ตอนที่ 420 แกกล้าพูดถึงแม่ฉัน !
อะไรนะ !
ให้รองไจ่เซี่ยงหยวนเรียกคนมาอีกหรือ ?
คิดว่าตนเองเคยช่วยชีวิตหวางฮัวเฉียงและบังคับให้เขาออกไปได้ แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ ?
“ให้รองไจ่เซี่ยงหยวนเรียกคนมาที่นี่ มันแน่มากจริง ๆ ต้องบ้าไปแล้วล่ะ !”
บางคนถึงกับพูดไม่ถูก
“คิดว่าผบ.ตร.หวางไม่ลงมือกันมันแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ ? ให้รองไจ่เซี่ยงหยวนเรียกคนมาอีก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นคนบ้าอย่างมัน”
บางคนก็ประชด “กล้าบอกให้รองไจ่เซี่ยงหยวนเรียกคนมาที่นี่ มันช่วงกล้าจริง ๆ !”
“ที่นี่คือตระกูลเย่ แค่ลูกนอกสมรสคนเดียว มันชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ก็เป็นความเมตตาของตระกูลเย่มากแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าทำไมจนถึงตอนนี้ตระกูลเย่ถึงยังไม่ลงมืออีก !”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนเองต่างก็ตกตะลึง
ใช่แล้ว ทำไมจนถึงตอนนี้ ตระกูลเย่ถึงยังไม่ลงมือสักที ตลอดมามีแค่นายพลเฉิงและรองไจ่เซี่ยงหยวนคอยจัดการอยู่อย่างเดียว !
อีกทั้งทั้งสองก็ไม่ใช่คนของตระกูลเย่นี่
ในบรรดาเหล่าผู้มีอิทธิพลในต้าเซี่ย ผู้ที่อยู่เหนือมาคนทั้งสองก็เหลือเพียงแค่หยิบมือ แต่กระนั้นแล้วทั้งสองก็ยังได้ที่นั่งด้านนอกห้องโถง ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ !
อยากรู้เหลือเกินว่าหากผู้คนที่อยู่ด้านในลงมือ มันจะน่ากลัวขนาดไหน
“ในห้องโถงมีเพียงแค่ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งห้าเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ คนเหล่านั้นล้วนน่ากลัวกว่าคนระดับสูงในต้าเซี่ย อีสานจาง พายัพหม่า หรดีมู่ ลังงาหวาง จงหยวนไป๋ ห้าตระกูลสูงศักดิ์ เหมือนราชวงศ์ที่ยังดำรงอยู่ในสมัยโบราณ”
บางคนกลืนน้ำลาย แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่น่าเสียดาย ตระกูลของพวกเขาแม้จะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับห้าตระกูลสูงศักดิ์แล้ว แทบจะเทียบกันไม่ได้
มีเพียงแค่ตระกูลเย่เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติพอจะติดต่อด้วย
และคุณสมบัตินี้ก็มาจากอดีตเทพสงครามที่มอบชัยชนะให้ในครั้งนั้น !
ทำให้ทั้งห้าตระกูลมามอบของขวัญในงานฉลองวันเกิดได้ เกียรติยศนี้ ภายในต้าเซี่ยมีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ทำได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แรงกดดันที่เกิดจากเย่เซิ่งเทียนก็หมดไป
แม้เขาจะมีพลังระดับเทพสงครามก็ตาม สามารถทำให้หวางฮัวเฉียงออกไปได้ก็จริง แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่งมาก แต่นั่นจะเทียบกับตระกูลเย่ได้หรือ ? ยิ่งไปกว่านั้นสามารถเทียบกับห้าตระกูลสูงศักดิ์ได้หรือ ?
“ดังนั้น ตระกูลเย่จึงไม่คิดจะสนใจเขาเลยจนกระทั่งตอนนี้ เขาก็แค่ลูกไก่ในกำมือ ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น”
“ใช่แล้ว สำหรับคนจากตระกูลสูงศักดิ์ทั้งห้า หากให้ความสำคัญกับลูกนอกสมรสคนนี้มากนักก็คงจะดูไม่ดี คุณชายเย่เสียงแม้จะถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าไป ตระกูลเย่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก”
“แต่ฉันได้ยินมาว่า ตอนนี้ในตระกูลเย่เหลือเพียงเย่เซิ่งเทียนเท่านั้นที่เป็นผู้สืบทอดสายเลือดประหลาด…”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้อย่าพูดมาก”
พูดถึงสายเลือดประหลาด บางคนถึงกับเปลี่ยนสีหน้า แม้ว่าหลายคนจะรู้เรื่องนี้ แต่นี่คือข้อห้ามในตระกูลเย่
ว่ากันว่าเทพสงครามในยุคนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากเลือดประหลาดไว้
ที่น่าอายก็คือ ตอนนี้ผู้สืบทอดสายเลือดประหลาดเหลือเพียงเย่เซิ่งเทียนคนเดียวเท่านั้น
นี่มันเหมือนกับตระกูลเย่ถูกตบหน้าเลย !
เพราะในยุคของเย่จิงหงไม่มีใครเป็นสายเลือดประหลาด จนกระทั่งยุคของเย่ห้าว สายเลือดประหลาดมีเพียงพี่ชายของเขาเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ดันมาเสียชีวิตในสนามรบไปก่อน
ที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ เย่เซิ่งเทียนมีสายเลือดประหลาด ซึ่งลูกของเขาเองก็มีสายเลือดประหลาดด้วย โดยปกติแล้วสายเลือดประหลาดจะปรากฏตัวออกมาแค่รุ่นละคนเท่านั้น !!
ทุกคนในต้าเซี่ยต่างก็รู้ว่าการที่เย่เซิ่งเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นก็เหมือนกับตระกูลเย่ถูกตบหน้า
หยวนเวินจินไม่สนใจคำพูดของคนรอบข้าง เขาจ้องไปยังเย่เซิ่งเทียนด้วยแววตาลึกล้ำ “เย่เซิ่งเทียน พอได้แล้วล่ะ ตระกูลเย่ไม่สนใจนายไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เพราะไม่อยากทำต่างหาก หยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องภายหลังที่ตามมาจะยิ่งซับซ้อน”
“นายก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงไม่พอ ยังสังหารเย่เสียงและหงหยวน จนถึงตอนนี้คุณท่านเย่ก็ยังไม่จัดการกับนาย นายน่าจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่คุณท่านเย่ในโอกาสแก่นาย ให้ความสบายใจแก่พวกนายทั้งสองฝ่าย อย่าคิดว่าแม่ของนายเสียไปแล้ว แล้วนายจะเกลียดตระกูลเย่ไปตลอด แม่ของนายเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีฐานะอะไร ยังไงก็ไม่สามารถร่วมกับตระกูลเย่ได้ ที่ขับไล่เธอไปตอนนั้นก็ถือเป็นเรื่องดีแล้ว”
“หุบปาก !!”
เย่เซิ่งเทียนที่เงียบมาตลอด เมื่อได้ยินหยวนเวินจินพูดถึงแม่ของตนแบบนี้ ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้น ทันใดนั้นร่างของเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าหยวนเวินจินพร้อมกับง้างมือตบลงไปบนหน้าของเขาอย่างแรง !
“แกเป็นใคร ถึงกล้าพูดถึงแม่ข้า !!”