Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1274 อะไรเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า

ตอนที่ 1274 อะไรเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า

‘เจ้าควรจำไว้ให้ดีว่า ด้วยฐานะของเจ้าไม่คู่ควรกับศิษย์น้องเยวี่ย ต่อไปหากยังกล้าตามตื๊อศิษย์น้องเยวี่ย ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง!’

คำพูดประโยคนี้หลินสวินยังไม่ลืมหรอกนะ

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เคยคิดอะไรกับเยวี่ยไฉ่เวย ต่อให้คิดแล้วจะอย่างไร

และตอนนั้นเองที่หลินสวินจดจำหยางเทียนฉีเอาไว้!

หากเพียงแค่ข่มขู่ หลินสวินก็คร้านจะใส่ใจ เพราะบนโลกนี้คนที่เคยขู่เขามีมากเกินไปจริงๆ เพิ่มหยางเทียนฉีอีกสักคนแล้วอย่างไร

จุดสำคัญคือคนผู้นี้เคยลงมือกับเขาอย่างเสียมารยาทเป็นที่สุด!

หลินสวินไม่ได้ใจกว้างถึงขั้นถูกคนอื่นโจมตีแล้วยังไม่ใส่ใจหรอกนะ

เพียงแต่เวลาผ่านไปหลายปี หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับหยางเทียนฉีอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้

ในเวลาเดียวกัน ไอสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจหยางเทียนฉี

เขาไม่ลืมว่ายามที่ตนคิดจะกำราบหลินสวิน เยวี่ยไฉ่เวยถึงขั้นเกือบจะแตกหักกับตน!

และหลังจากเรื่องนั้น เมื่อเยวี่ยไฉ่เวยกลับสำนักไป ท่าทางที่มีต่อเขาก็เย็นชามาโดยตลอด ทำให้เขายิ่งเกลียดหลินสวินเข้ากระดูก

เพราะทุกคนในลัทธิไร้สวรรค์ต่างรู้ว่า ตั้งแต่เด็กเขาหมายปองเยวี่ยไฉ่เวยมาโดยตลอด มองว่านางเป็นคู่บำเพ็ญในชีวิตนี้

และการปรากฏตัวของหลินสวิน แน่นอนว่าจะต้องขวางหูขวางตาหยางเทียนฉี

เดิมทีเขาคิดว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ต่อไปคงไม่ได้เจอคนน่าชิงชังผู้นี้อีกแล้ว ใครจะคิดว่ากลับไม่เป็นเช่นนี้!

เจ้าหมอนี่กลับกลายเป็นเทพมารหลินที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า!

หลายปีมานี้หยางเทียนฉีจำได้แม่นว่า ทุกครั้งที่โลกภายนอกมีข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแพร่มา เยวี่ยไฉ่เวยก็จะสนใจเป็นพิเศษ

นี่จะให้หยางเทียนฉีสบายใจได้อย่างไร

แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เจอกับหลินสวินแล้ว หยางเทียนฉีมีเพียงความคิดเดียว คือกำจัดเจ้าคนขวางหูขวางตาคนนี้ซะ!

“ศิษย์น้องหยาง เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือ”

ตรงหัวยานสำเภา เซวียจื้อเสียนประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเขาเองก็ดูออกว่าท่าทีที่หยางเทียนฉีมีต่อหลินสวินเย็นชามาก ถึงขั้นที่แฝงไอสังหาร!

เหมือนศัตรูมาเจอกัน จึงเดือดดาลเป็นพิเศษ

ใบหน้าของหยางเทียนฉีไร้อารมณ์ กล่าวเสียงเย็นชา “เขาก็คือหลินสวิน บุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของแดนเก้าบนในตอนนี้ เคยโจมตีบุตรนรกจนยับเยินและกู่ฝอจื่อ”

หลินสวิน!

เซวียจื้อเสียนชะงัก จากนั้นพลันหัวเราะลั่นออกมา “บังเอิญจริง ครั้งนี้ข้าจับปลาใหญ่ได้ซะด้วย!”

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เคยได้ยินชื่อหลินสวิน แต่กลับไม่ได้เกรงกลัว ทั้งยังมองเป็นเหยื่อ มีความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

“ปลาใหญ่? ข้าว่าเดี๋ยวเขาก็จะกลายเป็นปลาตายแล้ว!”

หยางเทียนฉีพูดเสียงเย็น

แสงมรรคไหลเวียนทั่วตัวเขา เลือดลมราวกับมหาสมุทร พร้อมๆ กับไอสังหารที่ปรากฏขึ้นของเขา ฟ้าดินแถบนี้ล้วนสั่นไหวขึ้นมา เกิดเสียงดังครืนโครมตอบสนองกับอานุภาพรอบตัวเขา

นี่เป็นการเผยให้เห็นถึงมรรควิถีลึกล้ำ พลังปราณโดดเด่น และความสามารถที่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง

พูดถึงอานุภาพ ไม่ด้อยไปกว่าเซวียจื้อเสียนเลย

ความจริงก็เป็นเช่นนี้ แม้หยางเทียนฉีจะเย่อหยิ่งและย่ามใจ แต่อย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นคนที่เบียดเข้าไปอยู่ในห้าสิบอันดับแรกของยักษ์ใหญ่อมตะเคราะห์ในกระดานทองคำผู้กล้าแล้ว

“อื้ม นี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ฟ้ากำหนดให้เทพมารหลินตกอยู่ในมือพวกเรา”

เซวียจื้อเสียนยิ้มพูด สายตาเย้ยหยัน ดูอย่างเบิกบานมาก

เพราะครั้งนี้เขาตั้งใจจะชิงวาสนาของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ยามนี้พอรู้ว่าหลินสวินเป็นศัตรูของหยางเทียนฉี เช่นนี้ก็ยิ่งดี

ฆ่าเขา เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว!

ห่างออกไปเงาร่างของผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งปรากฏตัว ถูกการเคลื่อนไหวที่นี่ทำเอาแตกตื่น

พอรู้ฐานะของทั้งสองฝ่ายที่ปะทะกันในที่นั้น ต่างอดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ พลันถอยห่างออกไปตามสัญชาตญาณ

เซวียจื้อเสียนแห่งลัทธิไร้สวรรค์ เป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ชื่อเสียงความดุร้ายเลื่องลือ เพียงพอที่จะมองข้ามกลุ่มผู้กล้า พลังต่อสู้ดุดัน

ส่วนหยางเทียนฉีก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

ตอนนี้ทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกัน ใครจะไม่ตกใจ

เช่นเดียวกัน ตอนที่รู้ฐานะของหลินสวิน ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนสามารถนิ่งเฉยได้ ต้องรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นหน้าเขาจำศีลหัวโล้น ได้แพร่กระจายทั่วแดนเก้าบนแล้ว!

ใครจะจินตนาการได้ว่าเทพมารหลินที่ไล่ล่าจนบุตรนรกสะบักสะบอมหนีไป และกำราบจนกู่ฝอจื่อประสบเคราะห์ จะมาปรากฏตัวในแดนธรรมสถูปแห่งแดนคีรีอีสาน

อีกทั้งยังมาเจอกับยักษ์ใหญ่อมตะเคราะห์สองคนของลัทธิไร้สวรรค์!

“ข้าต้องการให้เขาตาย นอกนั้นสมบัติในตัวเขาล้วนเป็นของท่าน”

เสียงของหยางเทียนฉีเรียบเฉย

“ได้”

เซวียจื้อเสียนพยักหน้า สีหน้านิ่งสงบ

นกทมิฬโกรธจนแทบกระทือเท้าแล้ว สองคนนี้แต่ละคำพูดแต่จะให้หลินสวินตาย ท่าทีเช่นนี้ช่างอวดดีจริงๆ!

“เจ้าดำ เจ้าดูอยู่ข้างๆ”

นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ ไม่การดูถูก แต่ก็ไร้ซึ่งหวาดกลัว มีเพียงไอสังหารที่พลุ่งพล่านในใจ

เดิมทีเขาเห็นแก่หน้าเยวี่ยไฉ่เวย ไม่อยากไร้ไมตรีเกินไป แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายกลับมองว่าเขาเป็นคนที่สามารถฆ่าได้ตามอำเภอใจ

นี่ ท้าทายกรอบเส้นความอดทนของหลินสวินอย่างรุนแรง

“พวกเจ้าทั้งสอง แต่ละคนล้วนรนหาที่ตาย ส่งพวกเจ้าไปลงนรกด้วยกันเป็นอย่างไร” หลินสวินพูดนิ่งๆ

คำพูดนี้ดังออกมา ไม่เพียงแค่ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปตกใจ แม้แต่พวกหยางเทียนฉียังอึ้ง สายตาเผยไอสังหารที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด

“หลินสวิน เอาชนะบุตรนรกกับกู่ฝอจื่อได้ แน่นอนว่าต้องทำให้เจ้าภาคภูมิใจ แต่อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าก็มีสิทธิ์วางโตหรือ”

เซวียจื้อเสียนจ้องหลินสวิน น้ำเสียงเย็นชา “แดนเก้าบนผู้แข็งแกร่งดุจพยับเมฆ ผู้มีอิทธิพลมีถมเถ เจ้าไม่รู้หรอกว่าอะไรเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!”

“ไสหัวไป!”

หลินสวินคร้านจะพูดจาไร้สาระแล้ว พลันก้าวทะยานขึ้นฟ้า หมัดหนึ่งกระแทกออกไป

ง่ายดาย ตรงไปตรงมา แต่กลับแฝงอานุภาพไร้เทียมทานยากต่อต้าน

“หืม?”

หยางเทียนฉีหรี่ตา เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้เขาดูออกว่าคำบรรยายของหลินสวินในข่าวลือไม่ได้เกินจริงมากนัก เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ

เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่เมืองเพลิงมรกต ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

ผลลัพธ์นี้ทำให้เขาเก็บความดูถูกในใจ ไม่กล้าดูเบาอีก คนที่สามารถเอาชนะบุตรนรกและกู่ฝอจื่อได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา

สิ่งที่หยางเทียนฉีไม่รู้คือ หลินสวินไม่ได้ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับ ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ เพราะ…

คู่ต่อสู้ไม่คู่ควร!

ตูม!

ทั้งที่นั้นพลันดังกึกก้อง แสงเทพแตกระเบิด

ชุดคลุมสีเงินของเซวียจื้อเสียนโบกสะบัด ส่งเสียงคำรามยาวเข้าประชันกับหลินสวิน

แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ความแข็งแกร่งของหลินสวิน ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเหมือนคนทั่วไป เพราะฉะนั้นทันทีที่โจมตีจึงใช้ศักยภาพที่แท้จริงออกมา

ปังๆๆ!

แสงมรรคปะทะกัน ราวกับภูเขาไฟสองลูกพุ่งชน ห้วงอากาศล้วนระเบิดออก แสงเทพราวกับกระแสน้ำที่ไหลพุ่ง บดขยี้ภูเขาหินรอบๆ จนแหลก

พื้นดินล้วนเกิดรอยแยกน่าตระหนกนับไม่ถ้วน ขยายไปทั่วทุกสารทิศ

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ทั้งสองก็ประมือกันนับสิบครั้งแล้ว!

ภายหลังเซวียจื้อเสียนถูกซัดไปทั้งตัว เซถอยหลัง หน้าอกกระเพื่อมแรง เลือดลมตีกลับ ใบหน้าขาวซีด

พอหันมองหลินสวินอีกครั้ง สายตาของเขาก็แฝงความเคร่งเครียดและประหลาดใจแล้ว

การประมือก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสู้กับภูเขาที่สูงตระหง่านลูกหนึ่ง มีความรู้สึกต้อยต่ำไม่อาจสะเทือนได้

นี่ทำให้เขายากจะเชื่อ

ห่างออกไปทุกคนต่างตะลึง อึ้งงันอยู่กับที่ ในใจมีเพียงความคิดเดียว ช่างสมกับที่เป็นเทพมารหลิน แข็งแกร่งไร้เทียมทานจริงๆ!

เซวียจื้อเสียนนั่นเป็นถึงยักษ์ใหญ่อมตะเคราะห์ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ครองอำนาจฝั่งหนึ่ง สะดุดตาอย่างที่สุด แต่กลับไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้!

หยางเทียนฉีมองเห็นอย่างชัดเจน สีหน้าเองก็อึมครึมไม่แน่วนิ่ง มองผิดไปแล้ว คิดไปว่าแม้หลินสวินจะแข็งแกร่งกว่าบุตรนรก ก็คงแข็งแกร่งกว่าไม่มาก ผลลัพธ์กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่ได้รีบร้อนลงมือ ต้องการยืนยันอีกขั้น

“ขยะ!”

นกทมิฬดูถูก ในปากพ่นสองคำนี้ออกมา สะใจอย่างมาก

เซวียจื้อเสียนสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง แววตาราวกับสายฟ้า สาดประกายเย็นเยียบ เขาตระหนักได้ว่าครั้งนี้ยุ่งยากอยู่บ้างแล้ว ตนประเมินความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ต่ำไป

แต่เขาไม่ได้กลัว เพราะหยางเทียนฉียังไม่ได้ลงมือ

“ฆ่า!”

เซวียจื้อเสียนเคลื่อนไหวแล้ว ฝ่ามือทั้งคู่ปรากฏแสงมรรคสีฟ้าคราม จากนั้นตรงฝ่ามือก็มีกระบี่มรรคสีฟ้าครามที่ใสแวววาวเล่มหนึ่ง

กระบี่นี้ขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้น กลับคมกริบและเจิดจรัสหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล แผ่แสงมรรคสีฟ้าคราม ย้อมห้วงอากาศเป็นสีฟ้าสวย

“กระบี่มรรคทะเลหมอก!” มีคนอุทานด้วยความตกใจ

นี่คือหนึ่งในสี่ยอดกระบี่ของลัทธิไร้สวรรค์ มีความคมที่ไร้เทียมทาน

ฟุ่บ!

