Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1257 ศึกแห่งยุค

ตอนที่ 1257 ศึกแห่งยุค

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้อง หน้าประตูเขาจำศีลหัวโล้นหลินสวินเดินออกมาตัวคนเดียว

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เพิ่งมาถึงในช่วงสามวันนี้ต่างลุกฮือทันที เป็นเทพมารหลินดังคาด นี่เขาคิดจะรับศึกคนเดียวรึ

‘เทพมารหลิน…’

เย่หมัวเฮอพึมพำในใจ ดวงตาดุจสายฟ้าแลบจับจ้องร่างหลินสวิน

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหลินสวินเช่นกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลินสวินกับตาตนเอง

เขาพินิจพิเคราะห์เล็กน้อยก่อนลอบพยักหน้า บนตัวอีกฝ่ายมีลักษณะพลังอย่างหนึ่งที่ต้องผ่านการฆ่าฟันมานานจึงจะเคี่ยวกรำออกมาได้ ทำให้เขาราวกับเห็น ‘ผู้ร่วมวิถี’

‘ไม่เจอกันหลายปีทีเดียว…’

ลั่วเจียเหม่อลอย

นางเคยข้องเกี่ยวกับหลินสวินหลายครั้ง ความสัมพันธ์ก็ไม่เลว

ตอนมาที่นี่ครานี้ในใจยังแอบตัดสินใจว่าหากหลินสวินเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น นางจะล่วงเกินบุตรนรกโดยไม่สนใจอะไรเลย

ราชันเผิงปีกทองน้อยกลับยิ้มเยาะออกมาคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง ส่ายศีรษะกล่าว “ข้าก็คิดว่าเป็นคนร้ายกาจเหนือมนุษย์คนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีแม้แต่คมประกาย”

ในการรับรู้ของเขาอันที่จริงกลิ่นอายหลินสวินไม่ธรรมดายิ่ง แต่เทียบกับจินตนาการของเขาแล้วกลับด้อยกว่าอยู่บ้าง จึงเกิดข้อเปรียบเทียบอย่างอดไม่ได้

นอกจากนี้ในที่นั้นยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

ล้วนกำลังคาดเดาว่า หลินสวินปรากฏตัวคราวนี้ด้วยแน่ใจว่าจะชนะหรือจำยอมกันแน่

“เจ้ามารนหาที่ตายคนเดียวรึ”

กลางอากาศ นัยน์ตาของบุตรนรกราวอสนี น้ำเสียงเจือความเยียบเย็น

ร่างเขาสูงโปร่ง อบอวลด้วยแสงมรรคเร้นลับเยียบเย็นหลากสายไปทั้งตัว ยืนอยู่ตรงนั้นราวเทพนรกอุบัติบนโลก ลักษณะพลังน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ

“ถูกต้อง ข้าคนเดียว จะมาส่งพวกเจ้าไปตาย”

หลินสวินพยักหน้าสีหน้าราบเรียบ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างามไร้มลทิน ไม่มีท่าทางแห่งความหยิ่งผยอง

นี่เกี่ยวข้องกับมรรคาของเขา ยามเก็บงำกายใจจะมั่นคงดั่งหินผา เงียบสงบดุจทะเลสาบราบเรียบ มีความสันโดษละโลกีย์

แต่ทันทีที่ระเบิดออกจะทลายอากาศราวกระบี่เซียน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

“เหอะๆ ปีนั้นเจ้าร่วมมือกับนกขี้ขโมยนั่นชิงยอดสมบัติของข้าโดยไม่ทันตั้งตัว นี่ทำให้ข้าเคียดแค้นมาถึงทุกวันนี้ วันนี้ควรสะสางให้จบสิ้นได้แล้ว!”

บุตรนรกหัวเราะเบาๆ ในดวงตาเผยความคั่งแค้นและไอสังหารเสียดกระดูก “รอสังหารเจ้าแล้ว เขาจำศีลหัวโล้นนี่ก็จะกลายเป็นแดนไร้ประโยชน์ ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด!”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่”

“ใต้เท้า ขอท่านแสดงฝีมือแห่งอสนีบาตหมื่นสาย สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่โดยเร็ว!”

“เทพมารหลินที่เป็นอดีตไปแล้วจะมีสิทธิ์มาสู้กับท่านได้อย่างไร ใต้เท้า สู้ให้ข้าลงมือสังหารเจ้าหมอนี่ดีกว่า!”

“ใต้เท้า ฆ่ามันเลยขอรับ!”

ผู้แข็งแกร่งแดนนรกตะโกนลั่น กระเหี้ยนกระหือรือ มีความเชื่อมั่นในตัวบุตรนรกอย่างหาใดเปรียบ จากมุมมองพวกเขา บุตรนรกคือคนที่ราวกับบุตรแห่งสวรรค์ การสังหารหลินสวินเป็นแค่เรื่องของเวลา

บนเขาจำศีลหัวโล้น พวกจี้ซิงเหยาจับจ้องอย่างตึงเครียด สีหน้าจริงจัง หน้าตาเปี่ยมความกังวล

หลินสวินจะไหวหรือไม่

ฟุ่บ!

ยามบุตรนรกลืมตาแสงสีเขียวเข้มสองสายแผ่ออกมา กลายเป็นกระบี่เทพสีเขียวคู่หนึ่งทันที ไขว้พาดกลางอากาศส่งเสียงกังวาน พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

ทุกคนต่างตกใจ ขณะนี้ศึกใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นแล้ว!

แค่เหลือบตามองก็เผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นเช่นนี้ออกมา กระบี่เทพไขว้ตัดสลับกัน แฝงพลังสังหารน่าหวาดกลัว น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

“เนตรมรรคแสงทมิฬ!” มีคนตกตะลึง

นี่คือยอดพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิดอย่างหนึ่ง ใครที่ได้ครอบครองล้วนเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาสืบทอดโชควาสนาทั้งสิ้น

คนมากมายต่างรู้ดีว่า ครั้งนี้เทพมารหลินเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่งคนหนึ่งแล้ว!

โฮก!

กลางอากาศราวกับมีเสียงสะท้อนของเจินหลง สั่นสะเทือนจนในใจทุกคนระส่ำ เลือดลมตีกลับ

ก็เห็นใต้ฝ่าเท้าหลินสวินชือน้ำแข็งตัวหนึ่งแปลงเป็นเจินหลง ทะยานสู่ฟากฟ้าอย่างน่าเกรงขาม แผ่แสงมรรคทรงอานุภาพโหมกระหน่ำ กำจัดกระบี่เทพคู่นั้น

แล้วพุ่งตรงไปยังบุตรนรก!

ปึง!

ด้านหน้าบุตรนรกปรากฏแสงมรรคเยียบเย็นเร้นลับหลากสายรวมตัวเป็นหินสมบัติหนึ่ง ด้านบนสลักอักษรโบราณเรียบง่ายขนาดใหญ่ว่า ‘ไตรภพ’ ชั่วพริบตาก็พิฆาตเจินหลงที่โจมตีเข้ามาจนระเบิดเป็นละอองแสง

“ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องออมมือ ฆ่ามันเลยขอรับ!”

ผู้แข็งแกร่งแดนนรกตะโกนขึ้นมาราวกับตนเป็นคนสู้ ด้วยกายใจพวกเขาจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ สีหน้าจึงฮึกเหิมอย่างยิ่ง

ความรู้สึกของทุกคนที่อยู่ใกล้ถูกกระตุ้นตามไปด้วย กลั้นหายใจจดจ่อ จับจ้องอย่างตื่นเต้น

“หายไปสี่ปี เจ้าสามารถก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามได้ ดูท่าแล้วคงได้วาสนามาไม่น้อย เพียงแต่ในสายตาข้าก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”

บุตรนรกโคจรพลังปราณ เงาร่างโฉบขึ้นไปบนอากาศ อานุภาพดั่งเทพนรกออกโจมตี เจือกลิ่นอายเยียบเย็นล้นฟ้า อานุภาพอัศจรรย์ครองพิภพพุ่งดิ่งไปทางหลินสวิน!

เวลานี้ฟ้าดินคืนสู่ความสงบ ทุกคนต่างปิดปาก เสียงอึกทึกในที่นั้นพลันหายไป ล้วนจดจ่ออยู่กับการต่อสู้

บุตรนรกออกโจมตี เผยอานุภาพอัศจรรย์หาใดเปรียบ ท่าทางเช่นนั้นทำให้สรรพสิ่งทั่วหล้าหม่นแสง เพียงพอจะสั่นสะเทือนใต้หล้า!

อีกด้านหนึ่งหลินสวินก็บุกโจมตีเช่นกัน

เดิมกลิ่นอายของเขาว่างเปล่าไร้มลทิน แต่ทันทีที่เคลื่อนไหวก็เหมือนเจินหลงจำศีลที่ออกจากหุบเหวลึกโดยพลัน ทั่วร่างส่งเสียงกัมปนาท ก่อให้เกิดอานุภาพแห่งฟ้าดิน แสงมรรคไร้จำกัด

ตู้ม!

ทั้งสองปะทะกันราวสุริยันจันทราประจัญบาน คล้ายการต่อสู้ของเทพมาร ห้วงอากาศในรัศมีพันจั้งแตกระเบิดทรุดตัวลงสนั่นในชั่วพริบตา

ทั้งที่นั้นเต็มไปด้วยแสงมรรคเจิดจ้า ทุกหนแห่งคือไอสังหารโหมกระหน่ำ พลังทำลายรุนแรงกวาดล้างฟ้าดิน

ผู้แข็งแกร่งมากมายร้องเสียงหลงรีบถอยหลบ ดวงตาพลันแสบแปลบ การปะทะครั้งนี้ช่างสะเทือนใต้หล้า อยู่เหนือความคาดหมาย

แสงมรรคเยียบเย็นนั่นของบุตรนรกราวแดนชำระบาป ฆ่าฟันกลางฟ้าดิน

ส่วนพลังของหลินสวินก็เหมือนเจินหลงออกจากเหวลึก

ทั้งคู่คนหนึ่งราวเทพนรก อีกคนดั่งเทพมาร ต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นกลางอากาศเผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นต่างๆ นานา เสียงธรรมสั่นสะเทือนไม่หยุด

ปึง!

หลังเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ทั้งสองก็แยกออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่คนละฟาก กลิ่นอายเจิดจ้าและแข็งแกร่งดุดันยิ่งกว่าเดิม

ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะรึ

การประลองครั้งแรกทำให้ทุกคนตาลายไปพักหนึ่ง ในใจไหวสะท้าน

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

พร้อมๆ กับเสียงเสียดหู ด้านหลังบุตรนรกปรากฏทวนสำริดเก้าเล่ม ล้วนเก่าแก่เรียบง่าย อาบสีโลหิตแดงสด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเปี่ยมไอมรณะสลัวราง

มองจากไกลๆ ยังทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า

ทวนศึกชุดนี้ต้องมีที่มาสะเทือนใต้หล้าอย่างไม่ต้องสงสัย!

ขณะเดียวกันทั่วร่างหลินสวินก็ปรากฏอักษรเคราะห์ที่ราวหล่อจากทองเทพเก้าตัวเรียงกัน พุ่งขึ้นไปรับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ตูม!

เพียงพริบตา ในห้วงอากาศทวนศึกท่องทั่ว พลังมังกรปั่นป่วนโถมกระหน่ำ แสงมรรคระเบิดออก สามารถมองเห็นว่ามีอสูรนรกถือทวนฟาดฟัน มีสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ที่น่ากลัวอย่างชือน้ำแข็ง ปี้อั้น ป้าเซี่ยปรากฏอยู่รางๆ

มีเสียงเร้นลับราวอสนีบาต เสียงมังกรคำรามสะท้อนก้อง ยังมีลักษณ์ประหลาดอย่างภูเขาศพทะเลเลือด ฝนโลหิตเทกระหน่ำปรากฏอยู่ด้วย

ระหว่างทั้งคู่มีพลังนานัปการกระแทกกระทบ พลังแห่งกฎเกณฑ์ส่งเสียงกัมปนาทราวกระแสน้ำซัดโถม

“แข็งแกร่งยิ่ง!”

“นี่ต่างหากจึงจะเป็นการประชันที่แท้จริงของยอดมกุฎ”

คนมากมายหน้าเปลี่ยนสี จิตวิญญาณต่างกำลังสะท้านไหว แค่มองจากไกลๆ ก็ทำให้พวกเขาขนพองสยองเกล้าราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

หากเข้าไปในนั้นเกรงว่าคงถูกฆ่าในพริบตา!

ส่วนยอดบุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อย เย่หมัวเฮอ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง ตั้งใจดูอย่างจดจ่อเช่นกัน

การต่อสู้เช่นนี้ต่อให้อยู่ในแดนเก้าบนก็เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์และหายาก ยากพบเห็นยิ่งนัก!

บนอากาศ คนหนึ่งอาบไล้ด้วยแสงแห่งขุมทมิฬดุจเทพนรกที่มาจากแดนชำระบาป อีกคนก็หยิ่งผยองดั่งเทพมาร ป่าเถื่อนไม่เกรงกลัวสิ่งใด กลิ่นอายสังหารร้ายกาจ

ทั้งสองห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แค่ชั่วพริบตาก็ประมือกันไปมากกว่าร้อยครั้ง ความยิ่งใหญ่ของสถานการณ์รบดึงดูดสายตาทั่วลาน!

ไม่อาจไม่ยอมรับ บุตรนรกแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนใจสั่น ไม่อาจเทียบกับเมื่อสี่ปีก่อนได้

แต่พลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนหันมามองและไหวหวั่นเช่นกัน

หายไปสี่ปี แต่กลับสามารถใช้ปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสามมาประชันกับบุตรนรก นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก

ผิวหลินสวินทุกกระเบียดนิ้วมีแสงมรรคพวยพุ่ง งดงามแปลกตาอย่างยิ่ง จนถึงตอนท้ายทั้งตัวราวเตาหลอมผลาญพิภพ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ พลังทำลายล้างน่าตกตะลึง

ทั้งสองสู้กันตั้งแต่บนฟ้าถึงพื้นดิน เข่นฆ่าโรมรันอย่างดุเดือด เลือดสดๆ ร่วงรินเป็นระยะ

นี่คือคู่ต่อสู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดที่หลินสวินเจอมาตั้งแต่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสาม เขาเองก็ไม่กล้าชะล่าใจเช่นกัน

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังบาดเจ็บจากการต่อสู้!

โดยเฉพาะทวนศึกเก้าเล่มในมือบุตรนรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดอาวุธศาสตราจิต เฉียบคมหาใดเปรียบ ทุกครั้งที่ฟาดฟันที่แห่งนั้นจะระเบิดกลายเป็นจุณ

เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งอื่นไปรับมือคงได้ถูกสังหารตรงนั้นแน่!

ผู้คนตกตะลึงตาค้างใจเคว้งขึ้นมา ด้วยมองออกว่าหลินสวินบาดเจ็บจากการต่อสู้จนหลั่งเลือด นี่ทำให้คนตื่นตระหนก

เทพมารหลินในอดีตไร้พ่ายทุกสมรภูมิ โจมตีไม่เคยพลาด

ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้แล้วว่าศักยภาพของบุตรนรกน่าพรั่นพรึงเพียงใด สมเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ออกมาจากเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แข็งแกร่งเกินไปแล้ว

แน่นอนว่ามีคนสังเกตเห็น บุตรนรกก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร ร่างกายเขาสะท้านไหวเล็กน้อย สีหน้าดูซีดเผือด!

วู้ม…

หลินสวินยื่นนิ้วออกมาทันใด เสมือนรวมอานุภาพยิ่งใหญ่ของฤดูกาลหมื่นสมัยไว้ด้วยกัน ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย!

วสันต์สารทชั่วพริบตา!

คนไม่น้อยใจกระตุกวูบ

แต่ยอดบุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อยกลับดวงตาเป็นประกายฉายแววอัศจรรย์

พรวด!

ภายใต้ดรรชนีนี้ เปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้คนอื่นคงถูกกำราบไปแล้ว

แต่สุดท้ายบุตรนรกแค่เพียงได้รับบาดเจ็บ ถูกพลังดรรชนีจู่โจมจนร่างซวนเซถอยร่น อดกระอักเลือดออกมาไม่ได้

แต่พร้อมกันนี้กลางหน้าอกหลินสวินก็ปรากฏรอยเลือดสายหนึ่ง ผิวปริเนื้อแตกลึกจนเห็นกระดูก นี่คือบาดแผลที่ถูกทวนศึกวาดผ่าน

ทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บ ทั้งมองไม่ออกว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ

แต่ทุกคนต่างมองเห็นได้ชัดเจน พูดเปรียบเทียบกันแล้วหลินสวินสำแดงพลังได้น่าทึ่งนัก

ด้วยพลังปราณเขาเดิมทีก็ด้อยกว่าบุตรนรกขั้นหนึ่ง แต่กลับทัดเทียมกันในการต่อสู้ นี่น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว

ฮูม…

บนตัวบุตรนรกแสงมรรคเจิดจ้าพวยพุ่ง ทำให้อาการบาดเจ็บทั่วร่างเขาฟื้นคืนสู่สภาพเดิมในพริบตา

เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอ้าปากค้าง วิธีฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเช่นนี้เรียกได้ว่าพลิกฟ้าจริงๆ แล้วนี่จะสังหารได้อย่างไร ใครจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อีก

แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่า บนตัวหลินสวินมีแสงมรรคเร้นลับหมุนวนอยู่ชั้นหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเขาผสานกันด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า!

“นี่…”

ทุกคนต่างสั่นสะท้านพูดไม่ออก ทั้งสองสู้กันจนเลือดตกยางออกกว่าร้อยกระบวน ได้รับบาดเจ็บเต็มไปหมด แต่ตอนนี้กลับฟื้นคืนสภาพใหม่อีกครั้ง

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

“ฮึ! การหยั่งเชิงสิ้นสุดแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะบอกเจ้าเองว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!”

บุตรนรกสีหน้าเยียบเย็น ริมฝีปากเอ่ยคำเร้นลับซับซ้อนราวเสียงลมที่มาจากส่วนลึกของขุมนรก

และลักษณะพลังของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ…

………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท