ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวของเย่เซิ่งเทียน เหมือนกับมีดเยือกเย็นเล่มหนึ่ง จับจ้องมองตรงไปที่หลิวว่านจวิน
ทำให้หลิวว่านจวินกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ภายในใจสั่นเทา และพูดอย่างแข็งนอกอ่อนใน: “แก แกจะทำอะไร!”
“เซิ่งเทียน อย่านะ”
หวางซีจับแขนของเย่เซิ่งเทียนไว้ และพูดกับหลิวว่านจวินว่า: “คุณน้า หนูขอเตือนคุณ ก็เป็นคนครอบเดียวกันทั้งนั้น ทำอะไรอย่ามากเกินไป ถ้าคุณยังโวยวายอย่างไร้เหตุอีก หนูจะไม่ห้ามเย่เซิ่งเทียน ถึงเวลานั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างหาว่าหนูไม่ได้เตือนคุณอย่างจริงใจ เซิ่งเทียนของพวกเรานิสัยไม่ดี คุณอย่าหาเรื่องดีกว่า”
หลันรั่วรั่วพูดอย่างโกรธจัดว่า: “อีแก่ ฉันจะบอกคุณให้นะ เห็นว่าคุณเป็นผู้ใหญ่พวกเราถึงได้เกรงใจคุณแบบนี้ คุณอย่าได้เย่อหยิ่งจองหองพองขนเกินไป! พวกคุณทำอะไรไว้พวกคุณรู้ดีแก่ใจ ยังมีหน้ามาหาถึงที่เหรอ? ต้องการให้พี่เขยของฉันช่วยชีวิตคนเหรอ? ได้สิ พวกคุณคุกเข่าลงมาขอโทษยอมรับผิดกับพี่เขยของฉัน บางทีพี่เขยของฉันอาจจะแสดงความเมตตา ช่วยชีวิตของลูกชายอายุสั้นนั้นของคุณ”
“พวกแก พวกแกกล้าพูดจาแบบนี้กับฉันเหรอ!! พวกแกกล้าหาญมากเลยนะ! นังสารเลว แกกล้าว่าให้ลูกชายอายุสั้น แกรนหาที่ตาย!”
หลิวว่านจวินโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าลงไม้ลงมืออีก เธอเสียใจที่ตัวเองมาคนเดียว
ตอนแรกคิดว่าครอบครัวเล็กๆแบบนี้ ตัวเองปรากฏตัวก็ทำให้ตกใจได้ แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวเธอด้วยซ้ำ!
“ดีมาก ดีมาก พวกแกจำเอาไว้เลยนะ!” หลิวว่านจวินชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและทุกคน และพูดอย่างเยือกเย็นน่ากลัวว่า”มีตอนที่พวกแกต้องเสียใจ ฉันกลับจะดูสิว่า พวกแกจะเย่อหยิ่งได้นานแค่ไหน!”
“กล้าพูดจาแบบนี้กับฉัน ดูสิว่าฉันจัดการพวกแกยังไง! ไอ้พวกต่ำทราม พวกแกเป็นตัวอะไร ฉันมาหาถึงที่ได้ ก็เป็นความโชคดีที่บรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของแกบำเพ็ญมา! ยังจะเชิดหน้าเย่อหยิ่งใส่ฉัน ฉันจะดูว่าพวกแก……”
เพียะ!
ทันใดนั้น เย่เซิ่งเทียนตบไปที่บนใบหน้าของหลิวว่านจวินหนึ่งฉาดอย่างรุนแรง
“แก แกกล้าตบฉัน!!”
หลิวว่านจวินกุมใบหน้า มองดูเย่เซิ่งเทียนอย่างไม่อยากเชื่อ
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเยือกเย็นน่ากลัวว่า: “ไสหัวไปให้พ้น ไม่ไสหัวไปก็ตาย!”
“พวกแก พวกแกค่อยดูเถอะ!”
หลิวว่านจวินเห็นเย่เซิ่งเทียนจะยกมือขึ้นอีก ตกใจกลัวจนหันหลังวิ่งไป
“เซิ่งเทียน ต่อไปนายอย่าใจร้อนแบบนี้ ใช้กำลังแก้ไขปัญหาไม่ได้ ถ้าเกิดนายเสียเปรียบจะทำยังไง?”
