Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1268 ราชันผีเสวียนคง

ตอนที่ 1268 ราชันผีเสวียนคง

ตูม!

ราวกับถูกเสียงหัวเราะของนกทมิฬดึงดูด ศพแขนขาดร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา คมดาบราวกับสายฟ้า ฉีกอากาศเป็นรอยแยกน่ากลัว

ในปราณดาบนั่นไอมรณะทะลวงฟ้า ดุดันอย่างที่สุด ส่งเสียงราวกับเสียงร่ำไห้ของเทพผี

ด้วยไม่ทันตั้งตัว นกทมิฬเกือบถูกปราณดาบกรีดปีก!

หลินสวินลอบตกใจ สมัยก่อนตอนศพไร้แขนร่างนี้มีชีวิต ต้องเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน อานุภาพของดาบเดียวทำให้เขายังรู้สึกปวดตา

นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ต้องรู้ว่าตอนนี้พลังปราณของเขาอยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านสาม ทว่ากลับรู้สึกถึงภัยคุกคามจากศพไม่สมบูรณ์ที่ไม่รู้ว่าตายมานานเท่าไหร่แล้วร่างนี้

“นะโม!”

นกทมิฬเสียหน้าจนพาลโกรธ ส่งเสียงธรรมออกมาคำหนึ่ง บาตรดำสนิททะยานฟ้า หนุมวนรอบหนึ่งก่อนพรมแสงธรรมข้ามเคราะห์แถบหนึ่งลงมา

ซากศพไร้แขนคิดจะหนี แต่จะหนีไปไหนได้ พลันส่งเสียงคำรามดุร้ายหาใดเปรียบออกมา ก่อนจะถูกแสงธรรมโหมซัดเผาไหม้ไปทั้งกาย

พลังมรรคธรรมใช้สยบสิ่งที่ตายแล้วพวกนี้ได้ตามคาด!

ในใจหลินสวินพลันโล่งอก

“ฆ่า!”

หลินสวินกวัดแกว่งวัชระอย่างไม่ลังเล พลันพุ่งขึ้นไป

ก็เห็นวัชระนั่นส่องแสงกะทันหัน สาดพรมสัญลักษณ์อักษรธรรมที่หนาแน่นสว่างไสว ไหลพุ่งราวกับกระแสน้ำ

ในเวลาเดียวกันมีเสียงสวดท่องธรรมอันยิ่งใหญ่ดังขึ้น!

วิชาพระเวทสยบมาร!

นี่คือมรดกที่บันทึกในคัมภีร์มหาครรภ์จุติ ต้องมีจิตใจกำจัดมารกำราบโลก ใช้จิตแน่วแน่เด็ดเดี่ยวกระตุ้นพลังธรรม อานุภาพที่เกิดขึ้นน่ากลัวอย่างไม่มีสิ้นสุด

ปัง!

ศพที่หน้าอกแหวกเปิดยังไม่ทันพุ่งเข้ามาก็ถูกวัชระกระแทกใส่ ปลิวออกไปทั้งร่างและระเบิดกลางอากาศโดยพลัน

จากนั้นเงาร่างที่แทบจะโปร่งแสงพุ่งออกจากห้วงนิมิต โค้งคำนับพร้อมพูดกับหลินสวินว่า “ขอบคุณสหายยุทธ์ที่โปรดสัตว์!”

พอสิ้นเสียง เงาร่างนี้ก็เปลี่ยนเป็นไอใสที่บริสุทธิ์สุกใส

“นี่เป็นไอพิสุทธิ์ฟ้าประทาน เป็นวัตถุแห่งบุญที่เมืองนี้มอบให้ ลึกลับอย่างที่สุด รีบเก็บมันเร็ว!”

นกทมิฬตะเบ็งเสียงเตือนหลินสวิน

วู้ม!

หลินสวินยื่นมือไปคว้า ไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานสายนั้นก็ผลุบเข้าไปในร่างกาย ชั่วพริบตาหลินสวินเพียงรู้สึกว่าหูตาชัดกระจ่าง สภาวะจิตและจิตวิญญาณอยู่ในระดับที่มั่นคงอย่างไร้รูป

สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ แม้แต่พลังปราณในร่างยังพัฒนาขึ้นเล็กน้อย แม้จะก้าวหน้าน้อยมาก แต่นี่ก็น่าตกใจมากแล้ว!

ดวงตาดำของหลินสวินพลันเปล่งประกาย เป็นจริงอย่างที่นกหัวขโมยตัวนี้พูด สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เมืองนี้อาจจะเป็นแดนแห่งมหันตภัย

แต่สำหรับพวกเขา กลับเป็นแดนมงคลที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง!

ตูม!

ยามใคร่ครวญหลินสวินก็ออกโจมตีอีกครั้ง

เขาในตอนนี้ปลดปล่อยอย่างสิ้นเชิงแล้ว แสงธรรมพลุ่งพล่านรอบตัว สีหน้าเคร่งขรึมราวกับพุทธองค์เยือนโลก อานุภาพไร้จำกัด

ในมือเขาวัชระคดงอราวกับมังกร อานุภาพยิ่งใหญ่ลึกล้ำ ม้วนแสงธรรมไม่มีที่สิ้นสุด สลายหมอกดำหนาทึบรอบๆ

ปังๆๆ

ศพเน่าเปื่อยศพแล้วศพเล่า ไม่ว่าจะดุดันแค่ไหน แต่ภายใต้การโจมตีของแสงธรรมล้วนถูกสังหาร ร่างกายถูกชำระล้าง

ต้องรู้ว่าศพเหล่านี้แม้ตายมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งอย่างที่สุด น่ากลัวยิ่ง สามารถข่มขวัญบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ได้

แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอยิ่ง!

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ของอย่างหนึ่งย่อมกำราบอีกสิ่ง คัมภีร์มหาครรภ์จุติเป็นสิ่งที่อริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬอนุมานและศึกษามาด้วยกันอย่างเนิ่นนาน เรียบเรียงออกมาอย่างยากลำบาก

ความเร้นลับที่สั่งสมอยู่ภายใน เหนือกว่าในคัมภีร์มหากษิติครรภ์มรดกพิทักษ์สำนักของอารามกษิติครรภ์มาก

ตอนนี้ถูกหลินสวินใช้ พลังข้ามเคราะห์ที่ซ่อนอยู่ภายใน มีผลลบล้างและโปรดสัตว์ให้กับสิ่งที่มีชีวิตที่ตายไปแล้วพวกนี้

“สับสนมาเนิ่นนาน วันนี้ในที่สุดก็ตื่นรู้ สามารถหลุดพ้นได้ ขอบคุณสหายยุทธ์”

“ฮือๆๆ ฟ้ามีตา!”

“ขอบคุณสหายยุทธ์มากที่ช่วยให้สมปรารถนา”

คู่ต่อสู้ทุกคนที่ถูกหลินสวินโปรดสัตว์ล้วนจากไปพร้อมความรู้สึกหลุดพ้น ได้รับการปลดปล่อย ทิ้งไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานเป็นสายๆ ไว้ให้

และสภาวะจิต จิตวิญญาณและพลังปราณของหลินสวินก็ค่อยๆ พัฒนาอย่างไร้สุ้มเสียง พร้อมๆ กับไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานที่มากขึ้นเรื่อยๆ

แม้แนวโน้มจะช้ามาก แต่กลับไวกว่าปิดด่านฝึกอย่างยากลำบากไม่รู้เท่าไหร่!

อีกด้านนกทมิฬเองก็โจมตีเต็มกำลัง ในใจเต็มไปด้วยความดีใจเหมือนหลินสวิน

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ศพเน่าเปื่อยที่มีห้าสิบหกสิบหกศพนี้ก็ถูกหลินสวินกับนกทมิฬโปรดสัตว์ไปด้วยกันทั้งหมด

ชั่วขณะหนึงหลินสวินมีความรู้สึกดื่มด่ำไร้สิ้นสุด

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่เกินหนึ่งชั่วยามพลังปราณที่เดิมใกล้ขั้นสมบูรณ์ จะต้องสมบูรณ์อย่างสิ้นเชิงแน่

อีกทั้งสภาวะจิตและจิตวิญญาณแต่ก็ล้วนกำลังเปลี่ยนแปลง!

“วาสนา มหัศจรรย์อย่างไม่สามารถอธิบายได้!”

นกทมิฬถอนหายใจ สีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก

ในเมืองนี้หมอกดำบดบังฟ้าดิน อันตรายแฝงอยู่โดยรอบ เป็นสถานที่แปลกประหลาดและอัปมงคลอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ในสายตาของพวกหลินสวิน ที่นี่เป็นแดนวาสนาแท้ๆ!.ไอลีนโนเวล

“ไป ไปกลางเมือง ข้ามีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตรงนั้นจะต้องซ่อนความลับยิ่งใหญ่แน่”

นกทมิฬกระพือปีก ชิงพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของหมอกดำ

หลินสวินรีบตามไป

ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือนกทมิฬต่างสังเกตเห็นว่า ทุกครั้งที่โปรดสัตว์ศพเน่าเปื่อยซึ่งถูกขังอยู่ที่นี่ สัญลักษณ์ลึกลับที่ประทับอยู่บนสิ่งก่อสร้างในเมืองก็จะมืดสลัวลง…

บนหนทางหลังจากนั้น พวกหลินสวินก็ได้เจอศพเน่าเปื่อยต่อเนื่องหลายกลุ่มพุ่งออกจากหมอกดำ

ราวกับว่าสิ่งไร้ชีวิตอันแปลกประหลาดในเมืองนี้ล้วนถูกชักนำมา

ทว่านี่กลับทำให้พวกหลินสวินไม่เพียงไม่ตกใจ ยังดีใจด้วยซ้ำ เปิดฉากสังหารอย่างไม่ลังเล สำแดงมรดกมรรคธรรมที่ตนครอบครองอย่างกำเริบ

ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

หลินสวินสัมผัสได้แล้วว่าพลังปราณของตนสมบูรณ์อย่างสิ้นเชิงแล้ว!

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาถึงขั้นสงสัยว่าอีกไม่นานตนจะสามารถชิงโอกาสรับอมตะเคราะห์ครั้งที่สี่ได้!

ทว่าหลินสวินกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น บนหนทางหลังจากนั้น เขาเก็บไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานทั้งหมดที่ได้รับมาปิดผนึกไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร

รอในภายภาคหน้า เขาจะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมใช้ไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานเหล่านี้ทะลวงระดับ!

“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าศพเน่าเปื่อยเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ไม่นานหลินสวินพลันขมวดคิ้ว

“แต่เจ้าสังเกตไหมว่า ยิ่งโปรดสัตว์ศพเน่าเปื่อยที่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานที่ได้รับก็ยิ่งมาก”

นกทมิฬพูดอย่างดีใจ

หลินสวินอึ้งไป จากนั้นพยักหน้าทันที เป็นเช่นนี้จริง

ตอนนี้เอง ในหมอกดำที่อยู่ห่างออกไปกลับมีเสียงเหี้ยมโหดที่เย็นชาอย่างที่สุดดังขึ้น…

“ไป ฆ่าคนนอกสองคนนั้นซะ!”

แต่ละคำราวกับฟ้าร้อง!

หลินสวินกับนกทมิฬสบตากัน ในใจต่างตกใจ

“ที่นี่ถึงกับยังมีศพเน่าเปื่อยที่มีสติปัญญา เห็นชัดว่านี่เป็นเจ้าตัวที่น่ากลัวอย่างมาก ต้องระวัง”

นกทมิฬเองก็จริงจังขึ้นมา ไม่กล้าประมาท

ตูมครืน!

จู่ๆ หมอกดำบนถนนที่ห่างออกไปก็แยกตัวเป็นสองฝั่ง เผยภาพที่ทำให้หลินสวินกับนกทมิฬต่างหนังหัวชาวาบ

ก็เห็นบนถนน บนหลังคาบ้านเรือน กระทั่งในท้องฟ้า ล้วนถูกศพเน่าเปื่อยนับไม่ถ้วนปกคลุม ปิดฟ้าคลุมดิน หนาแน่นอย่างยิ่ง ทอดสายตามองไปไม่เห็นสุดสิ้นสุด!

“ไม่งั้น พวกเราอ้อมไปดีหรือไม่”

นกทมิฬกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เยอะเกินไปแล้ว ทำเอามันขนลุก เหมือนกับเจอกองทัพซากศพที่ยิ่งใหญ่ไพศาล

ทว่าตอนที่หลินสวินกับมันคิดจะอ้อมไป ก็พบอย่างน่าตกใจว่ารอบๆ ตำแหน่งที่ตนยืนอยู่ ล้วนมีศพเน่าเปื่อยพุ่งเข้ามาราวกระแสน้ำหลาก!

ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้วจริงๆ

ชั่วขณะนั้นแม้แต่ในใจหลินสวินยังหนักอึ้ง สีหน้าจริงจัง

ศัตรูไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือศัตรูมากเกินไป คนมีกำลังจำกัด หากสู้จนหมดแรงก็ยังไม่สามารถออกจากการล้อมกรอบได้ จะต้องแย่แน่

“ไปที่กลางเมืองต่อ! เห็นได้ชัดว่าพวกไร้ชีวิตเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของเสียงเมื่อครู่ ขอเพียงฆ่าเจ้าของเสียงนั่น บางทีอาจจะคลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากที่พวกเราประสบอยู่ได้!”

หลินสวินตัดสินใจรวดเร็ว

นกทมิฬพยักหน้า นี่เป็นวิธีเดียวที่สามารถเลือกได้จริงๆ ไม่มีหนทางอื่นแล้ว

ตูม!

การต่อสู้ปะทุอย่างต่อเนื่อง หลินสวินกับนกทมิฬราวกับเหล็กแหลมที่เฉียบคมสองเล่ม พุ่งสังหารเข้าไปในกองทัพศัตรู แข็งขืนเปิดทาง

เพียงแต่เมื่อเทียบกับความดีใจเมื่อครู่นี้ สภาวะจิตของทั้งคู่เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นไม่น้อย

แม้ไอพิสุทธิ์ฟ้าประทานที่ได้รับระหว่างทางจะมากขึ้น แต่สำหรับทั้งสอง ไม่ได้มีอะไรน่าดีใจแล้ว

หากไม่คลี่คลายสถานการณ์ยากลำบากในตอนนี้ แม้ได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้ก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปดื่มด่ำได้แน่!

ในที่นั้นศพราวกับคลื่น ถูกโปรดสัตว์อย่างต่อเนื่อง หากมองลงมาจากฟ้าจะพบว่า ในกองทัพที่ราวกับคลื่นน้ำนั่นปรากฏรอยแยกออก

“จะช้าลงไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องถูกขังอยู่ที่เดิม ยากจะก้าวออกไปแม้เพียงก้าว!”

นกทมิฬตะเบ็งเสียง

ศพเน่าเปื่อยเหล่านั้นเหี้ยมหาญไม่กลัวตาย ข้างหน้าพุ่งข้างหลังประชิด ทำให้ตอนที่พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าต้องประสบกับแรงต้านมหาศาลเช่นกัน

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นชา พลันวาบประกาย โคจรพลังปราณในตัวถึงขีดสุด!

ทันใดนั้นความเร็วในการพุ่งตัวไปข้างหน้าของเขาเร็วขึ้นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ด้านหลังเขาทิ้งซากศพที่แหลกเละไว้เกลื่อนพื้น

“สหายยุทธ์ กลางเมืองมีแท่นบูชาที่จักรพรรดิสงครามในอดีตทิ้งเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูก ‘ราชันผี’ ผู้หนึ่งยึดครอง การล้อมโจมตีครั้งนี้ก็ควบคุมโดยราชันผีผู้นี้ หากต้องการหลุดพ้นต้องฆ่ามันโดยเร็วที่สุด!”

หลังจากศพหนึ่งถูกโปรดสัตว์ เงาร่างที่ไร้ตัวตนปรากฏขึ้น ชี้แนะหลินสวิน

“ขอบคุณมาก!”

หลินสวินพุ่งสังหารต่อโดยไม่หันมองด้วยซ้ำ

นกทมิฬตามหลังไปติดๆ

“สหายยุทธ์ เมื่อครั้งยังมีชีวิตราชันผีนั่นเป็นมหาอริยะผู้หนึ่ง นามว่า ‘เสวียนคง’ หลังตายวิญญาณไม่ดับสิ้น ถูกขังอยู่ที่นี่ไม่รู้นานเท่าไหร่ มีสติปัญญาแล้ว หมายจะใช้ศพเข้าถึงมรรค สร้างมรรคาก่อนตายขึ้นใหม่ พลังต่อสู้น่ากลัวยิ่ง ประมาทไม่ได้เด็ดขาด!”

“สหายยุทธ์ ราชันผีเสวียนคงรู้แล้วว่าพวกเจ้ามาเยือน โปรดออกไปให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นอันตรายถึงชีวิตแน่!”

ระหว่างทางมีศพที่ถูกโปรดสัตว์เตือนอยู่ตลอดเวลา และทำให้พวกหลินสวินเข้าใจฐานะของเจ้าของเสียงนั่น

มหาอริยะผู้หนึ่ง ราชันผีที่หลังจากสิ้นชีพก็ควบคุมที่แห่งนี้ หมายจะใช้ศพเข้าถึงมรรค สร้างมรรคาขึ้นใหม่!

แค่คิดก็ทำให้ใจสั่นแล้ว

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดการราชันผีเสวียนคงนี่ซะ!”

นกทมิฬกัดฟันพูด

ระหว่างทางทั้งสองต่อสู้อย่างดุเดือด จนกระทั่งตอนหลังร่างกายต่างเต็มไปด้วยแผล สถานการณ์การต่อสู้ย่ำแย่อย่างที่สุด

ศพเน่าเปื่อยเหล่านั้นมากเกินไป ฆ่าไม่หมดจริงๆ!

“ดูเร็ว นั่นคงจะเป็นแท่นบูชาที่จักรพรรดิสงครามในอดีตคนนั้นทิ้งเอาไว้!”

ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร นกทมิฬร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นมา “เร็ว ออกแรงอีกหน่อย พวกเรากำลังจะพ้นแล้ว!”

หลินสวินเงยหน้ามองไป ตื่นตัวยิ่งขึ้น

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท