“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!”
นายหญิงใหญ่หวางที่แต่ไหนแต่ไรเอาใจลูกชายคนโตมาโดยตลอด ครั้งนี้ในที่สุดก็โกรธแล้ว
ที่ดินบรรพบุรุษ หลุมศพบรรพบุรุษ นี่คือรากเหง้าของตระกูลหวาง!
ตอนนี้ลูกชายของเธอกลับต้องการขายที่ดินของบรรพบุรุษ แล้วจะให้เธอตกปากรับคำได้อย่างไร
หากขายที่ดินบรรพบุรุษไป เธอตายไปแล้วจะยังมีหน้าไปเผชิญกับบรรพบุรุษของตระกูลหวางได้ยังไง?
“ทำไมถึงไม่ได้?”
หวางหงขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้เป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่ตระกูลหวางจะเติบโตเป็นใหญ่ขึ้นมา เมืองใหม่นี้เป็นดินแดนที่เจ้าเทพกำหนด เมื่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ไม่เพียงแต่คนรวยและผู้มีอำนาจในต้าเซี่ยเท่านั้นที่จะกลับมาสนับสนุน แต่ยังรวมถึงผู้มีอำนาจในประเทศอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาเช่นกัน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หวางหงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “เมืองใหม่ แม้แต่เฉียนถังทั้งหมด ภายใต้อิทธิพลของเจ้าเทพ ก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นมหานครระดับโลกขึ้นมา ช่างเถอะ พูดเรื่องนี้ไปแม่ก็เข้าใจ แม่เอาโฉนดที่ดินบรรพบุรุษออกมา ผมจะต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อทำให้ตระกูลหวางเป็นตระกูลชั้นหนึ่งภายใต้มือของฉัน”
นายหญิงใหญ่หวางกระทุ้งไม้เท้าด้วยความโกรธจัดจนปากสั่นระริก “ที่ดินบรรพบุรุษขายไม่ได้! นี่คือคติประจำตระกูลของตระกูลหวาง!”
“คติประจำตระกูล! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีคติประจำตระกูลอยู่อีก! คติประจำตระกูลสามารถทำเงินได้หรือ? คติประจำตระกูลช่วยให้ตระกูลหวางรุ่งโรจน์ได้หรือ? คติประจำตระกูลสามารถทำให้ตระกูลหวางมีรายได้นับพันล้านได้หรือ?”
หวางหงกล่าวอย่างโกรธเคือง “แม่อย่าได้เลอะเลือนอีกเลย แม่สามารถมีชีวิตที่ดีสุขสบายได้ เป็นเพราะเงินที่ผมหามาอย่างยากลำบาก ไม่ใช่เพราะคติประจำตระกูลหวาง!”
พูดจบ หวางหงก็ดึงกุญแจออกจากเอวของนายหญิงใหญ่หวางและมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของนายหญิงใหญ่
นายหญิงใหญ่รีบคว้าหวางหงเอาไว้และร้องไห้ออกมาเต็มหน้า “หงเอ๋อร์ แม่ขอร้องลูก ที่ดินของบรรพบุรุษขายไม่ได้จริงๆ ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลหวางเราขึ้นอยู่กับฮวงจุ้ยของที่ดินบรรพบุรุษ”
“พอได้แล้ว”
หวางหงผลักนายหญิงใหญ่ไปบนเก้าอี้แล้วตะคอกว่า “ฮวงจุ้ยบ้าบออะไร! ที่ตระกูลหวางมีวันนี้ เป็นเพราะการทำงานอย่างยากลำบากของผม! เป็นผมที่ขอร้องให้ปู่บอกย่าและประจบประแจงเพื่อแลกมา! ไม่ได้เกิดจากที่แม่วันๆเอาแต่กราบไหว้บูชาพวกนั้น! แม่ลองคิดดูให้ดีๆ!”
นายหญิงใหญ่ตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอเสียใจอย่างมากที่ตามใจลูกชายคนโตจนแบบนี้
หากเป็นคนอื่น มีแต่จะกลัวเธอทั้งนั้น
แต่ลูกชายคนโตของเธอนั้นไม่สนใจเธอเลยสักนิด ต่อให้เธอคิดจะถามก็ไร้หนทาง
“หงเอ๋อร์ ที่ดินบรรพบุรุษขายไม่ได้ แม่ขอลูกล่ะ แม่ขอร้องลูก”
นายหญิงใหญ่หวางเดินตามเข้าไป
หวางหงที่ได้โฉนดที่ดินมาแล้วก็พูดอย่างรำคาญว่า “แม่แก่เลอะเลือนไปแล้วจริงๆ หากไม่ใช่เพราะฮวงจุ้ยของที่ดินบรรพบุรุษดี คนเขาจะถูกตาต้องใจหรือไงกัน? หากไม่ใช่เพราะฮวงจุ้ยดี ไหนเลยจะสามารถขายได้ 200 ล้าน? นี่ต่างหากคือประโยชน์ของฮวงจุ้ยที่ดินบรรพบุรุษ!”