เซวียจื้อเสียนถือกระบี่พุ่งโจมตีเข้ามา กลิ่นอายแข็งแกร่งรุนแรง เจตกระบี่ดุจมหาสมุทรกว้างใหญ่ กวาดม้วนจักรวาล

อีกทั้งบนตัวเขามีลายมรรคที่หนาแน่นและคลุมเครือปรากฏขึ้น ควบรวมเป็นหัวสัตว์ปีศาจ นี่คือพรสวรรวิญญาณศึกของเขา ทำให้เขาสามารถสำแดงพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าปกติ

สีหน้าของหลินสวินราบเรียบ กลิ่นอายของเขาก็เก็บงำอย่างที่สุด แผ่กลิ่นอายเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ทุกหมัดทุกกระบวนท่าล้วนมีกลิ่นอายเรียบง่าย หลุดพ้นโลกีย์

ความจริง นี่คือการสะท้อนถึงพลังที่ควบรวมจนถึงขีดสุด!

มหามรรคนั้นเรียบง่าย

วิถียุทธ์ก็เช่นกัน

ได้รับท่วงทำนองจิตหนึ่งของมันเสี้ยวหนึ่ง ก็สามารถ ‘กระจ่างจิต’ ได้แล้ว

ดังนั้นในที่นั้นจึงปรากฏภาพที่แปลกประหลาดขึ้น อานุภาพและพลังของเซวียจื้อเสียนแข็งแกร่งจนพาให้ผู้คนต่างตาค้างแท้ๆ

แต่ทั้งที่เป็ฯเช่นนี้ เขากลับถูกหลินสวินกำราบอย่างสิ้นเชิง

ทุกครั้งที่เขาจู่โจม ทุกครั้งที่สังหารออกไป ล้วนถูกหลินสวินสลายอย่างง่ายดาย อย่าว่าแต่ทำร้ายหลินสวินเลย แม้แต่เสื้อผ้าของหลินสวินยังแตะไม่โดน!

หมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย ก็เป็นเช่นนี้แหละ!

“ตาย!”

เซวียจื้อเสียนตะเบ็งเสียง สีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาแล้ว เปล่งแสงทั่วทั้งตัว ร้อนแรงและสะดุดตายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ บ้าคลั่งอย่างที่สุด

เขาตระหนักได้ถึงความผิดปกติอย่างสิ้นเชิงแล้ว ตัดสินใจจะสู้สุดชีวิต!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งดุจดั่งสายรุ้งพุ่งขึ้นฟ้า สังหารจักรวาล ทะลวงหยินหยาง แหลมคมพลิกฟ้า แสบตาจนผู้คนในระยะไกลยังลืมตาไม่ขึ้น

กลับเห็นหลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป

ปัง!

กระบี่มรรคทะเลหมอกครวญ สั่นอย่างรุนแรง

ส่วนเซวียจื้อเสียนราวกับถูกฟ้าผ่าทั้งตัว กระดูกตรงหน้าอกระเบิดแตก เลือดออกเจ็ดทวาร ส่งเสียงร้องแหลมโหยหวน ร่างกายราวกับกระสอบทรายที่แตกออก กระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง

ภาพนี้สร้างความตะลึงให้ทุกคน!

ใครก็คิดไม่ถึงว่าบุคคลพลิกฟ้าระดับเซวียจื้อเสียนจะพ่ายแพ้ไวเพียงนี้ น่าอนาถเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อเกินไป

“อะไรเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ตอนนี้เจ้ารู้หรือยัง”

หลินสวินก้าวขึ้นหน้า น้ำเสียงเรียบเฉย

ทั้งลานเงียบกริบ ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างได้ยิน นี่เป็นคำพูดที่เซวียจื้อเสียนเสียดสีหลินสวิน แต่ตอนนี้ กลับเป็นตัวเซวียจื้อเสียนเองเสียแล้ว

นี่คือการอธิบายถึงคำว่าหาเรื่องใส่ตัวได้อย่างชัดเจนที่สุด

ฉึก!

เพียงแต่ตอนที่หลินสวินคิดจะสังหารเซวียจื้อเสียนให้ราบคาบ ปราณกรบี่ที่ห้อทะยานดุจรุ้งนอกท้องฟ้าก็แทงสังหารเข้ามา

เป็นหยางเทียนฉี เขาโจมตีในตอนนี้ เข้าร่วมการต่อสู้!

หลินสวินไม่แปลกใจ นัยน์ตาดำราวกับสายฟ้า จับจ้องหยางเทียน มุมปากเผยความเย็นชา

“ความแค้นในตอนนั้น ความอับอายในวันนี้ ควรจะจบสิ้นเสียที!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท