“คุณย่า……”
หวางซีไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณย่าของตนเองจะกลับกลอก และหลอกลวงเธอ
หลี่หลานรู้สึกกังวล “คุณแม่ คุณแม่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทหัวหยวนไม่มีกำไร และเป็นหนี้อยู่หนึ่งร้อยล้าน กำลังจะปิดกิจการ ทำไมถึง….. ”
แต่นายหญิงใหญ่หวางไม่ให้โอกาสเธอพูดอะไร กล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “จากนี้ไปครอบครัวของหวางซีไม่ใช่คนตระกูลหวางอีกต่อไป และขับไล่พวกเขาออกจาก แผนผังวงศ์ตระกูล!”
บูม!
คำพูดเหล่านี้ราวกับพายุรุนแรงที่กระแทกหัวใจของหลี่หลานและหวางซี!
หญิงชราหลอกพวกเธอ หวางซีได้สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ ได้โครงการทั้งหมดของเมืองใหม่มา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับรางวัล แต่กลับมีภาระหนี้สินหนึ่งร้อยล้านแทน
“คุณย่า คุณ……”
หวางซีหรี่ตาลง
นี่คือตระกูล!
นี่คือคุณย่าแท้ ๆ ของเธอ!
หวางเปียวหัวเราะและกล่าวด้วยความสะใจว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า หวางซี คุณไม่คุ้มที่จะหลอกใช้อีกต่อไปแล้ว คุณเป็นแค่ผ้าขี้ริ้ว เป็นคนโง่เขลา คุณคิดว่าคุณย่าจะโอนหุ้นของตระกูลให้พวกคุณจริง ๆ หรือ? คุณมันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
หวางเอี๋ยนรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และกล่าวว่า “อารองตายไปแล้ว พวกคุณเป็นแค่คนนอก ยังคิดจะเอาเปรียบตระกูลหวางอีก? ตอนนี้คุณไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเราอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่ขับไล่พวกคุณออกไป จะเก็บเอาไว้บูชาหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ผมบอกแล้วว่าหวางซีไม่สามารถหลบหนีจากน้ำมือของหญิงชราได้หรอก”
“ครอบครัวของพวกคุณนั้นเป็นความอัปยศของตระกูล ยังคิดจะมาแบ่งทรัพย์สินอย่างไร้ยางอาย”
คำพูดที่รุนแรงของคนตระกูลหวาง ทำให้หวางซีเห็นธาตุแท้ของพวกเขา
ที่แท้หลังจากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ถือว่าตนเองเป็นคนของตระกูลหวางอีกต่อไป
พวกเขาแค่หลอกใช้ตนเอง และใช้ตนเองเป็นเครื่องมือ
พู่
คำพูดที่สะเทือนใจอย่างรุนแรง ทำให้หวางซีพ่นเลือดออกมาเต็มปาก
เธอรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
ใครก็ตามที่เคยประสบมา จะรู้ดีว่าเวลาคนเสียใจมาก นั้นเจ็บปวดมากเพียงใด
“ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์”
เย่เซิ่งเทียนรีบโอบกอดหวางซีไว้อย่างรวดเร็ว
“พวกเรากลับ พวกเรากลับ”
หลี่หลานมองคนตระกูลหวางด้วยความเคียดแค้น ตอนนี้ความฝันของเธอแตกสลายไปหมดแล้ว
“ภัยพิบัติจากสวรรค์นั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ภัยพิบัติที่เกิดจากตนเองนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
เย่เซิ่งเทียนโอบกอดหวางซี มองดูนายหญิงใหญ่หวางและคนอื่น ๆ ด้วยสายตาที่เยือกเย็น และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อีแก่ ต่อไปถ้าคุณจะขอร้องซีเอ๋อร์ให้ช่วยทำอะไร พวกคุณทั้งหมดต้องคุกเข่าขอร้อง เมื่อถึงตอนนั้น หวังว่าพวกคุณจะยังหยิ่งยโสเช่นนี้ได้อีก”
“คุณว่าอะไรนะ? อยากตายเหรอ”
หวางเปียวกำลังจะเรียกคนมาทำร้ายเขา
“ปล่อยพวกเขาไป”
นายหญิงใหญ่หวางกล่าวช้า ๆ ว่า “พวกเขาเป็นแค่หมาข้างถนน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเซ็นสัญญาโครงการเมืองใหม่ เปียวเอ๋อร์ คุณรีบไปเซ็นสัญญาเดี๋ยวนี้”
“เอี๋ยนเอี๋ยนรีบติดต่อบริษัทขนย้าย พวกเราจะย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ในเขตจวนสวรรค์”
……
“คุณแม่ เป็นอะไร? เย่เซิ่งเทียนทำให้คุณแม่โมโหใช่ไหม? หนูจะสั่งสอนเขาเอง”
ซือซือกะพริบตาโตของเธอ และโบกกำปั้นอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นลูกสาว ดวงตาของหวางซีเปล่งประกายอีกครั้ง
เพื่อลูกสาวแล้วตนเองต้องเข้มแข็ง
“ตอนนี้พวกเราจะอย่างไรดี หนี้สินตั้งหนึ่งร้อยล้าน แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะสามารถชำระหมดได้?”
ดวงตาของหลี่หลานแดงก่ำ ชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและด่าอย่างรุนแรงว่า “ทั้งหมดนี้มันเป็นความคิดของคุณ คุณเป็นคนทำลายครอบครัวของพวก ไสหัวออกไป!”
ซือซือรู้สึกตกใจ และกระซิบว่า “คุณยาย ห้ามด่าคนค่ะ”
“คุณแม่ ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องดี ต่อไปซีเอ๋อร์จะไม่ถูกตระกูลหวางควบคุมอีก หนี้สินของบริษัทหัวหยวนจะได้รับการชำระเร็ว ๆ นี้
“คุณหมายความว่าอย่างไร?”
หลี่หลานที่กำลังจะด่ารู้สึกตกตะลึง
หวางซีมองไปที่เย่เซิ่งเทียนเช่นกัน
เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างมีความหมายว่า “โครงการเมืองใหม่ ยอมรับซีเอ๋อร์เท่านั้น และไม่มีใครสามารถเอามันไปได้ มีโครงการเมืองใหม่อยู่ในมือ แล้วคุณยังกังวลว่าจะไม่สามารถชำระหนี้สินของบริษัทหัวหยวนได้อีกหรือ?”
หวางซีไม่คิดว่าตนเองจะโง่เขลาขนาดนี้ และยิ้มด้วยความขมขื่นว่า “แต่หวางเปียวไปเซ็นสัญญาแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ นอกจากคุณแล้ว เทพเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ซีเอ๋อร์ ด้วยความสามารถของคุณ บริษัทหัวหยวนนั้นน่าลงทุนมาก เพราะนั่นเป็นทุนเริ่มต้นของคุณพ่อน่ะ”
เมื่อเห็นเย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยความมั่นใจ หลี่หลานจึงกล่าวว่า “ถ้าหวางเปียวเซ็นสัญญาโครงการสำเร็จแล้ว คุณก็พาลูกสาวของคุณไสหัวออกไป ฉันจะไม่ใจอ่อนอีก!”
ซือซือมุ่ยปาก จับชายเสื้อของหลี่หลานเขย่า และกล่าวด้วยน้ำเสียงขี้อ้อนว่า “คุณยาย อย่าไล่ซือซือไปเลย เย่เซิ่งเทียนไม่ได้พูดโกหก หนูเชื่อเขา”
หลี่หลานอบรมสั่งสอนว่า “ใครให้หนูเรียกชื่อ? ถ้าฉันได้ยินหนูเรียกอีกครั้ง คอยดูว่าฉันจะจัดการหนูอย่างไร!”
ซือซือก้มมองนิ้วเท้าของตนเอง มุ่ยปากและไม่พูดอะไรอีก
หวางซีนั่งลงและกล่าวว่า “ซือซือ เมื่อก่อนหนูเรียกพ่อไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่เรียกแล้วล่ะ?”
