สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้ว “ประธานอู๋ อาจารย์เย่เป็นใครกันแน่? ”
อู๋เฟิงพูดเบาๆ “เรื่องของอาจารย์เย่ อย่าได้ถามเลย รู้ไหม? ผู้กำกับ ขอพูดในสิ่งที่คุณไม่ชอบฟังนะ คุณเย่ไม่สนใจคุณเหรอ เพราะว่าคุณมันไม่เหมาะ ไม่มีคุณสมบัติ ถ้าเขามาสนใจคุณคุณจะทนไม่ได้แน่ๆ เข้าใจไหม? ”
หลังจากพูดจบ อู๋เฟิงก็เดินเข้าไปในล็อบบี้
คนโง่เง่าพวกนี้ มีเงินหน่อย ตำแหน่งสูงหน่อย ทำเป็นอวดดีคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ
ยังจะมาเทียบกับเจ้าเทพ พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
ประเด็นคือเจ้าเทพจำเป็นต้องมาสนใจพวกคุณ ไม่อย่างงั้น คำพูดเดียวของเจ้าเทพ ก็จะสามารถทำให้พวกคุณล่มจมสลายไปตลอดกาล
อู๋เฟิงส่ายหัว ต่อไปก็อย่าติดต่อไป๋เฉินคนโง่คนนี้อีกเลย เรื่องที่อยากร่วมมือกับเขาก็ช่างมันดีกว่า ไม่งั้นจะซวยตามคนโง่พวกนี้
และความร่วมมือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับซุนผิงจะต้องหยุดลง โปสเตอร์ที่โฆษณาออกไปจะต้องถูกเพิกถอนไปก่อน
คนโง่พวกนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังล่วงเกินใครอยู่
ใบหน้าของไป๋เฉินดูไม่ดี และเขาก็สับสนมาก
เขารู้สึกได้เลยว่า เย่เซิ่งเทียนคนนี้มันไม่ธรรมดา และการที่เป็นอาจารย์ของหมอเทวดาหัวได้ ต้องมีบทบาทสำคัญในทางการแพทย์อย่างแน่นอน
แต่เขาเพิ่งถามไป ไม่มีคนไหนที่ชื่ออาจารย์เย่ในวงการแพทย์เลย และอีกฝ่ายก็หยาบคายมากที่บอกเขาว่าสมองของเขามีปัญหา และอาจารย์ขอหมอเทวดาหัวก็ตายไปหลายปีแล้ว ไป๋เฉินงงมากโดยมองอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเย่เซิ่งเทียนเป็นใคร แต่อู๋เฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว ทำให้เขาตื่นตระหนกมากขึ้นอีก
เขาจ้องไปที่ซุนผิงอย่างบ้าคลั่ง สูบบุหรี่และขมวดคิ้วไปด้วย
ซุนผิงแทบล้มทั้งยืน เธอได้ยินว่า ทุกฝ่ายที่ทำงานกับเธอประกาศว่าจะไม่ร่วมมือกับเธอแล้ว โดยเฉพาะภาพยนตร์บางเรื่อง มีการเปลี่ยนกะทันหัน ภาพยนตร์ที่กำลังจะฉาย ลบฟุตเทจของเธอหรือเปลี่ยนเธอออก
ในวงการบันเทิงนั้น โดยเฉพาะนักแสดงหญิง ส่วนมากก็ได้งานเพราะความสาวและหน้าตา มีช่วงทำเงินก็แค่ไม่กี่ปี เมื่อออกจากหน้ากล้องไป ก็คงหมดโอกาสต่างๆ แล้ว
ซุนผิงตื่นตระหนก แต่เธอไม่กล้าไปหาเย่เซิ่งเทียน ดังนั้นเธอจึงต้องหาวิธีที่จะเข้าหาหวางซี
…
“บอกข่าวดีให้นะ ฉันได้เจรจากับประธานอู๋และประธานจ้าวแล้ว มีแนวคิดใหม่ที่กำลังคิดขึ้นมา เมื่อร่างขึ้นแล้ว มันจะเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่และคงยอดเยี่ยมแน่นอน”
หวางซีหน้าแดง และพูดอย่างตื่นเต้น
“ขอแค่คุณมีความสุข อยากทำอย่างไงก็ทำได้เลย คุณมาได้ตามที่ต้องการ ยังไงก็มาเล่นที่นี่ได้ตลอด”
เย่เซิ่งเทียนยิ้ม ตอนนี้เขาพอใจมาก
เมื่อผู้ชายมีอำนาจและกำลังเงินมากพอ สิ่งที่เขาหวังมากที่สุด ก็คือสิ่งที่ธรรมดามากที่สุด เช่นครอบครัวที่แสนอบอุ่นและชีวิตที่เรียบง่าย
แน่นอนว่าในสายตาของคนทั่วไป เรื่องนี้ก็แค่ที่ปลอมเปลือก
“เล่น? ฉันหาเงินเลี้ยงครอบครัวนะเข้าใจไหม”
หวางซีจ้องเขม็งด้วยความโกรธ ในขณะเดียวกัน พิธีกรบนเวทีก็ยิ้มและทำให้ทุกคนสงบลง และงานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
“คืนนี้ ในเจียงหนานภายใต้ความพยายามของท่านรองตระกูลโจวโจวอู่ เหล่าคนใหญ่คนโตของแต่ละสายอาชีพได้มารวมตัวกัน และให้ทุกคนได้มีโอกาสพูดคุยกัน และแน่นอน หัวข้อหลักในคืนนี้คือการทำกุศล”
เจ้าของงานกำลังคุยกันอยู่ด้านบน คนด้านล่างก็ใจร้อน ทุกคนเขามาที่นี่เพื่อรู้จักคนใหญ่คนโต ใครจะมามีเวลาฟังเขาพูดจาไร้สาระ
รีบๆ พูดไปเถอะ เวลาของพวกเรามีค่า
เจ้าภาพฉลาดอยู่ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะไม่พูดอะไรไร้สาระไปมากกว่านี้ ฉันได้รับจดหมายลึกลับนี่ ซึ่งได้รับจากผู้หญิงคนสวยท่านหนึ่ง เธอขอให้ฉันอ่านจดหมายนี้ เพื่อนึกถึงคนรักของเธอ ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็เริ่มสนใจทันที ใครกัน ทำไมเล่นใหญ่ขนาดนี้ ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยตระกูลโจว เป็นเกียร์ติอะไรขนาดนี้? เจ้าภาพพูดเสียงดังว่า “สตรีคนนี้ชื่อว่าเหย้ซูหลิง”
เย่เซิ่งเทียนมีลางสังหรณ์ไม่ดี
พิธีกรพูดต่อ “จดหมายรักฉบับนี้เขียนถึงคุณเย่เซิ่งเทียน เธอฝากข้อความให้ฉันว่า เย่เซิ่งเทียน คุณมีเวลาก็กลับไปหาลูกชายของเราด้วยนะ”
อะไรนะ!
หวางซีลุกขึ้นทันที ใบหน้าของเธอซีดไปหมด และดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่เย่เซิ่งเทียน!