Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 536 มีแผนชั่ว
ตระกูลหลี่
หลังจากเย่เซิ่งเทียนช่วยต่อกระดูกขาให้หัวเวิ่นยีเสร็จ และกล่าวว่า “ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับสมาคมทางการแพทย์?”
หัวเวิ่นยีก้มหน้าด้วยความเศร้า ถอนหายใจและกล่าวว่า “ต้องโทษที่ผมไร้ความสามารถ ทำให้อาจารย์ผิดหวัง แต่เรื่องพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับผมจริง ๆ และผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ผมกลับไปถึงสมาคมทางการแพทย์ เผยชุนชิวและคนอื่น ๆ เกลียดผมเข้ากระดูกดำไปแล้ว ผมคิดว่าพวกเขากำลังพยายามต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่ภายหลังพบว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อผมเลย”
เย่เซิ่งเทียนเข้าใจปมปัญหาทันที “นายหมายถึงช่วงเวลานั้น นายไม่ได้อยู่ที่สมาคมทางการแพทย์?”
หัวเวิ่นยีพยักหน้า และกล่าวด้วยความจำใจ “ตอนนั้น มีคนส่งจดหมายมาให้ผม บอกว่าอาจารย์ของผมเสียชีวิตอยู่นอกเมือง ผมก็เลยรีบไปจะรับศพของอาจารย์ ซึ่งอาจารย์ของผมเสียชีวิตจริง ๆ แต่ตอนที่ผมกลับมาถึงสมาคมทางการแพทย์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว และผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในความสิ้นหวัง ผมจึงเลือกที่จะหลบซ่อนตัว และพยายามสืบอย่างลับ ๆ ด้วยตนเอง แต่ผ่านไปหลายปีแล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”
“แต่พวกเขาบอกว่า นายเป็นคนทำร้ายพวกเขา แล้วนายจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วจนแน่น หากสิ่งที่หัวเวิ่นยีพูดเป็นความจริง ถ้าเช่นนั้นต้องมีแผนการใหญ่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน
หัวเวิ่นยีกล่าวอย่างขมขื่น “ผมไม่สามารถอธิบายได้ จดหมายที่อาจารย์มอบให้ผมเขียนโดยยาพิเศษ หลังจากอ่านจบแล้ว มันก็จะถูกทำลายโดยอัตโนมัติ ทำให้ผมไม่มีหลักฐานที่จะมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง อาจารย์เย่ ผมไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นจริง ๆ”
“ผมเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือของนาย แล้วตอนนั้นนายสังเกตเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?”
เย่เซิ่งเทียนยังคงถามต่อ เรื่องมันแปลกเกินไป ถ้าไม่ใช่ฝีมือของหัวเวิ่นยีแล้ว ใครจะรู้จักหัวเวิ่นยีดีขนาดนั้น?
หมอเทวดาทั้งหกแห่งสมาคมทางการแพทย์สนิทสนมกับหัวเวิ่นยีมาก หากคนอื่นปลอมตัวเป็นหัวเวิ่นยี พวกเขาจะสามารถมองออกได้อย่างแน่นอน
เว้นเสียแต่จะมีคนที่สนิทคุ้นเคยกับหัวเวิ่นยีมากเป็นพิเศษ รู้นิสัยและความเคยชิ้นทั้งหมดของหัวเวิ่นยี
ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
หัวเวิ่นยีส่ายศีรษะ “ทุกอย่างปกติ หลังจากผ่านมาหลายปี ผมระลึกนับครั้งไม่ถ้วน และได้พิจารณารายละเอียดทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ”
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แม้แต่เย่เซิ่งเทียนก็ไม่มีวิธีใด
เขากล่าวด้วยความจำใจว่า “ตอนนี้ทำได้แค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เป็นวันการแข่งขันทักษะทางการแพทย์ คุณพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ ผมจะเป็นคนไปเอง”
“อาจารย์เย่ คุณไม่รู้ร่องรอยของอดีตประธานสวี่เซียวเหยาจริง ๆ เหรอ?”
หัวเวิ่นยีถามด้วยความผิดหวัง และรู้สึกโทษตนเองเล็กน้อย ถ้าตอนนั้นเขาไม่จากไป บางทีสมาคมทางการแพทย์คงไม่แตกแยก และกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
แต่ถึงแม้จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาก็จะไปรับศพของอาจารย์กลับมาเช่นกัน
เย่เซิ่งเทียนส่ายศีรษะและถามว่า “สวี่เซียวเหยาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หัวเวิ่นยีเล่าว่า “สิบกว่าปีแล้ว จู่ ๆ เขาก็หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน? อาจารย์ของผมก็เลยออกไปตามหาเขา แล้วถูกฆ่าตาย”
เย่เซิ่งเทียนใจเต้นแรง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
ตาเฒ่าหลินได้รับเข็มเงินของสวี่เซียวเหยา ซึ่งหมายความว่าตาเฒ่าหลินกับสวี่เซียวเหยาได้พบกัน
เพียงแต่ไม่สามารถยืนยันว่า สวี่เซียวเหยายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และเขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตาเฒ่าหลินอย่างไร
แต่สรุปแล้ว หลินเต้าจื่ออาจารย์ของตนเอง ได้ขอให้ตนเองจัดระเบียบสมาคมทางการแพทย์ใหม่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงช่วยทำให้ความหวังของอาจารย์กลายเป็นความจริง
“เอาล่ะ นายพักรักษาตัวอยู่ในตระกูลหลี่ก่อน ขาของนายจะหายเป็นปกติภายในครึ่งปี ส่วนทางสมาคมทางการแพทย์นายยังต้องรับผิดชอบดูแล”
เย่เซิ่งเทียนไม่คิดที่จะรับช่วงต่อดูแลสมาคมทางการแพทย์ซึ่งทำให้หัวเวิ่นยีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังต้องการจะยกตำแหน่งประธานสมาคมทางการแพทย์ให้เย่เซิ่งเทียนด้วย
วันรุ่งขึ้น เย่เซิ่งเทียนบอกหวางซี จากนั้นเขาก็ไปตามนัดที่หอรักษา
ฝั่งหอรักษาหมอเทวดาทั้งหกเตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นกัน
“ฮึ่ม คราวนี้เจ้าเด็กคนนั้นมาที่นี่ ผมจะต้องทำให้เขารู้ว่าผมเก่งแค่ไหน!”
เผยชุนชิวกัดฟันและกล่าว
ดวงตาที่ไม่มีตาขาวของหมอพิษหูชิงหนิวประกายเจตนาฆ่า และกล่าวว่า “ถ้าเขายืนกรานที่จะปกป้องหัวเวิ่นยี งั้นก็อย่ามาโทษว่าผมโหดเหี้ยม!”