Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1269 อาจารย์แห่งราชันผี

ตอนที่ 1269 อาจารย์แห่งราชันผี

ห่างออกไป แท่นบูชาที่สูงพันฉื่อตั้งตระหง่านอยู่ เป็นสีเขียวหยกทั้งแท่น สว่างใสและศักดิ์สิทธิ์ราวกับกระจก

นี่ก็คือแท่นบูชาที่จักรพรรดิสงครามในอดีตคนนั้นเหลือเอาไว้ และเป็นจุดสำคัญของเมืองนี้

เพียงแต่ไม่รอให้หลินสวินกับนกทมิฬดีใจไวเกินไป พลันเห็นบนแท่นบูชานั่นมีเงาร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่เงาหนึ่ง

เงาร่างนั้นอยู่ในชุดคลุมสีนิล ผมสีม่วงราวกับคลื่น เครื่องหน้าเด็ดเดี่ยวหนักแน่น บุคลิกโดดเด่นอย่างที่สุด

เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นของเขากลับเต็มไปด้วยไอมรณะแปลกประหลาดชวนขนลุก

ราชันผีเสวียนคง!

ไม่ต้องรอยืนยัน ก็รู้ฐานะของเขาแล้ว

เพราะกลิ่นอายของเขารุนแรงเกินไป ยังห่างกันตั้งไกลก็ให้ความรู้สึกกดดันพุ่งปะทะเข้าหาหลินสวินและนกทมิฬ จนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ

“แย่แล้ว! เจ้าหมอนี่เกรงว่ากำลังจะบรรลุอริยะแล้ว!”

นกทมิฬสั่นไปทั้งตัว ร้องตะโกน “ถอย ถอยเร็ว!”

ในใจหลินสวินก็หนาวสะท้านขึ้นมาระลอกหนึ่ง เขากับนกทมิฬเดาผิดแล้ว ประเมินความน่ากลัวของราชันผีเสวียนคงผู้นี้ต่ำไปมาก!

เผชิญหน้ากับเขา ราวกับมดที่แหงนมองมังกรเทพบนท้องฟ้า จะเอาอะไรไปสู้

“ไป!”

เขากับนกทมิฬหมุมตัวหนีอย่างไม่ลังเล

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตั้งแต่เมื่อวานผู้ฝึกปราณทุกคนที่เข้าสู่เมืองนี้ล้วนไปไม่กลับ

แค่ราชันผีเสวียนคงผู้เดียว ก็เพียงพอจะทำให้หมดหวังแล้ว!

“เมื่อครั้งข้ายังมีชีวิตอยู่ พิชิตสี่ทิศ เคยต่อสู้กับอริยะเก้าดินแดน สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ชนะจนได้ขนานนามว่าเป็นมหาอริยะเสวียนคง!”

เสียงที่เย็นยะเยือกน่ากลัวดังก้องขึ้นมา

ฟ้าดินแถบนี้พลันเงียบเชียบจนน่าแปลก ศพเน่าเปื่อยเหล่านั้นต่างหยุดการกระทำ หมอบคลานกับพื้นคล้ายกำลังศิโรราบ

แต่หลินสวินกับนกทมิฬค้นพบโดยพลันว่า พวกเขาถูกพลังที่น่ากลัวสายหนึ่งกักขัง ร่างกายค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับลูกปลาน้อยที่ถูกแช่อยู่ในชั้นน้ำแข็ง

ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์!

ใบหน้าของทั้งสองต่างย่ำแย่ขึ้นมา หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพิ่งจะตระหนักได้ในตอนนี้ว่าราชันผีเสวียนคงนี่น่ากลัวเพียงใด!

ห่างออกไปบนแท่นบูชาที่ราวกับกระจกหยกเขียว ราชันผีเสวียนคงยืนตระหง่าน เงาร่างสูงใหญ่เหยียดตรง ราวกับทวนที่แทงทะลุท้องฟ้า แผ่กลิ่นน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“แต่ลองถามใจตัวเอง ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ ยิ่งไม่ก่อหายนะในโลก แต่สุดท้ายกลับตายอย่างอยุติธรรมที่นี่ นี่มันน่าชิงชังเพียงใด”

เสียงเสียดกระดูก ฟ้าดินล้วนเงียบสงัด

“ตอนนั้นอริยะแปดดินแดนบุกรุก ข้าก้าวออกไปตั้งแต่แรก ต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนรกร้างโบราณ หลั่งเลือดชโลมไปมากเท่าไร แผ่นหลังแบกรับไว้กี่รอยแผล”

“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นร่างคนไม่ใช่ผีไม่เชิง มีเพียงวิญญาณอาฆาตที่มีชีวิตอยู่ที่นี่ ฟ้าดินไร้เมตตาเช่นนี้ จะไม่ให้ข้าชิงชังได้อย่างไร”

ในเสียงแฝงความคั่งแค้นและชิงชังที่ยากจะอธิบาย พาให้คนใจหนาวเหน็บ

สีหน้าของหลินสวินกับนกทมิฬเปลี่ยนไปไม่แน่วนิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่ายามมหาอริยะเสวียนคงยังมีชีวิตอยู่ ถึงกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าชื่นชม เคยต่อสู้เพื่อต้านทานการรุกรานของแปดดินแดน!

“ช่วงชิงถูกผิดสำเร็จล้มเหลวอะไร ล้วนแต่ว่างเปล่า แต่ข้าอยากตายก็ไม่ได้ อยากเกิดก็ไม่สามารถ ถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันทรมานเพียงใด”

ผมสีม่วงของราชันผีเสวียนคงแผ่สยาย ในดวงตาไอมรณะไหลเวียน แผ่กลิ่นอายที่เหี้ยมโหดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา

เห็นได้ชัดว่า อารมณ์ของเขาไม่มั่นคงมาก!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่ยอมแพ้ ให้นายท่านนกอย่างข้าโปรดสัตว์ให้เจ้าเล่า”

นกทมิฬกัดฟันร้องตะโกนว่า “เช่นนี้เจ้าก็จะหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงแล้วไม่ใช่หรือ”

สีหน้าของราชันผีเสวียนคงเย็นชา แววตาราวกับน้ำวนไอมรณะ จ้องนกทมิฬแล้วกล่าวว่า “โปรดสัตว์หรือ ตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็เหยียบย่างขอบเขตสูงสุดแห่งมหาอริยะแล้ว บนโลกนี้นอกจากบุคคลในระดับอริยะเหมือนกัน คนอื่นๆ ล้วนไม่มีสิทธิ์โปรดสัตว์ให้ข้า!”

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าย่ามใจอย่างมาก

“เจ้ามีทุกข์ของเจ้า แต่เหตุใดต้องระบายความแค้นกับพวกเรา ตอนมีชีวิตอยู่เจ้าเป็นถึงมหาอริยะที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน แต่ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ กลายเป็นอะไรไปแล้ว”

นกทมิฬต่อว่า

ราชันผีเสวียนคงพลันแหงนหน้าหัวเราะลั่นขึ้นมา เสียงหัวเราะกลับเย็นชาและเรียบเฉยอย่างที่สุด “ยามประสบเคราะห์ปีนั้น หลังจากถูกขังอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่ใช่ตัวข้าอีกต่อไป พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้อ้อนวอนอีก สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่เข้ามาในเมืองนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!”

ตอนที่พูดไอสังหารที่เข้มข้นรุนแรงแผ่พุ่งออกจากตัวเขา

หลินสวินกับนกทมิฬใจหดเกร็งทันควัน

“ช้าก่อน!”

เพียงแต่ไม่รอหลินสวินพูดจบ จู่ๆ ราชันผีเสวียนคงก็แปลงเป็นประกายม่วงสายหนึ่ง กรีดวาดผ่านอากาศ เคลื่อนมาทางหลินสวิน

“หนังหน้าเจ้าไม่เลว รอข้าสร้างหนทางอริยะขึ้นใหม่ จะใช้ใบหน้าของเจ้ากวาดล้างโลก!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยมเย็นชา ประกายม่วงนั่นพุ่งเข้าไปในร่างหลินสวินกะทันหัน หมายจะชิงเมล็ดพันธุ์แห่งมรรคและดับจิตวิญญาณของเขา!

และตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินขยับตัวไม่ได้เลย ได้แต่มองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตาปริบๆ

ตูม!

เขาเพียงรู้สึกว่าพลังดุร้ายที่รุนแรงอย่างที่สุดโลดแล่นภายในร่าง ภาพตรงหน้ามืดสลัว เกือบหมดสติไป

‘ช่างเป็นคุณลักษณะจิตวิญญาณที่น่าทึ่ง ถึงกับแปลงหนึ่งเป็นสาม แต่ละส่วนควบคุมวิชาแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต เยี่ยมยอด!’

เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในห้วงนิมิต

เสี่ยวอิ๋นที่คอยปกปักษ์อยู่ในห้วงนิมิตเตรียมพร้อมลงมือนานแล้ว กำลังจะโจมตีสังหารออกไป แต่กลับถูกลำแสงสีม่วงพันรอบตัว ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่โดยพลัน

‘ราชันหนอนกินเทพ! ไม่คิดว่าผ่านไปนานขนาดนี้ถึงกับยังได้เจอหนอนดุร้ายแห่งบรรพกาลระดับนี้’

ราชันผีเสวียนคงจุ๊ปากอย่างประหลาดใจ

ทันใดนั้นเขาพลันส่งเสียงด้วยความตกใจ ‘ช่างเป็นชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งนัก นี่เป็นพรสวรรค์ติดตัวตั้งแต่เกิดหรือ แต่เหตุใดข้าจึงไม่เคยเห็นมาก่อน’

หลินสวินหัวใจเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง ทั้งร่างประหนึ่งตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ตอนนี้เขารู้สึกว่าความลับทั้งหมดในใจตน ล้วนถูกมารเฒ่านี้เข้าถึงหมดแล้ว

ไม่นานหลินสวินเพียงรู้สึกว่า ตรงเมล็ดพันธุ์แห่งมรรคถูกพลังที่เย็นเยียบดุร้ายปกคลุม

‘นี่มันเมล็ดพันธุ์มรรคคุณสมบัติระดับไหน แข็งแกร่งและอัศจรรย์กว่ามกุฎราชันที่ข้าสังหารมาตลอดสองวันนี้เสียอีก!’

เสียงร้องด้วยความตกใจของราชันผีเสวียนคงดังขึ้นอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าตนออกจะเสียอาการไปบ้าง ต้องรู้ว่าก่อนตายเขาเป็นถึงมหาอริยะเชียวนะ โลดแล่นทั่วหล้า ผู้กล้าอัจฉริยะแบบไหนที่จะไม่เคยเห็น

แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ เพราะความลับในตัวคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เหลือเชื่อเกินไปมาก

‘ความยอดเยี่ยมของจิตวิญญาณ พรสวรรค์ เมล็ดพันธุ์มรรค… ล้วนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แม้แต่บุตรเทพแต่กำเนิดบางคนยังสู้เจ้าไม่ได้ มหัศจรรย์เสียจริง’

ราชันผีเสวียนคงตะลึง เดิมทีเขาคิดจะกำจัดหลินสวินในทันที แต่ตอนนี้กลับเหมือนพบขุมทรัพย์อันลึกลับ จึงไม่รีบแล้ว

‘คาดไม่ถึงจริงๆ หากปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ด้วยรากฐานพลังทั้งหมดของเจ้า ในอนาคตหากก้าวสู่ระดับอริยะ ก็เพียงพอให้กวาดล้างคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน สร้างชื่อเสียงบารมียิ่งยง!’

ราชันผีเสวียนคงชมไม่ขาดปาก แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้หลินสวินหวั่นหวาด รู้สึกว่าตนเหมือนเนื้อปลาบนเขียง สามารถถูกมารเฒ่านี่เชือดแล้วกลืนกินได้ตลอดเวลา

‘หืม? นี่…’

และตอนนี้เอง หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าอารมณ์ของราชันผีเสวียนคงราวกับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง มีทีท่าจะเสียการควบคุม

เพราะตอนนี้เขากำลังจับจ้องเจดีย์สมบัติไร้อักษรในตัวหลินสวิน!

เพียงแต่สีหน้าของเขาในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความสะท้าน ตะลึง และตื่นตระหนก แปรเปลี่ยนไม่แน่นอน

พริบตานั้นเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จิตล่องวิญญาณลอย!

และเป็นเวลานี้เองที่หลินสวินใจกระตุก พลันใช้พลังจิตวิญญาณกระตุ้นเจดีย์สมบัติไร้อักษร

ในแดนมกุฎนี้ หากใช้สมบัติอริยะก็จะถูกกำจัดทันที เรื่องนี้หลินสวินรู้ดีตั้งแต่ตอนอยู่แดนเผาเซียนแล้ว

แต่ตอนนี้เขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว อีกอย่าง ก็เพียงแค่ใช้ในร่างกายไม่ได้ใช้ในโลกภายนอก

ฟุ่บ!

เจดีย์สมบัติไร้อักษรส่องแสง ตัวเจดีย์แปดเหลี่ยมที่เหมือนสร้างจากเหล็กเทพศุภโชคส่องประกายงดงามราวกับทองเทพ ก็เห็นแสงมรรคทองนิลกาฬโฉบพุ่งออกมา ตวัดม้วนไปทางราชันผีเสวียนคง

เดิมทีหลินสวินยังกังวลอย่างมาก กอดความหวังทั้งหมดในการเสี่ยงดวงครั้งสุดท้าย

แต่ภาพหลังจากนั้นเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง ก็เห็นประกายม่วงที่ราชันผีเสวียนคงแปลงมาไม่หลีกไม่หนี ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พริบตาก็ถูกแสงมรรคทองนิลกาฬปกคลุม

แต่เรื่องที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจคือ ครั้งนี้แสงมรรคทองนิลกาฬกลับไม่สามารถเก็บราชันผีเสวียนคงเข้าไปในเจดีย์สมบัติไร้อักษรได้…

หลินสวินถึงกับหมดหวังทันทีแล้ว

แม้แต่พลังของเจดีย์สมบัติไร้อักษรยังไม่สามารถกำราบมารเฒ่านี้ได้ ยังจะสู้อย่างไรอีก

ตึง!

แต่ตอนนี้เองประกายม่วงนั่นเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของราชันผีเสวียนคง และถึงกับคุกเข่าอยู่ภายใต้แสงมรรคทองนิลกาฬที่ปกคลุม โขกหัวคำนับเจดีย์สมบัติไร้อักษร!

และบนใบหน้าหนักแน่นเย็นชาของเขา กลับน้ำตาไหลนอง!

‘อาจารย์! ศิษย์ไร้สามารถถูกขังอยู่ที่นี่ จะตายก็ไม่ได้จะอยู่ก็ไม่สามารถ ทำให้สำนักเสื่อมเสียชื่อเสียง ศิษย์… ละอายต่อคำสอนของท่าน!’

เขาร่ำไห้อย่างหนัก ไม่หลงเหลืออานุภาพเย็นชาดุดันเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป กลับเป็นเหมือนนักเรียนที่ทำผิดกำลังสำนึกความผิดของตน

หลินสวินอึ้งไปทันที

‘อาจารย์! เป็นท่านส่งศิษย์น้องมาใช่หรือไม่ มิฉะนั้นเหตุใดจึงให้ศิษย์ได้เห็นเจดีย์นี้ในวันนี้…’

ราชันผีเสวียนคงสะอื้น หมอบอยู่บนพื้น กล่าวด้วยน้ำตาที่ไหลพราก

สามารถดูออกว่าเขาเคารพนับถือ ‘อาจารย์’ คนนี้เข้ากระดูก

หลินสวินพลันเข้าใจแล้ว การดำรงอยู่ของเจดีย์สมบัติไร้อักษรทำให้ราชันผีเสวียนคงเข้าใจผิดไป เพราะมีเจดีย์นี้จึงทำให้เขามองว่าตนเป็น ‘ศิษย์น้อง’!

จากเรื่องนี้สามารถคาดการณ์ได้ว่า เจดีย์สมบัติไร้อักษรนี่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสิ่งที่อาจารย์ของราชันผีเสวียนคงเหลือเอาไว้!

‘อาจารย์ ตอนมีชีวิตอยู่ศิษย์ทำตามคำสอนของท่านทุกอย่าง ยามออกท่องโลกแม้สองมือจะเปื้อนเลือด แต่ก็มั่นใจว่าไม่เคยทำเรื่องละอายใจ มีเพียงหลังจากถูกขังอยู่ที่นี่ จะตายก็ไม่ได้จะอยู่ก็ไม่เชิง ทำให้นิสัยเปลี่ยน จิตใจขุ่นมัว…’

‘อาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีวันใดที่ศิษย์ไม่ทุกข์ทรมาน ไม่มีวันใดที่ไม่อยากหลุดพ้นจากที่นี่ แต่… กลับไม่เคยสมปรารถนา’

‘หากเป็นไปได้ ศิษย์ขอยอมตายอยู่ในสนามรบปีนั้น!’

เขาพูดพล่าม เหมือนกำลังระบายความทุกข์ทรมานที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน

จนสุดท้ายเขาปล่อยโฮออกมา

บุคคลที่ตอนมีชีวิตอยู่บรรลุระดับมหาอริยะ แต่ตอนนี้กลับไม่ห่วงภาพลักษณ์ ร่ำไห้ด้วยความเสียใจขนาดนี้ ทำให้หลินสวินเองก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

‘ท่านอาจารย์ ศิษย์รู้ว่าท่านไม่อยู่แล้ว แต่ศิษย์เข้าใจแล้วว่าควรทำอย่างไร’

ทันใดนั้นราชันผีเสวียนคงลุกขึ้น สูดหายใจเข้าลึกๆ โน้มคำนับต่ำ หว่างคิ้วหนักแน่นแฝงความเด็ดเดี่ยว

ในใจหลินสวินพลันหดเกร็งขึ้นมา แข็งทื่อไปทั้งตัว สัตว์ประหลาดเฒ่านี่… จะทำอะไร

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท