เกาเจี๋ยกระแอมอย่างทำอะไรไม่ถูก
ให้เจ้าเทพหางานทำ นี่…….
ก็มีคนกล้าให้เขาทำงานด้วย
นอกจากนี้เจ้าเทพมีทรัพย์สินเป็นอันดับหนึ่งของโลก เขายังจำเป็นต้องทำงานด้วยเหรอ?
เวินเฉินกลืนไม่ค่ายกลืมไม่ออก แต่ว่านี่เป็นเรื่องในบ้านของเจ้าเทพ ตัวเองก็ไม่กล้าพูดมาก
“เลขาเวิน ประธานเกา พวกคุณสามารถเล่าเรื่องราวที่เซิ่งเทียนอยู่ในกองทัพได้ไหมคะ? ฉันไม่เคยทำความรู้จักเขาดีๆเลย เขาบังกระสุนให้กับเจ้าเทพ ใช่ไหมคะ……”
หวางซีพูดต่อไปไม่ไหว เบ้าตาแดงก่ำ
เซิ่งเทียนต้องการต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดี ดังนั้นถึงได้เดิมพันด้วยชีวิต
และเขา กลับใช้โอกาสนี้ เพียงเพื่อจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง
“เอ่อ นี่ก็……”
เกาเจี๋ยรีบมองไปทางเวินเฉิน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เจ้าเทพมีครั้งไหนที่ไม่ฝ่าอันตรายบ้าง?
ครั้งไหนที่ปลงสังขารบ้าง?
ครั้งไหนไม่ใช่ปีนออกจากกองคนตายบ้าง?
ในเวลาเพียงสี่ปี จากทหารเล็กๆ กลายเป็นเจ้าเทพสะเทือนโลก ง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนกัน!
สรรพสัตว์ทั้งหลายมองเห็นแต่ความยิ่งใหญ่ของเจ้าเทพ แต่กลับไม่รู้ว่าเจ้าเทพต้องทุ่มเทมากแค่ไหน
ทุกครั้ง ก็มีอันตรายอยู่ตลอดเวลา!
เพียงแต่ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถพูดกับหวางซีได้
อันตรายทั้งหมด ไม่สามารถบอกหวางซีได้
เจ้าเทพเพียงแค่อยากให้คนในครัวของเขา มีชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น และเขาแบกรับทั้งหมดไว้เอง
“ประธานหวาง อุบัติเหตุที่บังกระสุนให้กับเจ้าเทพครั้งนั้น มีอุบัติเหตุระหว่างการฝึก อันที่จริงปกติพวกเราก็ฝึกฝนกันตามปกติ เอ่อ อาจจะอันตรายกว่าการฝึกปกติเล็กน้อย ก็เหมือนกับหน่วยรบพิเศษ”
เกาเจี๋ยพูดทั้งน้ำตา
“พวกนายคุยอะไรกันน่ะ?”
ในเวลานี้ เย่เซิ่งเทียนเดินเข้ามา และนิ่งอึ้ง
บรรยากาศนี้ไม่ชอบมาพากล ทำไมแต่ละคนก็เหมือนกับผ่านการร้องไห้มา?
หวางซียังสูดจมูกด้วย
ทานข้าวมื้อหนึ่ง ยังทำให้คนกลุ่มนี้ทานจนร้องไห้ได้เหรอ?
“เจ้า…….คุณผู้ชาย”
เกาเจี๋ยลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“คุณเย่”
เวินเฉินลุกขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่เคารพ
ปกติหวางซีไม่ค่อยดื่มอะไรมาก แต่คราวนี้เธอดื่มเหล้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเมา ประกอบกับความเศร้าทางอารมณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
เมื่อเห็นเย่เซิ่งเทียนเข้ามา พุ่งไปกอดเย่เซิ่งเทียนไว้อย่างแน่นหนา: “เซิ่งเทียน นายลำบากแล้ว”
“หา?”
เย่เซิ่งเทียนมึนงง มองไปทางเกาเจี๋ยและคนอื่น: “พวกนายดื่มไปมากแค่ไหนเนี่ย?”
เกาเจี๋ยเกาหัว และพูดตะกุกตะกัก: “ก็ไม่นะ ไม่มากเท่าไหร่นะ ก็คือ คือประธานหวางคารวะเหล้าอยู่ตลอด ผม…….”
เวินเฉินพูดว่า: “ประธานหวางนึกถึงเรื่องที่คุณบังกระสุนให้กับเจ้าเทพ รู้สึกทุกข์ใจ”
“ใช่ๆ ก่อนหน้านี้พี่ซีพูดเรื่องนี้กับฉันก็จะร้องไห้”
หลันรั่วรั่วก็พูด
เย่เซิ่งเทียนหายใจเข้าลึกๆ ลูบผมของหวางซี และพูดอย่างอ่อนโยนว่า: “เด็กโง่ ฉันก็ไม่เป็นไรแล้วไง เธอ…….อือ…….”
เย่เซิ่งเทียนนิ่งอึ้ง
หวางซีจูบปากของเขา
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ
หวางซีเป็นคนเริ่มจูบตัวเองต่อหน้าคนอื่นก่อน!
นี่…….
เวินเฉินเกาเจี๋ยและหลันรั่วรั่วทั้งสามคนก็ตกตะลึง!
หวางซีเผด็จการมาก!
เย่เซิ่งเทียนจ้องมองอย่างดุเดือด
เกาเจี๋ยหดลำคอด้วยความตกใจ และรีบเบือนหน้าหนี
เวินเฉินก็เบือนหน้าหนีไปด้วย
แต่หลันรั่วรั่ว เบิกตากว้าง จ้องมองดูโดยไม่ละสายตา
“โร โรแมนติกเกินไปแล้ว ฉันซาบซึ้งใจมากนะ”
“ซาบซึ้งใจบ้าอะไรของเธอ”
เวินเฉินเคาะหัวของเธอหนึ่งที และปิดใบหน้าของเธอ
“เลขาเวิน อย่านะ นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะสมกับเด็ก นี่เป็นวิธีแสดงความรักของประธานหวาง ถ้าฉันมีคนรัก ฉันก็จะทำแบบเดียวกัน”
ขณะที่หลันรั่วรั่วพูด ไม่นึกเลยว่าจะปรบมือขึ้นมา
ช่างเหอะ ช่างเหอะ แล้วแต่เธอเถอะ
เวินเฉินก็หันกลับมาอย่างกล้าหาญ
เย่เซิ่งเทียนค่อนข้างเขิน จูบกับภรรยาของตัวเองต่อหน้าลูกน้อง เขาค่อนข้างเขินอาย และพูดว่า: “ซีเอ๋อร์ พวกเรา……”
หวางซีพูดว่า: “ไม่ต้องพูด จูบฉัน”