หวางหงกล่าวอย่างเย็นชา “แม่กังวลเรื่องอะไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นคนเขาก็ยังอนุญาตให้สุสานบรรพบุรุษของเราอยู่ที่นั่นต่อไป หอบรรพบุรุษก็ไม่ต้องย้ายไปไหน แม่ยังไม่รู้อะไรเลยก็ร้องไห้โวยวายแล้ว”
“ไม่ ไม่เคลื่อนย้าย? ที่ลูกพูดจริงหรือ? หงเอ๋อร์ ลูกอย่าโกหกแม่”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น นายหญิงใหญ่หวางก็หยุดร้องไห้ทันที สิ่งที่เธอกังวลก็คือสุสานบรรพบุรุษและหอบรรพบุรุษ
แต่ตอนนี้หากไม่ได้ย้ายสุสานของบรรพบุรุษและหอบรรพบุรุษไปไหน เธอเองก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากแล้ว
“คำพูดของเกาเจี๋ยจะเป็นเรื่องโกหกงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นถึงเลขาธิการของจ่งตู!”
หวางหงจากไปด้วยคำพูดที่เย็นชา ลูกค้ารายใหญ่คนนั้นยังรอเขาอยู่
อีกด้านหนึ่งของโครงการเมืองใหม่ เงินทั้งหมดของตระกูลหวางล้วนถูกทุ่มเข้าไปหมดแล้ว แถมยังมีการกู้ยืมเงินอีกหนึ่งพันล้านจากธนาคาร ขณะนี้ยังขาดอีกสองร้อยล้าน
โชคดีที่เลขาเกาถูกตาต้องใจในที่ดินบรรพบุรุษของตน อีกทั้งยังยินดีที่จะทุ่มเงิน 200 ล้านเพื่อซื้อมันมา แถมยังจะไม่ย้ายสุสานบรรพบุรุษและหอบรรพบุรุษของเขาไปไหน นี่ถือเป็นโชคหล่นใส่จริงๆ
ขอแค่ขายที่ดินบรรพบุรุษราคา 200 ล้านหยวนไป เงินลงทุนทั้งหมดก็ครบแล้ว
แม้ว่าตระกูลหมิงจะครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในการก่อสร้างเมืองใหม่ แต่ตระกูลหวางก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เจ็ดหรือแปดพันล้านในครั้งนี้
นี่เป็นเพียงการประมาณการขั้นต่ำสุดเท่านั้น
หากสามารถพัฒนาเป็นเมืองของโลกได้จริงๆ อย่างนั้น ก็เป็นไปได้ที่จะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นไปอีกสองหรือสามเท่า
“นี่คืออิทธิพลของเจ้าเทพ หากเขาต้องการสร้างเมือง คนทั้งโลกล้วนต้องสนับสนุน”
หวางหงถอดถอนใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในดอกบานพูนสุข ลูกค้ารายใหญ่ของเขาอยู่ที่นี่
“เลขาเกา โฉนดผมเอามาแล้ว สัญญาก็สามารถเซ็นได้ทันที”
เกาเจี๋ยรับโฉนดที่ดินมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองดูแล้วพูดว่า “คบค้าสมาคมกับประธานหวางช่างราบรื่นจริงๆ เงินถูกโอนเข้าบัญชีของคุณแล้ว”
“เลขาเกาต่างหากที่ใจกว้าง”
หวางหงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สองมือยกแก้วเหล้าขึ้นและพูดว่า “เลขาเกา ผมขอดื่มให้คุณ อนาคตฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเกาเจี๋ยและกล่าวว่า “แน่นอน แน่นอน หลังจากนี้ไปพวกเรายังต้องไปมาหาสู่กันอยู่”
คำว่า “ไปมาหาสู่” ตอนหลังนั้น เกาเจี๋ยเน้นเสียงลงอย่างหนัก
หวางหงกลับเข้าใจความหมายผิดไป และรีบดื่มเหล้าแสดงความนับถือต่อเขาต่อ
เกาเจี๋ยส่งข้อความมาถึงเย่เซิ่งเทียน “คุณเย่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”