ขณะนี้ เกิดความโกลาหลวุ่นวายในตระกูลหวาง
หวางเปียวโกรธจนฉีกใบรับรองคุณสมบัติ “คุณย่า ทางฝ่ายประกวดราคาอนุญาตให้หวางซีไปเท่านั้น และพวกเขายังใช้ปืนเล็งมาที่ศีรษะของผม เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของหวางซีแน่นอน”
หวางเอี๋ยนกัดฟันกล่าวว่า “ตอนที่ฉันไปรับมอบคฤหาสน์ ถูกคนตระกูลจ้าวทำร้ายเช่นกัน พวกเขายอมรับแต่หวางซีเท่านั้น…..”
นายหญิงใหญ่หวางรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่ตอนนี้ทำได้เพียงให้หวางซีออกหน้าเท่านั้น มิเช่นนั้นเมื่อพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป ตระกูลหวางจะก้าวขึ้นไปอีกระดับได้ยาก
นายหญิงใหญ่หวางกระแทกไม้ค้ำยันหัวมังกรบนพื้นอย่างแรง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หวางซีช่างกล้านัก แค่ฉันทำดีด้วยนิดหน่อย ก็กลายเป็นคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้วหรือ? โทรศัพท์ไปหาเธอ แล้วสั่งให้เธอจัดการสองเรื่องนี้ให้เสร็จ”
หวางเปียวโทรศัพท์ไปและกล่าวอย่างรุนแรงว่า “หวางซี คุณพูดอะไรกับพวกเขาใช่ไหม? ถึงทำให้ผมไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาได้! คุณย่าสั่งให้คุณไปที่งานประกวดราคา จากนั้นก็รับมอบคฤหาสน์ที่เขตจวนสวรรค์ ถ้าคุณกล้าขัดคำสั่ง พวกเราจะได้เห็นดีกัน”
“ฉันไม่ได้ทำ ฉัน……..”
หวางซีรู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก ต้องการจะอธิบาย แต่ก่อนที่เธอจะกล่าวจบ เย่เซิ่งเทียนยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์จากมือเธอและวางสายทันที
หลี่หลานที่ยังมีความหวังริบหรี่และกล่าวด้วยความโมโหว่า “คุณทำอะไร? ถ้าไม่ได้โครงการ แล้วแม่จะมอบบริษัทให้ซีเอ๋อร์ได้อย่างไร!”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยความจำใจ “คุณแม่ลองคิดดู เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมงานประกวดราคา และไม่สามารถรับมอบคฤหาสน์ได้ พวกเขาถึงได้โทรมา”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่นอน!!”
หลี่หลานด่าด้วยความโมโห และเริ่มสงสัยว่านายหญิงใหญ่กำลังหลอกพวกเธอสองแม่ลูกอยู่หรือเปล่า
ไม่นาน หวางเปียวเดินทางมาถึง และกล่าวว่า “หวางซี คุณกล้าทำให้ผมไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาได้! คุณย่าสั่งให้คุณไปร่วมการประกวดราคา แล้วก็ไปรับมอบคฤหาสน์ของตระกูลจ้าวมาด้วย”
หลี่หลานกล่าวด้วยความโมโหว่า “หมายความว่าอย่างไร? ซีเอ๋อร์นำใบรับรองคุณสมบัติให้คุณแล้ว แต่คุณไม่สามารถเข้าไปได้เอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับซีเอ๋อร์ล่ะ! พวกคุณเจตนาหลอกซีเอ๋อร์ และตอนนี้การที่คุณรีบมาหาซีเอ๋อร์ เพราะรู้ว่าเธอยังมีประโยชน์ พวกคุณคิดว่าซีเอ๋อร์เป็นตัวอะไร?”
หวางซีต้องการถามเรื่องนี้กับนายหญิงใหญ่หวางให้ชัดเจนว่ากำลังหลอกตนเองอยู่ใช่ไหม? และเธอรู้สึกว่าสิ่งที่เย่เซิ่งเทียนพูดก่อนหน้านี้อาจถูกต้อง
เธอกำหมัดไว้แน่น
เธอทนกับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาพอแล้ว
เวลาไม่ใช้งาน ก็ขับไล่เธอออกไปทันที!
เวลาจะใช้งาน ก็ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“คุณควรจะดีใจที่หวางซียังมีบทบาทเหมือนผ้าขี้ริ้ว มิเช่นนั้นเธอถูกไล่ออกไปจากตระกูลแล้ว”
หวางเปียวเต็มไปด้วยความมั่นใจ แล้วกล่าวอย่างผยองว่า “พวกคุณคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงได้กล้าขัดคำสั่งของคุณย่า? หวางซีรีบไปจัดการเรื่องนี้ทันที มิเช่นนั้น พวกเราจะได้เห็นดีกันแน่นอน!”
“ไสหัวออกไป”
หลี่หลานรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และยกมือตีหวางเปียว
หวางเปียวด่าอย่างอวดดีว่า “คุณมันเป็นผู้หญิงที่มีดวงกินสามี ทำให้สามีต้องตาย ยังกล้าตีผมอีกหรือ?”
หลี่หลานตัวสั่นทันที
นี่คือความอัปยศสูงสุดสำหรับผู้หญิง
ปัง
เย่เซิ่งเทียนยกเท้าเตะไปที่หน้าของหวางเปียวและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การขอร้องคน ต้องขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน ให้คุณย่ามาขอร้องด้วยตัวเอง”
หวางเปียวล้มลงบนพื้น เจ็บปวดจนน้ำตาไหลลงมา
ตอนนี้สันจมูกของเขาหักแล้ว และเขารู้สึกเจ็บปวดมาก
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ไม่กล้าโต้กลับ
วันนี้ตอนอยู่ที่ตระกูลหวาง เย่เซิ่งเทียนได้ทำร้ายเขาไปรอบหนึ่งแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้
“เย่เซิ่งเทียน แม่งฉิบหาย คุณคอยดูน่ะ”
หลังจากหวางเปียวกล่าวด้วยความโมโห แล้วรีบกลับไปเพื่อฟ้องนายหญิงใหญ่หวาง
“จะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?”
หวางซีรู้สึกกังวลเล็กน้อย
หลี่หลานกล่าวด้วยความสะใจว่า “เตะได้ดีมาก อย่าปล่อยให้เขารังแกคุณอีก”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยความอ่อนโยนว่า “ซีเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล คราวนี้ผมไม่เพียงแต่จะขอให้คุณย่าขอโทษ แต่ยังให้พวกเขาคายทุกอย่างที่หุบไปตลอดหลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย”
สุดท้ายหลี่หลานก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อหวางเปียวกลับไปถึงตระกูลหวาง เขาพูดใส่สีตีไข่จนทำให้นายหญิงใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และรีบมาที่ด้วยตนเอง
“คุณแม่ รีบเข้ามาในบ้านเถอะ” หลี่หลานกล่าวอย่างระมัดระวัง
สีหน้าของนายหญิงใหญ่หวางเต็มไปด้วยความรังเกียจ “สกปรกเกินไป ฉันไม่เข้าไปแล้ว”
หลี่หลานรู้สึกอึดอัดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“หวางซี ตอนนี้คุณวางอำนาจบาตรใหญ่จนไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉันแล้วหรือ?”
นายหญิงใหญ่หวางกระแทกไม้ค้ำยันหัวมังกรและสั่งทันทีว่า “ยังต้องการให้ฉันมาขอโทษคุณด้วยตนเองอีก? แค่ฉันทำดีด้วยนิดหน่อย ก็ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วหรือ? และยังกล้าทำร้ายเปียวเอ๋อร์อีก? ใครให้ความกล้าแก่พวกคุณ!”
“คุณย่า ฉันไม่ได้……”
น้ำตาของหวางซีไหลออกมา เธอรู้สึกโศกเศร้าจนพูดไม่ออก
ทุกคนล้วนเป็นทายาทตระกูลหวาง พี่น้องของหวางเปียวนั้นล้วนเป็นคนโปรดของคุณย่า แต่เธอเป็นเพียงเครื่องมือที่พวกเขาสามารถละทิ้งได้ตลอดเวลา
“นี่คือท่าทีขอโทษของคุณหรือ”
เย่เซิ่งเทียนก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ “มาขอร้องคนก็ต้องมีท่าทีการขอร้อง ขอโทษแม่ยายของผมและซีเอ๋อร์ มิฉะนั้นพวกคุณก็ไปจัดการเรื่องนั้นด้วยตนเอง”
นายหญิงใหญ่หวางรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่จำเป็นต้องอดกลั้นไว้
โครงการเมืองใหม่มีความสำคัญต่อตระกูลหวางมาก
นี่เป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ตระกูลหวางก้าวขึ้นไปอีกระดับ
ประกายแสงวาววับอยู่ในดวงตาของเธอ และแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนเองตั้งความหวังไว้
ก่อนหน้านั้นฉันเป็นคนผิดเอง โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันจะพยายามชดเชยสิ่งที่ติดค้างพวกคุณ ซีเอ๋อร์ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นฉันทำให้คุณรู้สึกน้อยใจ แต่ฉันก็ไม่เคยลืมคุณเลย ส่วนแบ่งของคุณนั้นฉันยังเก็บไว้ให้คุณเสมอ
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของนายหญิงใหญ่หวาง ทำให้หลี่หลานและหวางซีตกตะลึง
นายหญิงใหญ่หวางยอมอ่อนข้อจริง ๆ และขอโทษพวกเธอสองแม่ลูก!
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ดวงตาของสองแม่ลูกเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
นายหญิงใหญ่หวางรู้ว่าสองแม่ลูกเป็นคนใจอ่อน เมื่อเห็นท่าทางของพวกเธอ และรู้ว่าพวกเธอเชื่อคำพูดของตนเองแล้ว จึงถือโอกาสตีเหล็กขณะที่ยังร้อน
“หลี่หลาน ซีเอ๋อร์ ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันจะชดเชยให้พวกเธอสองแม่ลูก เพื่อแสดงความจริงใจของฉัน ซีเอ๋อร์กลับไปทำงานที่บริษัทเถอะ และบ้านนี้พวกคุณก็อาศัยอยู่ต่อไป……”
“เอาล่ะ อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำอีก คุณไม่รู้สึกขยะแขยงหรือ?”
เย่เซิ่งเทียนรู้มานานแล้วว่าอีแก่คนนี้เป็นคนอย่างไร จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แสดงความจริงใจออกมาหน่อย คืนหุ้นพ่อตาของผมกลับมา และคืนคฤหาสน์ที่อยู่เขตจวนสวรรค์ให้ซีเอ๋อร์ทั้งหมด มิฉะนั้นไม่ต้องมาเจรจา”
หลี่หลานและหวางซีมองนายหญิงใหญ่หวางอย่างประหม่า
นี่เป็นการขอมากเกินไป
นายหญิงใหญ่หวางไม่รับปากแน่นอน
“ตกลง”
นายหญิงใหญ่หวางรับปาก มองหวางซีด้วยสายตาอ่อนโยนว่า “ฉันแค่โกรธเรื่องของคุณในตอนนั้น แต่ตอนนี้ที่ปมถูกปลดแล้ว ก็ไม่มีอะไรคาใจแล้ว ของที่เป็นของคุณนั้นไม่มีใครสามารถเอามันไปได้หรอก คุณไปงานประกวดราคาทันที หลังจากกลับมาแล้ว ฉันจะลงนามโอนหุ้นคืนให้คุณ”
“คุณแม่ สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงหรือ?” หลี่หลานคิดว่าตนเองฟังผิด
นายหญิงใหญ่หวางกล่าวว่า “เป็นความจริง”
“คุณแม่ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลี่หลานรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่สามีของเธอจะเสียชีวิต เขาได้ถือถือหุ้นของหวางซื่อกรุ๊ปไว้ 25 เปอร์เซ็นต์
จากนี้ไป ครอบครัวของตนเองไม่ต้องลำบากอีกแล้ว
หวางซีไม่เคยกล้าหวังว่าคุณย่าจะมีช่วงเวลาที่ห่วงใยตนเอง
นายหญิงใหญ่หวางกล่าวว่า “ตระกูลหวางได้เตรียมของขวัญไว้สำหรับเจ้าเทพแล้ว พวกคุณนำไปด้วย”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวว่า “พวกเราไปงานประกวดราคา ไม่ใช่ไปมอบของขวัญ คุณกำลังลบหลู่เจ้าเทพหรือ?”
นายหญิงใหญ่หวางหรี่ตาลงเล็กน้อย และมีประกายความเย็นชา “คุณเป็นคนพูดเองน่ะ ถ้าไม่สามารถเอาโครงการกลับมาได้ ฉันจะถามหาความผิดจากพวกคุณ!”
เย่เซิ่งเทียนไม่แยแส
หลี่หลานรีบกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ คุณได้ยินสิ่งที่คุณย่าพูดหรือยัง? คุณรีบไปเถอะ และเอาโครงการมาให้ได้”
เมื่อถึงสถานที่จัดการประกวดราคา
หวางซีกล่าวด้วยกังวลใจว่า “คนอื่นเตรียมของขวัญไว้ มีแต่พวกเราที่ไม่ได้เตรียมมา มันจะดีหรือ?”
“ไม่ต้องกังวล………”
หลังจากเย่เซิ่งเทียนกล่าวจบ ก็ถูกคนผลักออกไป
“ไม่รู้ว่าสุนัขมาจากไหน? ถึงกล้ามาขวางทางผม”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว
คนที่มาคือเฉินเฟิง คุณชายใหญ่ตระกูลเฉิน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย
เฉินเฟิงคุกเข่าในงานแต่งงานของเย่เซิ่งเทียน ซึ่งทำให้เขากลายเป็นตัวตลก ตอนนี้เมื่อเห็นเย่เซิ่งเทียน แล้วเขาจะอดทนไม่แก้แค้นได้อย่างไร