ซือซือก้มศีรษะลงและประสานมือ
หลี่หลานชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและด่าว่า “นั้นมันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวของคุณก็ไม่ยอมเรียกคุณว่าพ่อแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมากและพูดอะไรไม่ออก
“อย่าไปบังคับเด็ก ปล่อยให้เธอชินกับมันสักพัก”
หลี่หลานใช้มือจิ้มหน้าผากของซือซือ “ถ้าเรียกชื่อเย่เซิ่งเทียนอีกครั้ง ฉันจะให้ลุงตำรวจมาจับหนู”
ซือซือเงยหน้าขึ้น ตาโตเป็นประกาย และกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณยาย คุณกำลังโกหกเด็กสามขวบ หนูอายุสามขวบครึ่งแล้ว ไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ ลุงตำรวจไม่จับเด็กดีหรอก”
หลี่หลานพูดไม่ออกและจิ้มศีรษะเล็ก ๆ ของซือซือด้วยความโมโหอีกครั้ง
เย่เซิ่งเทียนรู้สึกมีความสุขทันที
เจ้าเด็กแสบ
อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลหวางที่เพิ่งได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้กลับมืดมนทันที
“เจ้าบ้านจ้าว ทำไมคุณถึงถอนทุน? ผลตอบแทนจากโครงการที่ตระกูลจ้าวลงทุนกำไรดีมาก และตระกูลหวางได้สละผลประโยชน์ไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์”
นายหญิงใหญ่หวางรู้สึกตกใจมากและรีบถาม
“ฮ่าฮ่า ตระกูลจ้าวลงทุนเพราะหวางซี มิเช่นอย่างนั้นตระกูลหวางของพวกคุณเป็นตัวอะไร คู่ควรที่จะทำให้ตระกูลจ้าวลงทุนด้วยหรือ?”
จ้าวปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาผ่านโทรศัพท์ “หลันจุนฮัว คุณดูสัญญาให้ดี ในมีหมายเหตุระบุไว้ บุคคลที่รับผิดชอบในเรื่องการลงทุนของตระกูลจ้าวคือหวางซี ถ้าหวางซีไม่ได้เป็นพนักงานของหวางซื่อกรุ๊ปแล้ว ตระกูลจ้าวมีสิทธิ์ถอนการลงทุน และขอให้ตระกูลหวางจ่ายค่าชดเชยสามเท่า ถ้าตระกูลหวางไม่ยอมจ่าย ก็ไปพบกันที่ศาล”
“ห๊ะ?”
นายหญิงใหญ่หวางตกตะลึง
เธอรีบเปิดสัญญา และในสัญญาระบุเช่นนั้นจริง
เธอรู้สึกตกตะลึง
ชดใช้สามเท่า!
สามร้อยล้าน!
เรื่องนี้สามารถทำให้ตระกูลหวางล้มละลายได้!
เพิ่งขับไล่หวางซีออกไปเมื่อสักครู่
เรื่องอับอายขายหน้ามาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ!
“เจ้าบ้านจ้าว คุณ……”
จ้าวปิงวางสายก่อนที่นายหญิงใหญ่หวางจะกล่าวจบ
ไม่อยากคุยกับเธอแม้แต่ประโยคเดียว
“ยังดี หากตระกูลหวางประหยัดก็สามารถแบบรับเงินสามร้อยล้านได้ ขอเพียงแค่โครงการของเมืองใหม่สำเร็จ จะได้รับผลตอบแทนหลายพันล้าน”
แม้ว่านายหญิงใหญ่หวางจะโกรธ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
โครงการเมืองใหม่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ตระกูลหวางจะมีมูลค่าทรัพย์สินถึงสองพันล้าน
ขณะนี้ หวางเปียวก็โทรศัพท์มา
หวางเปียวกล่าวด้วยความโมโหว่า “คุณย่า พวกเขาบอกว่าโครงการเมืองใหม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเรา พวกเขาบอกว่าให้หวางซี จึงไม่ให้คนตระกูลหวางเซ็นสัญญา”
ให้หวางซี?
โอ้สวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หวางซีถูกตนเองขับไล่ออกจากไปจากตระกูลแล้ว
ทำไมถึงได้ยอมรับหวางซีเพียงคนเดียว?
ความหวังเดียวของตระกูลหวางพังทลายแล้ว
พู่
นายหญิงใหญ่หวางกระอักเลือดและล้มลงบนพื้น
เธอรู้สึกเสียใจมาก ทำไมตนเองถึงรีบขับไล่หวางซีออกไปจากตระกูล?
ทำไมตนเองถึงได้ไม่อดกลั้นเอาไว้?
เย่เซิ่งเทียน
เป็นเพราะเย่เซิ่งเทียนที่จุดประกายความโกรธให้ตนเอง จึงทำให้ตนเองอดกลั้นไม่ไหว
แต่ตอนนี้ มีเพียงหวางซีเท่านั้นที่จะสามารถช่วยตระกูลหวางได้
หรือว่าจะต้องไปขอร้องหวางซีจริง ๆ?
นายหญิงใหญ่หวางรู้สึกเสียใจมาก
แต่น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มียารักษาความเสียใจ
“รีบไปโรงพยาบาลเร็ว รีบไปโรงพยาบาลเร็ว”
คนตระกูลหวางรู้สึกกังวล
หลังจากหญิงชราตื่นขึ้น หวางหงลูกชายคนโตก็มาถึงพอดี
เขากล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณแม่ คุณแก่จนเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม? ทำไมคุณไม่อดกลั้นสักสองสามวัน? ตอนนี้ตระกูลจ้าวถอนการลงทุนแล้ว ยังให้พวกเราจ่ายค่าชดเชยสามเท่าของจำนวนเงินลงทุน หวางซื่อกรุ๊ปถูกคุณทำลายแล้ว คุณไปถือสาตัวซวยได้อย่างไร!”
นายหญิงใหญ่หวางรู้สึกกลัวลูกชายคนโตเล็กน้อย
เธอไม่คิดว่าแค่ขับไล่หวางซีออกไป แล้วตระกูลหวางจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ขนาดนี้
หวางหงกล่าวด้วยความหงุดหงิด “คุณไปขอโทษหวางซีเดี๋ยวนี้ ขอความเมตตา แล้ววิกฤติของตระกูลหวางจะผ่านไป”
นายหญิงใหญ่หวางมีความทุกข์แต่ยากจะพูดออกมาได้
เธอรักลูกชายคนโต และร่วมมือกับลูกชายคนโตบีบบังคับข่มเหงลูกชายคนรอง และตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมา
เมื่อก่อนตอนที่ลูกคนรองเป็นคนควบคุมดูแลหวางซื่อกรุ๊ป มีทรัพยากรนับไม่ถ้วน เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ทำตัวน่าเกรงขามเท่านั้น
“คุณอย่าโมโหเดี๋ยวมันจะเสียสุขภาพ และเมื่อก่อนคุณก็เป็นคนที่คิดวิธีจัดการเจ้ารองด้วยตนเอง”
“คุณหมายความว่าผมสู้เจ้ารองไม่ได้? อย่าลืมว่าตอนนี้ใครเป็นคนเลี้ยงดูคุณ”
หวางหงกล่าวด้วยความโมโหว่า “คุณไปขอความเมตตากับหวางซีเดี๋ยวนี้ หวางซีเป็นคนใจอ่อน ถ้าคุณไปขอร้องเธอก็จะรับปาก”
นายหญิงใหญ่หวางกล่าวด้วยความระมัดระวังว่า “คุณอย่างโมโห ระวังสุขภาพด้วย ฉันจะโทรไปหาเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
“ถ้าไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ คุณก็ไปอยู่กับครอบครัวของหวางซีเถอะ”
หลังจากหวางหงกล่าวจบ เดินออกไปโดยไม่ถามถึงสุขภาพของหญิงชราเลย
คราวนี้นายหญิงใหญ่หวางเสียหน้าไปจนหมดสิ้นแล้ว
ก่อนหน้านั้นพวกเขาขับไล่ครอบครัวหวางซีออกไปด้วยความหยิ่งผยอง
แต่ตอนนี้ต้องไปขอร้องพวกเธอ ซึ่งเป็นเรื่องเสียหน้ามาก
ลูกชายคนโตที่เธอรักเป็นพิเศษ ให้เธอพาร่างกายที่ป่วยไปขอร้องหวางซี โดยไม่สนใจความเป็นความตายของเธอ สมน้ำหน้าแล้ว
เธอโทรศัพท์ไปหาหวางซี หลังจากพูดไม่กี่ประโยค ก็ถูกอีกฝ่ายวางสาย
โทรอีก แต่อีกฝ่ายปิดโทรศัพท์
ปิดโทรศัพท์แล้ว?
นายหญิงใหญ่หวางตกตะลึง
โทรหาหลี่หลาน เธอปิดโทรศัพท์เช่นกัน!
นายหญิงใหญ่หวางเริ่มรู้สึกกังวล และรีบไปหาด้วยตนเอง