บทที่ 443 ไม่คู่ควรที่จะคุกเข่าให้แม่ฉัน
เย่จิงหงก็ได้คุกเข่าลงแล้ว!
หยวนเวินจินและคนอื่นๆ ไม่ถือความหวังในใจอีกต่อไป และก็มองเห็นจุดจบที่น่าสังเวชของตัวเองแล้ว!
ในคราวนี้ มันได้จบสิ้นอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว
ตระกูลเย่ยกอดีตจอมพลออกมา แต่ไม่นึกเลยว่า การตบหน้าอย่างโหดเหี้ยมที่สุด มาจากอดีตจอมพล!
เย่จิงหงเป็นบุตรของอดีตเทพสงครามเย่ ใครจะกล้าทำอะไรเขาได้? ใครมีคุณสมบัติที่จะลงมือกับเขา?
ไม่เห็นหรือว่าในท้ายที่สุดเขาไม่ได้แม้แต่จะไว้หน้าขุนหลวงหยางทาวเลย?
แต่ตอนนี้อดีตจอมพลลงมือเอง การตบครั้งนี้ทำให้เย่จิงหงตกจากสวรรค์สู่นรกโดยตรง
และมีเพียงเย่จิงหงเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ตระกูลเย่ไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงเลย!
เย่จิงหงมองไปที่เย่เซิ่งเทียนด้วยท่าทางที่ซับซ้อน และตอนนี้ในสายตาของเขาก็มีเพียงความเสียใจ
ถ้าในปีนั้นตัวเองไม่ได้ตัดสินใจโง่ๆ แบบนั้น ถ้าหากว่าตัวเองไม่ได้ขับไล่แม่ลูกพวกเขาออกไป และถ้าหลังจากนั้นเขาได้ตามตัวเย่เซิ่งเทียนกลับมาทันเวลา งั้นเกียรติยศของเย่เซิ่งเทียน ก็จะเป็นของตระกูลเย่ทั้งหมด!
มีเทพสงครามสามคนในตระกูลเย่ หนึ่งคนคือเทพสงครามรุ่นแรกในประเทศต้าเซี่ย อีกหนึ่งคนคือเทพสงครามอันดับหนึ่งในรุ่นที่สองของประเทศต้าเซี่ย และอีกคนเป็นผู้นำเทพสงคราม!
ตระกูลไหนจะสามารถเปรียบได้ กับตระกูลเย่ที่เป็นแบบนี้?
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ผู้นำเทพสงครามที่น่าตื่นตาที่สุด กลับถูกบังคับให้กลายเป็นศัตรูกับตระกูลเย่!
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังทำเหมือนกลัวว่าจะรุกรานไม่สุด ทำให้เขาขุ่นเคืองอย่างสุดขีดครั้งแล้วครั้งเล่า ทำลายจิตใจของเย่เซิ่งเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า
เย่จิงหงตบหน้าตัวเองอย่างแรงสองครั้ง และกล่าวด้วยเสียงเศร้าว่า “ศิษย์พี่ ผมผิดไปแล้ว!”
“เจ้าเทพ เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น เป็นความผิดของฉัน และความผิดของตระกูลเย่! ฉันยินดีที่จะรับความผิดทั้งหมด ฉันขอต้อนรับย้ายโลงศพของคุณแม่ท่านเข้ามาฝังในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลเย่ และตระกูลเย่ยินดีที่จะสร้างอนุสาวรีย์ให้แม่ของท่าน ทุกคนในตระกูลเย่ ยินดีที่จะใส่ผ้าขาวไว้ทุกข์ เพื่อชดใช้โทษบาปของพวกเรา”
หยวนเวินจินและคนอื่นๆ รสชาติในหัวใจของพวกเขานั้นยากที่จะเข้าใจ และมันช่างขมขื่นอย่างยิ่ง
พวกเขาพยายามที่อยากจะประจบประแจงตระกูลเย่ที่สูงส่ง ซึ่งในตอนนี้ถูกเย่เซิ่งเทียนไอ้ลูกทรพีคนนี้ของตระกูลเย่เหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าไปแล้ว!
ตระกูลเย่ที่หยิ่งผยองอย่างยิ่ง ในตอนนี้ได้ก้มศีรษะอันสูงส่ง และคุกเข่าลงขอความกรุณาจากเย่เซิ่งเทียน!
และก่อนหน้า พวกเขายังคงตามติดตระกูลเย่ เพื่อที่อยากจะประจบประแจงตระกูลเย่ และยังจะลงมือต่อต้านเจ้าเทพอีกด้วย!
มันช่างน่าขำเสียจริง!
แม้แต่ตระกูลเย่เอง ก็ยังถูกเย่เซิ่งเทียนเหยียบย่ำ!
พวกเขา ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถูกเย่เซิ่งเทียนเหยียบย่ำเลย!
ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เย่เซิ่งเทียนไม่มองหน้าพวกเขาเลย อันที่จริงก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอเลย พวกเขาไม่คู่ควรนั่นเอง!
แต่พวกมัน ก็ยังพุ่งเข้าใส่อย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดี……..
“เดิมทีเจ้าเทพไม่ได้คิดที่จะสนใจกับพวกเราเลย เราเป็นฝ่ายรนหาที่ตายเอง……..”
ในหัวใจของหยวนเวินจินและเฉิงเทียนกุ้ย มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือขมขื่นอย่างยิ่งในเวลานี้
ตระกูลเย่พยายามที่จะซ่อมแซมรอยร้าวนี้ เจ้าเทพจะให้อภัยตระกูลเย่หรือไม่?
เย่ห้าวที่ปานตาย อ้าปาก และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาถูกเย่เซิ่งเทียนทุบตีไปจนปานตาย และจนไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียว
แต่สามารถเห็นได้จากน้ำตาที่หางตา เต็มไปด้วยความสำนึกผิดในดวงตาของเขา
เขาเย่ห้าว รู้สึกเสียใจแล้ว!
แต่จะเสียใจในตอนนี้ ดูเหมือนว่า มันจะไม่สายไปหน่อยเหรอ
คนของตระกูลเย่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดเลย คุณท่านเย่ก็คุกเข่าลงบนพื้น รอคำตอบของเย่เซิ่งเทยน
อดีตจอมพลมองเย่เซิ่งเทียนอย่างกระตือรือร้น หากเขาไม่เคยสั่งให้ลงมือกับเย่เซิ่งเทียนมาก่อน งั้นเขาก็ยังสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้บ้าง
แต่เย่เซิ่งเทียนเคยช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขาเกือบจะแก้แค้นแทนบุญคุณ ซึ่งมันทำให้เขาละอายใจอย่างยิ่ง และไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรได้
สำหรับหร่วนซื่อสงและกัวปิงสองคน ถ้าหยางทาวไม่เอ่ยปากพูดก่อน พวกเขาก็จะไม่เอ่ยปากพูดเช่นกัน
ตอนนี้คนเดียวที่มีคุณสมบัติที่จะชักชวนเย่เซิ่งเทียน ก็เหลือเพียงแค่ขุนหลวงหยางทาวแล้วเท่านั้น
แต่หยางทาวไม่เอ่ยปากพูดก่อน ใครก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
เย่เซิ่งเทียนมองดูคนของตระกูลเย่ที่คุกเข่าเต็มทั่วพื้นอย่างเย็นชา ความเกลียดชัง และอารมณ์ทั้งหมด ความโกรธและความไม่เต็มใจทั้งหมด และในที่สุดก็ได้กลายเป็นคำพูดประโยคเดียว “ตระกูลเย่ของพวกมึง ไม่คู่ควรที่จะคุกเข่าให้แม่ของฉัน!”