Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 489 ความแค้นทั้งหลาย
“เจ้าหนุ่มน้อย เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นอันตรายมาก ฉันจะให้โอกาสเจ้าพูดว่าหัวเวิ่นยีเป็นขยะ และฉันก็จะไว้ชีวิตเจ้า”
โก้วหวยเป็นเหมือนเด็กคนหนึ่ง บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ และเขาพูดด้วยความโกรธว่า
หมอกู่หวังหลิงยังคงพูดออกมาด้วยสองสามคำว่า “พูดอีกทีดิ”
ตอนที่หมอผีจั่วอู๋เต้าพูดมักจะน่ากลัวเสมอ ในน้ำเสียงของเขานั้นสั่นเทาเล็กน้อย ก็เหมือนกับผีตัวหนึงที่กำลังพูด “เอี้ยะๆๆ ดูเหมือนว่าเจ้ากับหัวเวิ่นยีไอ้สัตว์นรกเฒ่าตัวนั้นจะรู้จักกัน ในวันนี้เราก็มาวิจัยศพของเจ้าก่อน หลังจากนั้นค่อยวิจัยศพของหัวเวิ่นยีไอ้สัตว์นรกคนนั้น”
รูปลักษณ์ที่บ้าคลั่งของคนพวกนี้ ทำให้หวางซีตกใจอย่างยิ่ง เธอรีบดึงแขนของเย่เซิ่งเทียน “เรารีบจากไปกันเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนส่ายหัวเบาๆ สมาคมทางการแพทย์ในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม
ในเวลานั้นหนึ่งเทวดาหกอัจฉริยะในสมาคมทางการแพทย์ ซึ่งสามารถบอกได้ว่ารุ่งเรืองอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หัวเวิ่นยีกลายเป็นผู้นำของสมาคมทางการแพทย์ หนึ่งเทวดาหกอัจฉริยะก็ได้แยกทางกัน และพวกเขาต่างไม่ชอบขี้หน้ากัน และส่วนหกอัจฉริยะก็ไม่ฟังคำสั่งของหัวเวิ่นยี และก็ไม่ยอมรับหัวเวิ่นยีเลย
และหัวเวิ่นยีก็เป็นคนมีนิสัยหยิ่งทะนง และไม่เก่งในด้านการสื่อสาร บวกกับเขาเอาใจใส่แต่ในการแพทย์อย่างเต็มที่ และไม่ได้ใส่ใจกับการจัดการสมาคมทางการแพทย์เลย ซึ่งนำมาสู่ความโกลาหลของสมาคมทางการแพทย์ในปัจจุบัน
หากเย่เซิ่งเทียนไม่ได้สืบทอดทักษะทางการแพทย์ งั้นเขาก็จะไม่มีความรับผิดชอบไปจัดการสมาคมทางการแพทย์
แต่หลินเต้าจื่ออาจารย์ไม่เอาไหนที่ได้ถ่ายทอดวิถีการแพทย์ให้กับเขาในปีนั้น ได้มอบหมายภารกิจอันสำคัญนี้ให้กับเขาก่อนที่จะเสียชีวิต ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลมัน
หลายปีที่ผ่านมาเย่เซิ่งเทียนอยู่แต่ในสนามรบมาโดยตลอด ปกป้องบ้านเมืองประเทศชาติ และไม่มีเวลาดูแลเรื่องของสมาคมทางการแพทย์เลย
ในเมื่อตอนนี้เขากลับมาแล้ว เพื่อที่จะบรรลุคำพูดสุดท้ายของชายชรา เขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร?
เย่เซิ่งเทียนถอนหายใจอย่างลับๆอยู่ในหัวใจของเขา ตามที่เขาได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสามารถของตัวเองก็ได้แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่า ชายชรานั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ!
