บทที่ 451จ้าวปิงถูกทำร้าย
เมื่อเห็นหลี่เซียงหลันและคนอื่น ๆ เย่เซิ่งเทียนก็ขมวดคิ้ว
เขาต้องการดูว่า หลี่เซียงหลันสามารถทำอะไรได้บ้าง
คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเธอ
จ้าวปิงตกตะลึงเช่นกัน เขารู้จักหลี่เซียงหลันและมู่ซิ่วหลิน มู่ซิ่วหลินเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ และตอนนี้เขาเป็นประธานของบริษัทมหาชน ถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง
สองคนนี้ต้องการจัดการครอบครัวของเจ้าเทพหรือ?
พวกเขาเป็นญาติกับครอบครัวของเจ้าเทพไม่ใช่หรือ
แต่เพียงแค่สักครู่จ้าวปิงก็คิดออก ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแข่งขันระหว่างเศรษฐี
และเห็นได้ชัดว่าหลี่เซียงหลันรู้สึกว่าครอบครัวของเจ้าเทพนั้นรังแกได้ง่าย และเธอเพียงแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่าตนเองเหนือกว่าเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ และทันใดนั้นจ้าวปิงก็มีความคิดที่จะเฝ้ามองความคึกคักนี้ แต่วินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกตกใจ นึกไม่ถึงว่าตนเองมีความคิดที่จะเฝ้ามองความคึกคักของเจ้าเทพ แม่งฉิบหาย นี่มันเป็นการรนหาความตาย
จ้าวปิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหน็บหนาว เขาจึงรีบเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ประธานมู่เกิดอะไรขึ้น?”
ขอเพียงแค่สามารถมีโอกาสแสดงผลงานให้เจ้าเทพเห็น จ้าวปิงจะไม่ปล่อยโอกาสไปอย่างแน่นอน
มู่ซิ่วหลินขมวดคิ้วเช่นกัน เมื่อสักครู่เขาเห็นจ้าวปิงคุยกับครอบครัวของหลี่หลาน และรู้ว่าพวกเขารู้จักกัน
แต่รู้จักกันแล้วยังไงล่ะ? ภรรยาของเขาถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ และต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ จะให้เขาแกล้งทำเป็นถ่อมตนหรือ?
ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นประธานของบริษัทมหาชน ภรรยาของเขาถูกทำร้ายจนหน้าบวม ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติเขามู่ซิ่วหลินเลย
“ประธานจ้าว”
มู่ซิ่วหลินกล่าวอย่างเย็นชา “คุณรอสักครู่ ภรรยาของผมถูกทำร้ายจนแทบจะจำหน้าไม่ได้แล้ว ผมจะแก้แค้นให้ภรรยาผมก่อน แล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
หลี่หลานรู้สึกกระวนกระวายใจ และขาดความมั่นใจอย่างสิ้นเชิง ความน่าเกรงขามเมื่อสักครู่นั้นเป็นการโอ้อวดต่อหน้าลูกสาวและลูกเขยเท่านั้น
เธอไม่มั่นใจว่าตระกูลหลี่จะยอมรับหรือไม่
ตอนนี้ มู่ซิ่วหลินมาหาถึงที่แล้ว ควรจะทำอย่างไรดี?
หวางซีจับมือเย่เซิ่งเทียนด้วยความประหม่า พวกเขาเป็นคนตระกูลหลี่ และตอนนี้บุคคลสำคัญทั้งหมดของห้ามณฑลในเจียงหนานก็อยู่ที่นี่แล้ว หากครอบครัวของตนเองล่วงเกินพวกเขา แล้วต่อไปครอบครัวของตนเองก็จะไม่มีทางรอดแล้ว
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?
ถึงแม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะต่อสู้เก่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“ต้องโทษคุณ ที่ชอบทำตัวโดดเด่น เมื่อสักครู่ถ้าอดทนหน่อยก็ไม่มีอะไรแล้ว” หวางซีบ่นเบา ๆ
ขณะนี้จ้าวปิงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ประธานมู่เป็นความเข้าใจผิดใช่ไหม? คนนั้นคือคุณเย่ ประธานมู่คุณเห็นแก่หน้าของผมเถอะ เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ได้ไหม? ประธานมู่คุณเชื่อผม ขอเพียงคลี่คลายความเข้าใจผิดนี้ ต่อไปคุณจะไม่มีปัญหาอะไร”
“เข้าใจผิดอะไร!”
มู่ซิ่วหลินตบหน้าจ้าวปิง “ภรรยาของผมถูกทำร้าย เข้าใจผิด? ให้ตายสิ!”
จ้าวปิงไม่คิดว่า มู่ซิ่วหลินจะตบหน้าตนเอง และกล่าวด้วยความโมโห “มู่ซิ่วหลิน ถ้าคุณกล้าลงมือทำร้ายคุณเย่ แม่งฉิบหาย คุณมันรนหาความตาย!”
มู่ซิ่วหลินเยาะเย้ย “เอาล่ะ งั้นวันนี้ผมจะคอยดูว่าผมมารนหาความตายไหม เด็ก ๆ จับคนพวกนี้เอาไว้แล้วตีขาของพวกมันให้หัก!”
หลี่หลานกล่าวว่า “มู่ซิ่วหลิน คุณลองทำร้ายพวกเราดูสิ!”
หลี่เซียงหลันที่หน้าบวมช้ำ ด่าด้วยความโมโหว่า “หลี่หลาน คุณยังคิดว่าตนเองเป็นคนหนูใหญ่ของตระกูลหลี่อีกหรือ? คุณถูกคุณพ่อไล่ออกไปจากตระกูลตั้งนานแล้ว และคุณไม่มีชื่ออยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว คุณยังมีหน้ามาบอกว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่อีก คุณพ่อไม่อนุญาตให้คุณกลับมา แต่คุณกล้าที่จะกลับมาเอง ฉันคิดว่าคุณไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว! วันนี้ถึงแม้ว่าฉันจะฆ่าคุณตาย คุณพ่อก็จะไม่ว่าอะไร!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลี่หลานพูดอะไรไม่ออก สีหน้าของเธอทรุดลง เธอรู้ว่าตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไป เธอมาอวยพรวันเกิดของพ่อที่ตระกูลหลี่ โดยที่ยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ตนเองคิดอะไรอยู่
นี่เป็นการหาเรื่องทำให้ตนเองอับอายไม่ใช่หรือ?
หลี่เซียงหลันเอามือเท้าเอว และกล่าวด้วยความน่าเกรงขามว่า “พวกคุณยังยืนเซ่ออยู่ทำไม? รีบลงมือจัดการสิ!”