เมื่อได้ยินเย่เซิ่งเทียนโทรศัพท์ ผู้อำนวยการหลิวหัวเราะเยาะทันที
เขาชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและกล่าวว่า “โทรศัพท์เรียกเลขาเวินหรือ? แม่งฉิบหายคุณจะเสแสร้งให้ใครดู เลขาเวินเป็นคนโปรดของเจ้าเทพ คนชั้นต่ำอย่างคุณ คิดว่าตนเองเป็นตัวอะไร ยังจะโทรศัพท์เรียกเลขาเวินอีก?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ผู้อำนวยการหลิวกอดอกด้วยความเย่อหยิ่งและกล่าวว่า “มา มา มา เรียกเลขาเวินมาให้ผมดู ถ้าวันนี้เลขาเวินไม่มา เจ้าหนู ผมจะทำให้คุณใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเตียง”
เย่เซิ่งเทียนไม่ได้พูดอะไร มองผู้อำนวยการหลิวที่ทำตัวเหมือนตัวตลกอย่างเงียบ ๆ
“เซิ่งเทียน พวกเรากลับกันเถอะ”
หวางซีดึงเย่เซิ่งเทียน
เธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นเลขาเวินเคยช่วยเหลือพวกเขามากมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นเพื่อเห็นแก่เจ้าเทพเท่านั้น
ตอนนี้เจ้าเทพได้ตอบแทนบุญคุณของเย่เซิ่งเทียนจนหมดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเขาจะลดตัวมาช่วยอีก
“กลับ?”
ผู้อำนวยการหลิวยืนเท้าสะเอวและกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งว่า “คุณรู้จักเลขาเวินไม่ใช่หรือ? โทรเรียกมาดูสิ ถ้าเลขาเวินไม่มา… ..ฮึ่ม ฮึ่ม ผมไม่เพียงแค่จะทำร้ายคุณ แต่ยังย่ำยีเธอต่อหน้าคุณอีกด้วย…….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีรถหงฉีของสำนักงานจ่งตูแล่นเข้ามา
ผู้อำนวยการหลิวอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถ เขารู้สึกตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
“เลขาเวินมาจริง ๆ?”
หวางซีตกใจจนอ้าปากค้าง
เธอคิดว่าเย่เซิ่งเทียนแค่ข่มขู่ผู้อำนวยการหลิวเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าเลขาเวินจะมาจริง ๆ
เจ้าเทพได้ตอบแทนบุญคุณให้เย่เซิ่งเทียนจนหมดแล้ว แล้วทำไมเลขาเวินยังมาอีก?
หวางซีมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เลขา เลขาเวิน”
สีหน้าของผู้อำนวยการหลิวขาวซีดทันที ขาของเขาอ่อนแรง และมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก
“คุณเย่ คุณหวาง ทำให้พวกคุณลำบากแล้ว ฉันจะจัดการปัญหาเดี๋ยวนี้”
เวินเฉินกล่าวด้วยความนอบน้อม
หลังจากนั้น เธอมองไปที่ผู้อำนวยการหลิวด้วยสายตาที่เย็นชา และกล่าวอย่างเย็นชา “คุณพูดว่าแม้แต่เทพเจ้ามาก็ไม่มีประโยชน์หรือ?”
“เข้าใจ เข้าใจผิดแล้ว……ผม……เลขาเวิน…….”
ขาของผู้อำนวยการหลิวสั่นและกล่าวตะกุกตะกัก ไม่สามารถพูดเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้
ตุ๊บ
ผู้อำนวยการหลิวตกใจจนตัวสั่นเทา และนั่งลงบนพื้น
เลขาเวินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ฉันมาแล้ว มีประโยชน์ไหม?”
มีประโยชน์ไหม?
คำพูดที่ไม่แยแสทำให้ผู้อำนวยการหลิวฉี่แตกทันที เป้าของเขาเปียกและส่งกลิ่นเหม็นออกมา
“ภายใต้การปกครองของเจ้าเทพ คุณกล้าดีอย่างไรถึงได้ยโสโอหังขนาดนี้ ใครเป็นคนให้ความกล้าแก่คุณ?”
ประโยคที่สามของเลขาธิการเวิน ทำให้ผู้อำนวยการหลิวซึ่งตัวสั่นจนตาขาวพลิก
เขาอาศัยว่ามีอำนาจอยู่ในมือจึงวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจอมพลสังหารอย่างเวินเฉิน แค่พลานุภาพของเธอก็ทำให้เขากลัวแทบตายแล้ว
ผู้อำนวยการหลิวคุกเข่าลงบนพื้น ก้มกราบจนหัวโขกบนพื้นเสียงดังลั่น และเพียงครู่เดียวเลือดก็ไหลออกมา “ผมผิดไปแล้ว เลขาเวิน ผมผิดไปแล้ว ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง”
เขาเสียใจเป็นอย่างมาก
ถ้ารู้ว่าเย่เซิ่งเทียนและเลขาเวินมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้ ใครจะพูดอย่างไรตนเองก็ไม่กล้าล่วงเกินเขาหรอก
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าจะเจตนาทำหวางซีลำบากใจ
แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
เวินเฉินใช้เท้าเตะจนเขาหงายหลัง “คุณคุกเข่าผิดคนแล้ว”
เลือดหยดลงมาจากมุมปากของผู้อำนวยการหลิว เขารีบคลานไปหาเย่เซิ่งเทียนและหวางซี ก้มกราบและกล่าวว่า “คุณเย่ คุณหวาง โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ”
“คุณไม่คู่ควรที่จะคุกเข่าให้คุณเย่”
เวินเฉินเตะไปที่หน้าอกของผู้อำนวยการหลิวอีกครั้ง และกล่าวว่า “นำตัวออกไป และสอบสวนอย่างละเอียด”
หลังจากนั้น เวินเฉินกล่าวกับหวางซีว่า “คุณหวางซี คุณต้องการทำเอกสารรับรองอะไร ฉันจะให้คนจัดการแล้วส่งไปที่บริษัทของคุณ”
“ห๊ะ?”
ตอนนี้หวางซีถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง และโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่รบกวนเลขาเวิน ฉันจัดการเองได้ ขอบคุณมาก รบกวนคุณอีกแล้ว”
“คุณหวางซีไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรจะทำ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับไปก่อน”
หลังจากกล่าวจบ เวินเฉินเดินจากไป
หวางซีตบหน้าอกตนเองเบา ๆ และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าเลขาเวินจะมาด้วยตนเอง พวกเรารบกวนเลขาเวินอีกแล้ว พวกเราต้องเชิญเธอไปทานอาหารสักมื้อแล้ว”
หวางซีเอามือกอดอกแล้วมองเย่เซิ่งเทียนด้วยรอยยิ้ม “บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าเลขาเวินจะดูแลคุณเป็นพิเศษ”
เย่เซิ่งเทียนกอดไหล่ของเธอแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคือเจ้าเทพ จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ? มิเช่นนั้นเวินเฉินจะมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“คุณ คุณเป็นเจ้าเทพจริงหรือ?”
สีหน้าของหวางซีเต็มไปด้วยความตกใจ