เขาคาดเดาว่า ถ้าชายชรายังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นตัวเขาเองในตอนนี้ ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเลย
แต่ความแข็งแกร่งดั่งชายชรา และตอนที่ได้เจอกับเขาในเวลานั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เย่เซิ่งเทียนได้แอบสืบสวนเรื่องนี้อย่างลับๆ แต่จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย
ในโลกใบนี้ ช่างมีสิ่งลึกลับมากมายเหลือเกิน
เย่เซิ่งเทียนทิ้งความคิดเหล่านี้ออกจากหัว กวาดสายตามองไปยังหมอเทวดาหกอัจฉริยะของสมาคมทางการแพทย์ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนน่ากลัวเหมือนผี และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในสมัยนั้นมีหนึ่งเทวดาหกอัจฉริยะในสมาคมทางการแพทย์ และหัวเวิ่นยีก็บดขยี้พวกเจ้าหกคนด้วยตัวคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหัวเวิ่นยีไม่มีใจที่จะแย่งชิงอำนาจ พวกเจ้าทั้งหกคนจะยังใช้ชีวิตได้อย่างสบายเช่นนี้อยู่หรือไม่? สมาคมทางการแพทย์ที่ดีๆ ถูกพวกเจ้าหกคนทำลายจนแตกแยกไปหมด จั่วอู๋เต้าก็น่ากลัวดั่งผี หวังหลิงตอนนี้เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? หูชิงหนิวเจ้ายังจำวิธีการช่วยชีวิตผู้คนได้อยู่หรือไม่?”
สีหน้าของทั้งสามคนมืดมนลง เพื่อความเอาชนะ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกว่าหัวเวิ่นยี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก
สมาคมทางการแพทย์ในปัจจุบันก็ว่นวาย และมันก็มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับทั้งสามคน
เย่เซิ่งเทียนมองไปที่เผยชุนชิว โก้วหวย เจียงหมิงเฉิงทั้งสามคนอย่างไม่เกรงใจ “พวกเจ้าสามคนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเลย! แม้ว่าพวกเจ้าจะยังคงยึดมั่นในความคิดที่จะช่วยโลกด้วยทักษะทางการแพทย์ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อประโยชน์ชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ทำให้สมาคมทางการแพทย์แตกแยก แบ่งส่วนเป็นหลายฝ่าย พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยงั้นเหรอ?
“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าการแข่งขันระหว่างการแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกมันเกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นอย่างไร? ตอนนี้ต่อสู้กันจนจะเป็นจะตาย เพื่อค้นคว้าทักษะทางการแพทย์หรือเพื่อชื่อเสียงและความมั่งคั่ง พวกเจ้าสามคนไม่ได้รู้อยู่แก่ใจบ้างเลยเหรอ? จะต้องให้ฉันพูดความจริงออกมาทั้งหมดเลยหรือ?”
ทั้งสามคนเงียบโดยไม่พูด แต่ในสายตาทุกคนนั้นดูไม่พอใจอย่างยิ่ง
เผยชุนชิวพูดพร้อมกับเยาะเย้ยว่า “เขาหัวเวิ่นยี มีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นผู้นำสมาคม?”
โก้วหวยกัดฟันและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะกรอบของหัวเวิ่นยี ฉันคงไม่ถูกผู้หญิงรบกวนจิตใจหรอก! แล้วฉันจะแพ้เขาได้อย่างไร! เจ้าคิดว่าพวกเรากำลังต่อสู้เพื่อชื่อเสียงและความมั่งคั่งงั้นเหรอ? หัวเวิ่นยีเขาทำอะไรลงไป เขารู้อยู่แก่ใจ! ตลอดหลายปีมานี้เขาคอยหลบๆซ่อนๆไม่กล้าปรากฏตัว ก็เพราะว่าเขาไม่กล้าสู้หน้า!”
แก๊สพิษสีดำบนใบหน้าของเจียงหมิงเฉิงยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ในเวลานี้มันกลายเป็นรูปลักษณ์ที่มีสีสัน ราวกับทาสีน้ำมันเป็นชั้นๆบนใบหน้าของเขา และพูดอย่างป่าเถื่อนว่า “หัวเวิ่นยีไอ้คนต่ำซามที่น่ารังเกียจนั้น ให้คนมาหลอกฉันว่าพ่อแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฉันพลาดการประเมิน หรือว่าเขาไม่ไร้ยางอายงั้นเหรอ!”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว เท่าที่เขารู้มา หัวเวิ่นยีไม่ใช่คนแบบนั้นเลย
ในเรื่องนี้ มันจะต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน!