ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สองคนพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช!
และไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย! !
ชายสะพายดาบคนนั้นปล่อยหมัดออกมาแค่หมัดเดียวเท่านั้น!
ไม่สิน่ะ น่าจะเป็นสองหมัด เพียงแต่มันเร็วมาก คนส่วนใหญ่จึงเห็นแค่เงาของหมัด เลยเข้าใจผิดคิดว่าหมัดเดียว!
ซู่!
แข็งแกร่งมาก!
ชายหนุ่มคนนั้นที่ไม่พูดอะไร และมองว่าทุกคนเป็นอากาศธาตุ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่? ถึงได้มีลูกน้องที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้!
เฉินเทียนป้าพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา และตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ต่อหน้าเจ้าพลแล้ว ใครที่กำเริบเสิบสาน ไม่ยอมจำนน ฆ่าให้หมด!”
เปรี้ยง!
คำพูดประโยคนี้ ดังก้องอยู่ในหูของทุกคนราวกับสายฟ้า!
บ้าคลั่งมาก!
ชายหนุ่มคนนั้นยังคงไม่พูดอะไร ยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความเย่อหยิ่ง ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถขวางเขาได้!
“กำเริบเสิบสาน!”
“ช่างใจกล้ามาก!”
“คนที่รนหาความตาย!”
“หยุด!”
และทันใดนั้น เสียงตะโกนดังขึ้นมา ทำให้สีหน้าของคนไม่น้อยเปลี่ยนแปลง!
คนมากมายที่นั่งอยู่โซนที่สามลุกขึ้น และร่างกายเต็มไปด้วยรัศมีสังหาร!
“แกเป็นใคร ช่างใจกล้ามาก ผมคือหยางยู่หลงของตระกูลหยาง!”
“ผมเจิ้งหมินเฮ่อมาจากสำนักเทศกิจ!”
“ผมชื่อชีหยวนมาจากตำรวจภูธร!”
ขณะนี้ คนที่นั่งอยู่โซนที่สาม หลายคนต่างแสดงสถานะตัวตน ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นผู้มีอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเย่เซิ่งเทียนจะไม่ได้ยิน และยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
เขาแค่อยากจะล้างแค้นให้คุณท่านฟางเท่านั้น!
คนอื่น ไม่คู่ควรได้รับความสนใจจากเขา
เฉินเทียนป้าแสยะยิ้มและกล่าวว่า “พวกคุณทุกคนหูหนวกเหรอ? เจ้าพลบอกว่า พวกคุณล้วนเป็นขยะ หุบปากเหม็นของพวกคุณซะ มิฉะนั้น ฆ่าหมด!”
คำพูดที่อาฆาตและเย่อหยิ่งดังกล่าว ทำให้คนที่นั่งอยู่โซนที่สาม รู้สึกตกใจและรู้สึกโมโห
สองคนนี้ ไม่เห็นแม้แต่พวกเขาอยู่ในสายตาเลย
และชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้านั้นยโสโอหังมาก ทำเหมือนพวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนอากาศธาตุ!
ขณะนี้ แม้แต่คนที่นั่งอยู่โซนข้างหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะมองมาทางนี้
โจวเฟยหลงกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยใบหน้าแดงก่ำ!
วันนี้ ตระกูลโจวรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก!
สองคนนี้ ต้องการฆ่าล้างคนของตระกูลโจวให้สิ้นซาก และไม่มีใครสามารถต้านพวกเขาได้!
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องออกหน้าแล้ว!
“ไอ้หนุ่ม อย่ามารนหาความตาย ตระกูลโจวไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมากำเริบเสิบสานได้ พ่อของผมเป็นคนที่มีคุณธรรมและมีความเมตตา จึงไม่อยากจะถือสาแก และไว้ชีวิตแก อย่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มิฉะนั้น ถ้าแกยังดื้อรั้นอีก สำหรับตระกูลโจวแล้ว แกเป็นแค่มดตัวเดียวเท่านั้น”
โจวเฟยหลงกัดฟัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เย่เซิ่งเทียนมองเขา และกล่าวเยาะเย้ยว่า “มด? ใครให้ความกล้าขนาดนี้กับตระกูลโจว”
โจวเฟยหลงกล่าวด้วยความโมโหว่า “รนหาความตาย ในเมื่อแกต้องการท้าทายตระกูลโจว เอาล่ะ งั้นวันนี้แกก็แสดงให้เห็นว่าผู้มีอิทธิพลจากต่างแดนอย่างแก จะมีความสามารถอย่างไร ที่กล้ามากำเริบเสิบสานที่ตระกูลโจว? !”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยความเหยียดหยามว่า “แกไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดกับฉัน”
หลังจากนั้น เขามองไปที่โจวฮงหรู กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “โจวฮงหรู คุณยังแกล้งทำเป็นตายอยู่อีกเหรอ!!! ผมเย่เซิ่งเทียน วันนี้จะทำลายล้างตระกูลโจว คุณรู้ความผิดหรือยัง?!!”
อะไรน่ะ!!
คำพูดประโยคนี้ ทำให้คนที่เหลือตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร
เขาเรียกชื่อของคุณท่านโจวโดยตรง! !
หรือเขาไม่รู้ว่าคุณท่านโจวเป็นใคร?
ทำไมเขาถึงกล้า!
“แกมันรนหาความตาย!!”
โจวเฟยหลงโมโหจนหน้าแดงก่ำ
เรียกชื่อพ่อของเขาโดยตรงต่อหน้าเขา แล้วยังพูดอวดดีว่าจะทำลายล้างตระกูลโจวอีก!
คนบ้าระห่ำแบบนี้ ต้องถูกฆ่าตาย!
“พญาบู๊หยาว พญาบู๊จี้เชิญพวกคุณสองคนลงมือฆ่าไอ้หมอนี้ด้วยเถอะ!”
โจวเฟยหลงประสานมือทั้งสองแล้วทำท่าคารวะไปทางสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน
พญาบู๊หยาวพยักหน้า “เป็นเรื่องสมควร”
พญาบู๊จี้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มันเป็นเพียงการเชือดสุนัขเท่านั้น ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลังจากกล่าวจบ พญาบู๊ทั้งสองก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปหาเย่เซิ่งเทียน