หลังจากนี้สามวัน บุตรนรกจะนำผู้แข็งแกร่งแดนนรกมาสังหารหลินสวิน ล้างบางเรือนกระบี่เร้นปุจฉา!
วันนั้นข่าวนี้ม้วนพัดออกไปราวพายุ พริบตาก็ชักนำให้เกิดเสียงฮือฮาและตกตะลึงไม่รู้เท่าไหร่
ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดบุตรนรกก็ตัดสินใจออกโจมตีแล้วรึ
“ไป ไปดูกัน บุตรนรกนี่ครองพลังต่อสู้ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่ แม้จะไม่เคยผ่านการทดสอบ แต่ด้วยพลังของเขาคิดอยากก้าวขึ้นไปอยู่ในสามสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าคงไม่ยาก!”
“ส่วนเขาจะแข็งแกร่งเท่าไรนั้น หลังสู้ศึกนี้กับเทพมารหลินย่อมได้รู้แน่”
ยอดบุคคลบางส่วนต่างนั่งกันไม่ติด ออกเคลื่อนไหวจากต่างสถานที่ รีบมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตเขาจำศีลหัวโล้น
เพียงพริบตา บริเวณใกล้เขาจำศีลหัวโล้น เงาร่างของผู้ฝึกปราณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นมัน?”
มีคนร้องเสียงหลง เห็นพญาเผิงปีกทองตัวหนึ่งพุ่งทะลวงเวิ้งฟ้า เงามืดใต้ปีกครอบคลุมทิวเขาสิ้น แสงทองส่องประกายแผ่อบอวล
ฟุ่บ!
เมื่อพญาเผิงปีกทองล่องสู่พื้นก็กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง มีเพียงดวงตาที่เป็นสีทองบาดตา
“ราชันเผิงปีกทองน้อย!”
คนไม่น้อยสูดหายใจเย็น ราชันเผิงปีกทองน้อยนี่ก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งที่ปรากฏตัวในแดนมกุฎเหมือนบุตรนรก พลังต่อสู้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ
เพียงแต่การกระทำของเขาซ่อนงำเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง
แต่ตอนนี้เขาก็มาเขาจำศีลหัวโล้นด้วย!
ตูม!
หงส์เซียนตัวหนึ่งส่งเสียงกังวาน ยามสยายปีกโฉบกลางนภาห้วงอากาศต่างทรุดตัวลง ส่งเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่า ทันทีที่ปรากฏตัวละอองแสงงามตระการผุดผ่องพร่างพราว กลายเป็นหญิงสาวรูปงามสงบเงียบคนหนึ่ง
ทายาทเผ่าหงส์เซียน ผู้สืบทอดตำหนักปรกอุดมลั่วเจีย!
นี่ก็เป็นผู้กล้าหญิงคนหนึ่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบ
“หึๆ วันนี้ช่างครึกครื้นจริงๆ”
พร้อมๆ เสียงหัวเราะ เงาร่างหนึ่งเหยียบแสงกระบี่รุ้งเขียวทลายนภามาเยือน
นี่คือชายร่างสูงกำยำคนหนึ่ง สวมชุดดำราวหมึกเขียน ผมขาวดุจหิมะทั้งศีรษะ ใบหน้างดงามหนักแน่นราวรูปสลัก
ในที่นั้นพลันเกิดความไม่สงบ รู้ว่าคนที่มาคือผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิดเย่หมัวเฮอ!
เหตุการณ์ต่างๆ ที่คล้ายกันทยอยปรากฏในเวลาต่อมา ทำให้ผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงมองไม่ทันอยู่บ้าง ลานตาไปหมด
ในอดีตที่ผ่านคิดอยากเจอบุคคลที่เจิดจรัสในนี้สักคนยังยาก แต่ตอนนี้กลับทยอยมาไม่ขาดสาย!
เหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ใครจะเคยเจอเล่า
“การต่อสู้นี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ต้องเป็นที่จับตามองของมวลชน ปั่นป่วนไปทั่วแดนเก้าบนแน่!”
ทุกคนต่างมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง เมื่อบุตรนรกนำกองทัพใหญ่มา การต่อสู้ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์ก็จะเปิดฉาก
เพียงแต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ค่อนข้างกังวลแทนหลินสวินอยู่บ้าง
ทุกคนต่างรู้ว่าบุตรนรกก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เพียงพลังปราณก็จัดการหลินสวินได้แล้ว!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะกล้ารับคำท้าหรือไม่
แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้ดี ไม่ว่าหลินสวินจะกล้าสู้หรือไม่ บุตรนรกมาคราวนี้ต้องลงมืออย่างเหี้ยมโหดแน่
“ช่วงนี้แดนเก้าบนอยู่ในสภาวะค่อนข้างสงบ ใครจะคิดว่าด้วยการมีชีวิตรอดกลับมาของหลินสวินจะก่อให้เกิดคลื่นลมอีกครั้ง สมเป็นบุคคลระดับเทพมารจริงๆ”
คนมากมายต่างทอดถอนใจ
โลกภายนอกสถานการณ์ปรวนแปร บนเขาจำศีลหัวโล้น ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทุกคนก็หนักอกหนักใจ หน้าตาจริงจัง
บุตรนรกจะนำกองทัพใหญ่มารุกราน จะไม่ให้พวกเขาประหม่าได้อย่างไร
แต่ที่ทำให้จี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหอตื่นตะลึงคือ ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินเล่นทั่วเขาจำศีลหัวโล้น
เขาบ้างเด็ดดอกไม้ใบหญ้าสองสามต้น บ้างสะบัดแขนเสื้อขุดรากต้นไม้ใหญ่มากมายย้ายไปไว้ที่อื่น
บ้างเอื้อมมือคว้าพยับเมฆไปคลุมศิลาภูเขา
บ้างเข้าไปในถ้ำขุดอุโมงค์ดังตึงตัง
เวลาสั้นๆ แค่สองวัน เขาจำศีลหัวโล้นที่เดิมทีงดงามเงียบสงบไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป ทุกหนแห่งระเนระนาดทั่ว
“พี่หลิน พรุ่งนี้กองทัพแดนนรกที่นำโดยบุตรนรกจะมาที่นี่อย่างไม่ผิดจากที่คาด เจ้าคิดว่าพวกเราควรเตรียมการอะไรบ้าง”
โม่เทียนเหอกล่าวว้าวุ่นใจ
นี่เป็นครั้งที่หกที่เขามาหาหลินสวินแล้ว
“บอกแล้วไม่ใช่รึ พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่บนเขาดูละครก็พอ”
ขณะกล่าวหลินสวินหยิบหินไพฑูรย์ขนาดประมาณอ่างล่างหน้าก้อนหนึ่งขึ้นมา ฝังประดับลงไปในซอกหินด้านข้างที่เพิ่งขุดออก
เขาท่าทางผ่อนคลายนั่งเอกเขนก แต่กลับทำให้โม่เทียนเหอยิ้มขื่นทันที “พี่หลิน นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้าควรบอกได้แล้วกระมังว่าเจ้าจะทำอะไรกันแน่”
“ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้”
หลินสวินเผยรอยยิ้มมีเลศนัย
สุดท้ายโม่เทียนเหอพลันถอนใจ หันหลังจากไป
แม้หลินสวินจะบอกให้พวกเขานั่งดูคลื่นลมก็เถอะ แต่… พวกเขาจะอยู่เฉยได้อย่างไรเล่า
ยามนี้ใกล้ๆ เขาจำศีลหัวโล้นมีบุคคลร้ายกาจมารวมตัวไม่รู้เท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นคลื่นใต้น้ำซัดสาด พายุฝนกำลังมา
ไม่ว่าใครเจอภาพเหตุการณ์นี้เกรงว่าคงไม่อาจสงบนิ่งแล้ว
“เขาว่าอย่างไรบ้าง”
ในโถงใหญ่จี้ซิงเหยากล่าวถาม
“ให้พวกเรารอดูละคร ไม่ต้องทำอะไรเลย”
โม่เทียนเหอพลันปวดกบาล
“เช่นนั้นก็ดูละคร”
จี้ซิงเหยากลับเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ ผ่อนคลายไปทั้งตัวแล้วกล่าวเนิบช้า “เจ้าไม่รู้จักหลินสวิน แต่ข้ารู้จักดี ทำไมเจ้าหมอนี่ถูกมองเป็นเทพมาร ประโยคเดียวง่ายๆ ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้!”
“แต่นั่นคือกองทัพแดนนรก ยังมีบุตรนรกมาเองด้วย!”
โม่เทียนเหอหน้านิ่วคิ้วขมวด
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อมั่นในความสามารถของหลินสวิน แต่ความรุนแรงของสถานการณ์ทำให้เขาไม่อาจไม่กังวล
จี้ซิงเหยายิ้มรับ ไม่พูดมากอีก
มีแค่คนที่รู้จักหลินสวินในอดีตจึงจะเข้าใจ เรื่องอันตรายอย่างสถานการณ์ตรงหน้านี้ ในอดีตหลินสวินเคยผ่านมาไม่ใช่น้อย!
แต่ถึงตอนนี้เขาก็ยังอยู่ดีมีสุข
ครั้งนี้หลินสวินจะสร้างปาฏิหาริย์ที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้อีกหรือไม่
จี้ซิงเหยาไม่กล้าแน่ใจเช่นกัน
แต่นางขอเชื่อว่าหลินสวินจะทำได้!
…
ครืน ครืน…
วันที่สาม ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน เสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่าดังขึ้นแต่ไกล กระเทือนจนเมฆลมเปลี่ยนสี พื้นปฐพีสะท้านไหว
ดุจกระแสน้ำหลากที่สร้างจากกองกำลังพันหมื่นม้วนกลืนฟ้าดิน
“มาแล้ว!”
เพียงพริบตาทุกคนที่เดิมทีรออยู่ใกล้เขาจำศีลหัวโล้นต่างถูกทำให้ตกใจ แผ่จิตรับรู้ออกมา
ก็เห็นกลางฟ้าดินที่ห่างออกไปนกปีศาจโฉบนภา สัตว์อสูรห้อตะบึง ผู้ฝึกปราณดั่งกระแสน้ำย่ำแสงเคลื่อนไหว บ้างนั่งบนพาหนะมุ่งตรงมาทางนี้อย่างเอิกเกริก
สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าท้องฟ้าเหนือกองทัพใหญ่นั่นมีไอชั่วร้ายโหมกระพือ แปลงเป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นนานัปการ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนเป็นมืดสลัว
ไอสังหารไร้รูปสายหนึ่งม้วนแผ่ออกมามืดฟ้ามัวดินเช่นกัน
คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสีทันที จิตใจสะท้านไหว
มองจากไกลๆ กองทัพแดนนรกนั่นอย่างน้อยที่สุดคงมีมากกว่าพันคน พวกพลังอ่อนสุดล้วนมีปราณระดับราชัน ภายในนั้นมกุฎราชันยิ่งมีเป็นเบือ!
และมีคนยิ้มหยัน “หลายปีมานี้แดนนรกยึดขุมอำนาจเล็กใหญ่ไปหลายสิบแห่ง สามารถครองกำลังพลเช่นนี้ได้ก็ปกติไม่ใช่รึ น่าเสียดาย กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็เป็นแค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรกลุ่มหนึ่ง หากบุตรนรกถูกสังหาร ขุมอำนาจแดนนรกนี้คงไม้ล้มวานรเตลิดแน่”
ในใจคนไม่น้อยต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง
อำนาจอิทธิพลของแดนนรกแม้จะทำให้ผู้คนหันมามอง แต่กลับไม่มั่นคง เป็นเพียงกลุ่มผู้ฝึกปราณที่รวมตัวจากต่างขุมอำนาจเท่านั้น
ทันทีที่บุตรนรกเกิดเรื่อง ขุมอำนาจที่สวามิภักดิ์ต่อแดนนรกพวกนี้จะต้องพังทลายแน่!
เพียงแต่พูดถึงเรื่องพวกนี้ตอนนี้ยังเร็วเกินไป!
ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ขุมอำนาจแดนนรกตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เหมือนตะวันกลางนภา พลานุภาพดุจสายรุ้งจริงๆ
“คนผู้นี้พรสวรรค์โดดเด่นจริงๆ มีวาสนาใหญ่ติดตัวแต่กำเนิด!”…ไอรีนโนเวล
ขณะเดียวกันยอดบุคคลบางส่วนก็เหลือบสายตามองไปยังคนผู้หนึ่งที่นำกองทัพแดนนรกมา
นั่นคือบุตรนรก เงาร่างสูงผึ่งผายยิ่ง สวมชุดดำแขนกว้าง ใบหน้าเคร่งขรึมหยิ่งทะนง นัยน์ตาล้ำลึกดั่งขุมนรก ทั่วร่างอบอวลประกายแสงเยียบเย็นเร้นลับหลากสาย
แม้จะตัวคนเดียวแต่กลับมีอานุภาพสะเทือนฟ้าดิน ไอผงาดผยองสยบทั่วทิศ เพียงพริบตาก็กลายเป็นศูนย์รวมสายตาของเหล่าผู้กล้าทันที
และด้านหลังเขายังมีกองทัพใหญ่ติดตาม พลานุภาพทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ขับเน้นจนอานุภาพเขาไม่ธรรมดายิ่งกว่าเดิม
ใกล้เขาจำศีลหัวโล้น ฝูงชนหลีกทางกว้างด้วยตัวเอง ไม่กล้าขวางทางแม้แต่น้อย
ในที่สุดกองทัพแดนนรกขบวนนี้ก็หยุดอยู่หน้าเขาจำศีลหัวโล้น
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นหาใดเปรียบ ท้องฟ้าที่เดิมปลอดโปร่งเวลานี้เปลี่ยนเป็นมืดสลัว ถูกไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำปกคลุม
หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับต่ำกว่าราชันคงไม่กล้ายืนอยู่ที่นี่แน่ แค่อานุภาพกดดันชวนประหวั่นนั่นก็พอจะบดขยี้พวกเขาให้ละเอียดแล้ว!
“วันนี้แดนนรกของข้าจะสังหารหลินสวินที่นี่ ล้างบางเขาจำศีลหัวโล้น ผู้ไม่เกี่ยวข้องทางที่ดีอยู่ห่างไปหน่อยจะดีกว่า!”
ในความเงียบสงัด เสียงของบุตรนรกทุ้มต่ำดังกระหึ่มราวฟ้าคำราม
ผู้ฝึกปราณมากมายในใจเครียดขมึง ถอยห่างออกไปอีกหน่อยตามจิตใต้สำนึก
แต่บุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อย เย่หมัวเฮอ ต่างมีความสามารถของตัวเอง ไม่มีทางถูกคำพูดเช่นนี้ทำให้หวั่นหวาดจนถอยร่น
“ข้ารู้ว่าทุกท่านมาดูเรื่องสนุก แต่ขอพูดเผื่อไว้ก่อน ในการฆ่าฟันที่จะเกิดขึ้น ใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่งจะถือว่าเป็นศัตรูกับแดนนรกของข้า สังหารไม่ละเว้น!”
นัยน์ตาบุตรนรกกวาดมองทั่วลาน สีหน้าอำมหิต
แน่นอนว่าเขาก็สังเกตเห็น ว่าในที่นั้นไม่ขาดแคลนบุคคลร้ายกาจชั้นยอดบางส่วน ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวเตือนไว้ก่อน
“รีบสู้เถอะ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา”
ทันใดนั้นเสียงหงุดหงิดหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนพลันตกตะลึงเงยหน้าขึ้นมอง ไม่นานก็พลันกระจ่าง คนที่เอ่ยปากคือราชันเผิงปีกทองน้อย
บุตรนรกเหลือบมองราชันเผิงปีกทองน้อยวูบหนึ่ง ไม่พูดอะไรมากอีก
จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้า สองมือไพล่หลัง นัยน์ตาพลันมองไปยังเขาจำศีลหัวโล้นที่ห่างออกไป ปากตวาดลั่น…
“หลินสวิน ไสหัวออกมารับความตายซะ!”
เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้า ปั่นป่วนไปทั่วจตุทิศ
กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงกึกก้องทันที ไอสังหารเย็นยะเยียบเสมือนคงอยู่จริง ทำให้ห้วงอากาศทรุดตัวลง ก้อนหินต้นไม้ใกล้เคียงถูกป่นละเอียดชั่วพริบตา!
เหล่าผู้กล้าหันมองไปยังเขาจำศีลหัวโล้นโดยพร้อมเพรียง
“ฟังคำข้า พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรห้ามก้าวออกจากประตูเขาเด็ดขาด”
บนเขาจำศีลหัวโล้น หลินสวินกำชับหนักแน่น
จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอและผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทุกคนต่างเผยสีหน้ากังวล ครั้งนี้ขุมอำนาจแดนนรกราวกับยกขบวนมาทั้งรัง สถานการณ์อันตรายกว่าที่พวกเขาคาดคะเน!
นี่ทำให้จี้ซิงเหยาเริ่มไม่สงบแล้ว
แต่สุดท้ายด้วยท่าทางเด็ดขาดมั่นคงนั้นของหลินสวิน พวกเขาจึงตกปากรับคำอย่างพร้อมเพรียง
“วางใจเถอะ ต่อให้อานุภาพของแดนนรกนั่นยิ่งใหญ่แค่ไหนก็เป็นแค่ตัวตลกมารชรากลุ่มหนึ่ง สะกิดนิดเดียวก็ล้ม”
หลินสวินยิ้มเยาะ หันหลังก้าวขึ้นไปบนอากาศ
พร้อมกันนี้เสียงเยียบเย็นหาใดเปรียบนั่นของบุตรนรกดังขึ้นกลางฟ้าดิน ราวอสนีบาตทะลวงหู
เทียบกับคำพูดหลินสวินเมื่อครู่แล้ว พวกจี้ซิงเหยาต่างจิตใจปั่นป่วนทันที อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
…………………