หวางซีพูดอย่างตำหนิเล็กน้อย
หลันรั่วรั่วพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “พี่ซี พี่อย่าใจดีเกินไปหน่อยเลย คนเลวแบบนี้ ใจดีด้วยไม่ได้ ก็ต้องตาต่อฟันต่อ ไม่อย่างนั้นหล่อนจะเย่อหยิ่งจองหองพองขน! ฉันคิดว่าพี่เขยทำถูกนะ ถ้าไม่ใช่การตบนั้นของพี่เขย มนุษย์ป้านั้นก็ไม่รู้ว่ายังจะด่าคำพูดหยาบคายแค่ไหนออกมา”
ในเวลานี้ หลี่หลานอุ้มซือซือออกมาจากในห้องนอน เมื่อกี้นี้เธอกลัวว่าจะทำให้เด็กตกใจกลัว ก็อุ้มเข้าไป
“ซีเอ๋อร์ ครั้งนี้เซิ่งเทียนทำถูก คนแบบนี้ใจอ่อนด้วยไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหล่อนจะมารังแกลูกอีก”
ครั้งนี้ หลี่หลานไม่ได้พูดจาดีๆเหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ถ้าไม่ใช่หล่อน ปีนั้นแม่สามีของลูกและเซิ่งเทียนก็ไม่มีทางถูกรังแกจนกลายเป็นแบบนั้น!”
สำหรับประสบการณ์ของเย่เซิ่งเทียนสองแม่ลูกในปีนั้น หลี่หลานมีประสบการณ์ที่เข้าถึงความรู้สึก
หลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต เธอและหวางซีเลี้ยงลูกผ่านมายังไง ความทุกข์ทรมานและความขมขื่นในนั้นมีเพียงตัวของพวกเธอเองที่รู้ดี
ดังนั้น เธอเข้าใจความรู้สึกของเย่เซิ่งเทียนเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอถือว่าเย่เซิ่งเทียนเป็นลูกชายของตัวเอง ก็ย่อมเข้าข้างเย่เซิ่งเทียนเป็นธรรมดา
หวางซีถอนหายใจพูดว่า: “หนูแค่เป็นห่วง พวกเราเป็นแค่ครอบครัวเล็กๆ สู้ตระกูลเย่ไม่ได้ด้วยซ้ำ นั้นเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของเมืองหลวง ทรัพย์สินนับแสนล้าน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตระกูลหลิวด้วย!”
เดิมทีหลันรั่วรั่วจะพูดอะไรบางอย่าง ก็พูดไม่ออกในทันที
นั่นนะสิ ตระกูลเย่และตระกูลหลิว เป็นตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆในเมืองหลวง ไม่ใช่บริษัทหัวหยวนขนาดเล็กจะสามารถสู้ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก มีฉันอยู่”
เย่เซิ่งเทียนพูดปลอบโยน
ในใจของหวางซีรู้สึกอบอุ่น แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง เย่เซิ่งเทียนเป็นแค่ตัวแทนของเจ้าเทพ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเทพและลูกน้องของเขาก็ช่วยเหลือมากมายขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรก็รบกวนคนอื่นเขา
สิ่งที่หวางซีกังวลมากที่สุดคือ ถ้าเจ้าเทพช่วยเหลือครอบครัวของตัวเองมากเกินไป ต่อไปเย่เซิ่งเทียนทำงานให้กับเจ้าเทพก็ต้องชดใช้มากยิ่งขึ้น
ไม่แน่ ยังจะต้องเอาชีวิตเข้าไปด้วย
นี่ ต่างหากเป็นสิ่งหวางซีเป็นกังวลอย่างแท้จริง!
และในเวลานี้ หลิวว่านจวินที่โกรธจัด ก็โทรหาหมายเลขหนึ่งในทันที และพูดอย่างชั่วร้ายว่า: “ฉันไม่สนว่าจะใช้วิธีไหน ฉันอยากเห็นบริษัทหัวหยวนล้มละลาย ภายในสามวัน! ฉันอยากจะเห็นทั้งครอบครัวของไอ้ลูกนอกสมรสอย่างเย่เซิ่งเทียน คุกเข่าขอความเมตตาต่อหน้าของฉัน!”