงเวลาสี่ปีเพียงพอจะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าเยี่ยนจั่นชิวหรือพวกซูซิงเฟิง ในช่วงเวลานี้ความแข็งแกร่งล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าสะเทือนดิน

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่มีความเกรงกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินนานแล้ว!

“อย่าสำคัญตัวผิด”

หลินสวินเป็นคนมีความอดทนมาโดยตลอด แต่ยามนี้เพราะจ้าวจิ่งเซวียนผนึกจิตวิญญาณตัวเอง ทำเอาสภาวะจิตของเขาตกอยู่ในสภาวะเสียสมดุลอย่างหนึ่ง

ตอนนี้เหตุที่ยังไม่ลงมือตรงๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่ากำลังฝืนข่มตัวเองเอาไว้เท่านั้น

“หลินสวิน!”

ทันใดนั้นเยี่ยนจั่นชิวตวาดลั่น เงาร่างลอยขึ้นกลางอากาศ

ตูม!

ด้านหลังของเขาห้วงอากาศแตกกระจุยดังสนั่นโดยพลัน แสงมรรคสว่างจ้าไร้สิ้นสุดแผ่ออกมา พาให้ฟ้าดินหม่นสี

เห็นเพียงแต่รูปจำลองอมตะองค์หนึ่งปรากฏออกมา คล้ายกับเทพผู้ค้ำยันโลกหล้า เปล่งแสงแผ่กว้างสว่างไสว

และบนตัวเยี่ยนจั่นชิวกลับปรากฏเงามายาเจินหลงตัวแล้วตัวเล่า ส่องสะท้อนจนอานุภาพของเขาห้อทะยานถึงขีดสุดในพริบตา น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

ตามคำเล่าขาน เผ่ามารดาของเยี่ยนจั่นชิวคือเผ่าเจินหลง แค่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็สามารถยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ!Aileen

เวลานี้เขายืนตระหง่านกลางอากาศ ชี้หลินสวินจากไกลๆ “หากเจ้ากล้าก็วางศิษย์น้องจิ่งเซวียนลง แล้วไสหัวออกมาสู้กับข้า ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจว่าเจ้ามันอ่อนหัดแค่ไหน!”

คำพูดราวกับอสนีบาต กึกก้องทั่วหล้า

เยี่ยนจั่นชิวในยามนี้ประหนึ่งเทพที่ควบคุมมังกร มีกลิ่นอายไร้เทียมทาน

“หลินสวิน ได้ยินหรือไม่ ถ้ากล้าก็วางศิษย์พี่จ้าวลง แล้วไปต่อสู้กับศิษย์พี่เยี่ยนอย่างถูกต้องสมควร!”

พวกเซียวหรันเอ่ยปากเย็นชา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวหลินสวิน แต่หวั่นว่าหลินสวินจะใช้จ้าวจิ่งเซวียนมาขู่พวกเขา!

หลินสวินก็ฟังความหมายแฝงในคำพูดออก นัยน์ตาดำเริ่มเย็นเยียบไร้ใดเปรียบขึ้นมาทันควัน เขาค่อยๆ วางจ้าวจิ่งเซวียนไว้ด้านข้าง จากนั้นจึงหยัดตัวขึ้นเนิบช้า

เพียงแค่การหยัดตัวขึ้นเท่านั้น กลับมีอานุภาพไร้ทัดเทียมแผ่ซ่านออกมาจากตัวหลินสวิน ราวกับเทพมารฟื้นตื่นขึ้นมาในยามนี้!

ในลานบรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นมาทันที

“เห็นแก่ที่พวกเจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของจิ่งเซวียนขนาดนี้ ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าก็ได้ แต่… โทษตายเลี่ยงได้ โทษเป็นยากหลบลี้ วันนี้หากไม่กำราบพวกเจ้าให้คุกเข่ากับพื้น ข้าหลินสวินจะยอมให้พวกเจ้าจัดการได้ตามใจชอบ!”

หลินสวินเอ่ยปากเย็นชา

คำกล่าวนี้เผด็จการเป็นล้นพ้น

แต่สำหรับพวกเยี่ยนจั่นชิว กลับเจือแววหยามหน้าอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นซูซิงเฟิงก็อดไม่ไหว กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “โอหัง! แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังเหยียดหยันผู้อื่น ไม่รู้ดีชั่ว!”

“เจ้าสมควรตายนัก!” เยี่ยนจั่นชิวโกรธอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ออก!”

เขาตะคอกเสียงธรรมออกมาทันที

เงามายาเจินหลงตัวหนึ่งควบรวม ร่างหนาใหญ่ดุจภูผา เกล็ดแวววาว แหงนหน้าร้องคำราม ลวดลายมังกรบนหัวล้วนปรากฏเด่นชัด

“หลินสวิน อย่างเจ้าก็เป็นแค่โจรกระจอกที่ลักลอบเรียนวิชามังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเท่านั้น วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก!”

ในเสียงตะโกนสนั่นหวั่นไหว เจินหลงในห้วงอากาศก็โถมตัวทะยานเข้ามาทางหลินสวิน

หลินสวินช้อนสายตาขึ้น นัยน์ตาลุ่มลึกเยียบเย็น

ภายในร่างของเขา นัยเร้นลับเจินหลงโคจร สัญลักษณ์อักษรเคราะห์แต่ละตัวปรากฏขึ้น สว่างจ้าพร่าตา รายล้อมอยู่รอบตัวหลินสวิน

พร้อมกันนั้นอานุภาพมังกรอันไพศาล เก่าแก่ และน่าเกรงขามก็ระเบิดออกจากร่างหลินสวิน!

โฮก!

เสียงมังกรคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น สัญลักษณ์อักษรเคราะห์กลายร่างเป็นเจินหลง ห้อทะยานขึ้นกลางอากาศ

ในช่วงสี่ปีทำให้หลินสวินเชี่ยวชาญมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรตั้งนานแล้ว บรรลุถึงขั้นแปลงมังกร ตัวคนดุจดั่งเจินหลง ทุกท่วงท่าอิริยาบถล้วนแล้วแต่เคลือบแฝงบุคลิกแห่งเจินหลงทั้งสิ้น!

ตูม!

เจินหลงที่แหวกว่ายห้วงอากาศมาด้วยความเร็ว ถูกเจินหลงที่หลินสวินสำแดงออกมาฉีกทึ้งร่างตรงๆ ละอองแสงระเบิดกระจุย

“อะไรกัน”

พวกเซียวหรันหน้าเปลี่ยนสี ความแข็งแกร่งแห่งพลังของเยี่ยนจั่นชิว ในแดนเก้าบนทุกคนล้วนรับรู้ ไต่เต้าสู่อันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าได้นานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎบนมกุฎมรรคาเลยทีเดียว!

แต่ยามนี้ ทันทีที่ลงมือก็ประสบกับความเสียเปรียบ!

สิ่งที่ทำเอาผู้คนไม่อยากเชื่อมากที่สุดคือ วิชามรรคที่หลินสวินใช้ ถึงกับมาจากเผ่าเจินหลงหลง แต่เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเยี่ยนจั่นชิวอยู่บ้าง

“เจ้า…”

เยี่ยนจั่นชิวเดือดดาล เขารู้ดีอยู่แล้วว่าวิชาที่หลินสวินใช้ก็คือมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถึงกับช่ำชองในมรดกวิชานี้ได้ถึงขั้นนี้

นี่เป็นถึงมรดกวิชาต้องห้ามของเผ่าเจินหลง มีเพียงทายาทที่ในร่างมีสายเลือดเจินหลงเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกฝนและควบคุมได้!

แล้วหลินสวินไปควบคุมมันได้อย่างไรกัน

ตูม!

ไม่รอให้เยี่ยนจั่นชิวตอบสนอง หลินสวินก็สาวเท้าสู่ห้วงอากาศ เบื้องหน้าเขา เจินหลงแหงนหน้าสะบัดหาง แผ่อานุภาพมังกรอันน่าสะพรึงที่พาให้ฟ้าดินยังสั่นสะเทือน

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ดวงตาเยี่ยนจั่นชิวแดงก่ำ พุ่งออกไปเต็มแรง กลิ่นอายของเขาก็ปะทุถึงขั้นสูงสุดในชั่วพริบตาเช่นเดียวกัน

ทอดมองจากไกลๆ ราวกับมังกรพิโรธตัวหนึ่งทะลวงอากาศ หมายจะจับตัวคนแล้วเขมือบกลืน!

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท