Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1303 บริวารองค์ชาย

ตอนที่ 1303 บริวารองค์ชาย

ฟ้าดินมืดมัว ไอหนาวเหน็บกดทับทั้งที่นั้น

ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นพากันถอยหนีไปโดยไม่รู้ตัว หยวนฝ่าเทียนกับราชันเผิงปีกทองน้อยพลานุภาพรุ่งโรจน์ยิ่งนัก ทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่นระรัวและกดดัน

อาหลู่กับเจ้าคางคกก็อึ้งไปก่อน จากนั้นแววตาพากันเปล่งประกายขึ้นมา เผยให้เห็นแววบ้าคลั่ง

“ในที่สุดก็มีคนที่ดูเข้าท่ามาสักที”

จิตต่อสู้ของอาหลู่เดือดพล่าน เจตจำนงต่อสู้ทะยานขึ้น

“นี่ เจ้าอย่าแย่ง ให้ข้าลองหน่อยว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนกลวงๆ ที่ดูได้แต่สู้ไม่ได้หรือไม่”

เจ้าคางคกก็ลูบมือลูบหมัด ท่าทางอยากจะลงมือรอมร่อ

สิ่งนี้ทำให้หยวนฝ่าเทียนอึ้งไป จากนั้นก็เดือดดาลพูดเสียงเหี้ยมว่า “หมาแมวที่ไหนกัน ยังกล้ามาเห่าหอนบ้าคลั่งต่อหน้าข้า ให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ไปเรียกหลินสวินออกมาแล้วจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”

เสียงของเขาราวอสนีดังลั่นฟ้าดิน ขับเน้นให้อานุภาพของหยวนฝ่าเทียนยิ่งน่าหวาดหวั่น

“อ๋อ… ที่แท้ก็ผู้หลอมกาย!”

ดวงตาอาหลู่ยิ่งเปล่งประกายเหมือนกับจับจ้องเหยื่อ เผยความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีมาก่อน เลือดลมทั้งกายต่างเดือดพล่าน

“หือ?”

ในขณะเดียวกันหยวนฝ่าเทียนก็สังเกตได้ว่ากลิ่นอายทั้งตัวของอาหลู่ไม่ธรรมดา เลิกคิ้วเอ่ยอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าก็เป็นผู้หลอมกายหรือ”

ตูม!

อาหลู่พุ่งทะลุเมฆขึ้นไปในทันใด แล้วฉีกยิ้มกว้าง “สหาย อยากเล่นกันสักหน่อยไหม ถ้าเอาชนะข้าได้รับรองว่าจะให้เจ้าได้พบพี่ใหญ่ของข้า แต่ถ้าไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าโหดกับเจ้าแล้วกัน”

หยวนฝ่าเทียนยิ้มด้วยความโมโหถึงที่สุด “ในวิถีหลอมกาย ข้ายังไม่เคยกลัวใคร ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าท้าทายเลย หาไม่แล้วคงตายอนาถเท่านั้น!”

ความดูแคลนหนาแน่นเจืออยู่ในเสียง

เขาเป็นลูกหลานเผ่าวานรจมูกเชิด เก็บตัวเงียบอยู่ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อันเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ที่ฝึกฝนก็คือเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ วิชาหลอมกายของเขาทะลวงจนสุดขอบเขตมกุฎมานานแล้ว มองไปในใต้หล้าล้วนไม่กลัวผู้ใด!

คำท้าของอาหลู่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้… สอนจระเข้ว่ายน้ำ โง่เขลาไม่รู้ความ!

“อาหลู่ เขาดูถูกเจ้าเห็นๆ เปลี่ยนเป็นข้าเข้าไปแทนดีไหม”

เจ้าคางคกโวยวายเสียงดัง

“เหลวไหล ดูว่าข้าจะรังแกเขาอย่างไรเถอะ!”

ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ผิวหนังทั้งตัวอาหลู่พองขยาย ทั้งร่างกายแผ่ไอเลือดคับฟ้าออกมา ราวกับแปลงกายเป็นเทพเถื่อนคนหนึ่ง เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำให้ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงยุบตัว ส่งเสียงโครมครามไม่ว่างเว้น

ตูม!

อาหลู่ลงมือแล้ว ยามกระแทกหมัดหนึ่งออกไป ในห้วงอากาศก็บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดลักษณ์เทพกดข่มห้วงดารา บดบังฟ้าดิน ทรงพลังจนหมื่นบุรุษไม่อาจต้านทาน

“เอ๋ วิชาดาวเหนือสยบโลกา! เจ้าลิง คนผู้นี้เป็นผู้สืบทอดสายเลือดจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ อย่าประมาทเด็ดขาดล่ะ!”

ไกลออกไปราชันเผิงปีกทองน้อยรีบเตือน

“หึ!”

หยวนฝ่าเทียนสีหน้าเย็นชา เกิดเสียงกระทบชิ้งๆ ราวเสียงกระบี่ขึ้นภายในร่าง นั่นสะท้อนว่าพลังเลือดลมในร่างกายน่ากลัวถึงที่สุด

ก็เห็นว่าแสงกระจ่างอันงดงามสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา สะท้อนลักษณ์แห่งเทพธรรมบาล ท่ามกลางความคลุมเครือ ภายในแสงกระจ่างสายแล้วสายเล่านั้นประหนึ่งมีเทพสั่งการ สวดภาวนาอยู่ภายใน สถานการณ์สะท้านโลกา

“ปล่อย!”

หยวนฝ่าเทียนกระโจนขึ้นไป ชกหมัดหนึ่งออกมาเช่นกัน พลังหมัดนั้นดุจดั่งสร้างขึ้นจากกระจกสลัก แต่กลับน่ากลัวไร้ที่สิ้นสุด มีพลังสังหารพลิกกลับจักรวาล ทำลายภูผาธารา

เปรี้ยง!

ทั้งสองเหมือนดาวหางปะทะกัน เสียงโครมครามน่าครั่นคร้ามปะทุออก ฟ้าดินแถบนั้นพลันตกอยู่ในความโกลาหล ชั้นเมฆพังทลาย เสียงธรรมไม่ขาดสาย

ตึงๆๆ!

ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาตกตะลึงทั้งมวล เหนือฟ้าสูงหยวนฝ่าเทียนกับอาหลู่ต่างถูกซัดกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว

“ไม่เลว! ไม่เลวจริงๆ!”

อาหลู่ร้องเสียงดัง ตื่นเต้นนัก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาที่เขาได้พบกับผู้หลอมกายที่มีฝีมือสมน้ำสมเนื้อ จิตต่อสู้ในใจลุกโชนโดยสมบูรณ์แล้ว

“หึ!”

หยวนฝ่าเทียนสายตาเย็นชา แต่แท้จริงในใจเก็บงำความดูถูกลงไปแล้ว

เขารู้ว่าจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพเป็นคนน่ากลัวปานไหน และในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของคนผู้นั้น วิชาในวิถีหลอมกายของคนเถื่อนผู้นี้ย่อมไม่อาจเทียบได้กับบุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไป

“ฆ่า!”

ทั้งสองประมือกันอีกครั้งโดยมิได้นัดหมาย

โครม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน มองจากไกลๆ เหมือนเทพสององค์กำลังปะทะกัน พลังกายอันน่าหวาดหวั่นปลดปล่อยอานุภาพที่สามารถทำลายโลกได้ออกมา

บนพื้นผู้สังเกตการณ์ต่างสูดหายใจเยียบเย็น หยวนฝ่าเทียนเป็นถึงพวกร้ายกาจชั้นยอด พลังกายทั้งตัวสามารถโอหังเหนือผู้คนได้ พลังต่อสู้สูงล้ำ

แต่พลังหลอมกายที่อาหลู่สำแดงออกมากลับไม่ด้อยไปกว่ากันสักนิด สู้กับหยวนฝ่าเทียนจังๆ ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง!

‘อาหลู่คนนี้ก็เป็นบุคคลที่มาพร้อมกับโชควาสนายิ่งใหญ่ ถึงกับทะลวงมรรคหลอมกายมาได้ถึงขั้นนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย’

ในใจของราชันเผิงปีกทองน้อยก็ลอบตกตะลึงไม่หยุด

ที่พวกเขามาคราวนี้ก็เพื่อประมือกับหลินสวิน ใครจะไปคิดได้ว่ายังไม่ทันได้พบหลินสวิน กลับมีบุคคลแข็งกร้าวอย่างยิ่งยวดผู้หนึ่งออกมาสู้

“เจ้านกเผิงน้อย ไม่สู้พวกเรามาเล่นด้วยกันหน่อยเล่า”

ทันใดนั้นเบื้องหน้าราชันเผิงปีกทองน้อยก็พร่าเลือน แล้วจึงเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งยืนยิ้มน้อยๆ ห่างออกไปนอกร้อยจั้ง

“เจ้าคางคกเรื้อน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าหาที่ตายดีกว่า!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยสีหน้าถมึงทึง แววเย็นชาผุดออกมาจากหว่างคิ้ว

เขาสวมชุดทองทั้งตัว รูปลักษณ์ธรรมดา แต่กลับมีกลิ่นอายพยศจองหอง และด้วยมีฐานะเป็นลูกหลานพญาเผิงปีกทอง ใครจะกล้ามาเรียกเขาเช่นนี้

“ปากดีจริงนะ! วันนี้ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าอย่างไรเรียกอาจหาญกำราบเผิง!”

เจ้าคางคกออกโจมตีในทันใด กลิ่นอายกลืนตะวันคายจันทรา นิ้วมือแปลงเป็นดาบฟาดฟันออกไปเหมือนสายฟ้าฟาด

‘ดุดันนัก!’

หลายคนลอบประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้ผู้คนในโลกล้วนรู้ว่าหลินสวินใจกล้าเกินใคร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่สองพี่น้องคู่นี้ก็ล้วนห้าวหาญนัก

คนผู้นั้นเป็นถึงราชันเผิงปีกทองน้อย บุคคลระดับนายเหนือหัวที่โอหังเหนือโลกาผู้หนึ่ง พยศอวดดี กล้าหาญเหนือคนรุ่นเดียวกัน!

หลายปีมานี้แม้เขาจะวางตัวถ่อมตน แต่กลับไม่มีใครกล้าละเลยการมีอยู่ของเขา!

แต่เจ้าคางคกกลับไม่สนใจเลย

“กบก้นบ่อ รนหาที่ตาย!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยก็โมโหแล้ว เงาร่างระเบิดแสงทองเปล่งประกายออกมา เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ รัศมีสายฟ้าแวววาวสายแล้วสายเล่าพลิกตลบอยู่รอบกายเขา

ชั่วพริบตาเขาเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน แผ่ประกายคมล้ำเลิศออกมา ทุกการกระทำล้วนปล่อยอานุภาพโอหังเหนือสรรพสัตว์

“ทลายนภาคราม!”

ลำแสงสีทองเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของราชันเผิงปีกทองน้อย เฉียบคมบาดตาดั่งกระบี่เทพดุจดาบเซียน ขึ้นรับการโจมตี

โครม!

ตรงนั้นฟ้าดินพลิกผัน ละอองแสงโชติช่วง.ไอรีนโนเวล.

ที่ทำให้ราชันเผิงปีกทองน้อยประหลาดใจก็คือ ด้วยการโจมตีนี้เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นกลับเพียงถูกซัดถอยไปเท่านั้น แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

ควรรู้ว่าการโจมตีนี้ของเขาสามารถสังหารศัตรูรุ่นเดียวกันอย่างง่ายดาย ไม่ได้ออมมือหรือหยั่งเชิงสักนิด แต่ตอนนี้กลับถูกรับไว้ได้ พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายไม่อาจดูแคลนง่ายๆ

“เข้ามาอีก!”

กลับเห็นว่าเจ้าคางคกร้องเสียงดัง โอหังบ้าระห่ำดุจอัคคี ไฟต่อสู้ไหลวนถาโถมในนัยน์ตาสีทอง พุ่งตัวมาข้างหน้า ผมยาวพลิ้วไหวบ้าคลั่ง บนใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความบ้าระห่ำ

“ในเมื่อเจ้าหาที่ตายเอง ก็จะให้เจ้าสมใจ!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยสีหน้าถมึงทึงโดยสมบูรณ์แล้ว รู้สึกถูกหยามเกียรติ จึงไม่ลังเลอีก ปลดปล่อยพลังพุ่งขึ้นไป

ตูม!

ชั่วพริบตาทั้งสองก็ประมือกันมากกว่าร้อยครั้ง สู้กันจนฟ้าดินหม่นหมอง ตะวันจันทราอับแสง เหนือห้วงอากาศมีแต่รอยเงาที่พวกเขาหลงเหลือไว้เต็มไปหมด

ชั่วขณะเดียวผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลออกไปต่างตื่นเต้นจนตัวสั่นระริก

คิดไม่ถึงสักนิดว่าเพียงครู่สั้นๆ จะเกิดการประลองหายากถึงสองครั้งเสียได้ ไม่ว่าจะเป็นหยวนฝ่าเทียนหรือราชันเผิงปีกทองน้อย ต่างพบเข้ากับคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก!

การประมือระดับนี้โดยทั่วไปหาชมได้ยากนัก จะไม่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นได้อย่างไร

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นบนยอดเขาฝนดาวตกแล้ว เขาทอดตามองการต่อสู้ทั้งสองที่กำลังปะทุขึ้นไกลออกไป สีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นไหว

เพียงแต่ตอนเห็นหยวนฝ่าเทียนใจเขาก็กระตุก ลอบพูดว่าข้ากำลังหาเจ้าพอดี เจ้ากลับมาเยือนถึงที่เสียเองแล้ว!

ชั่วขณะนั้นสายตาที่เขามองไปยังหยวนฝ่าเทียนก็เจือไปด้วยนึกสนุก

ช่วงก่อนหน้านี้หลังจากใคร่ครวญเรื่องมรรคหลอมกาย ความจริงหลินสวินได้ตัดสินใจไปแล้ว เพียงแต่เมื่อจะลงมือปฏิบัติจริง กลับจำเป็นต้องมีจุดเปลี่ยนสักครั้งหนึ่ง

และจุดเปลี่ยนนี้ก็อยู่กับหยวนฝ่าเทียน!

ขณะนี้หลินสวินถึงกับยังแอบรู้สึกบังเอิญเหมือนฟ้าลิขิต

“อาหลู่ ในเมื่อเจ้าหมอนี่กล้ามาหยาม ก็จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด”

หลินสวินพลันส่งเสียงกังวานดังก้องในฟ้าดิน

เทพมารหลิน!

ทุกคนทั้งที่นั้นล้วนหันมอง ต่างรู้สึกทึ่ง จากนั้นก็โกลาหลโดยสมบูรณ์แล้ว เทพมารหลินที่จำศีลไม่ออกมาโดยตลอดปรากฏตัวขึ้นในขณะนี้ คาดการณ์ได้ว่าการต่อสู้วันนี้คงไม่ได้ปิดฉากอย่างสงบแน่!

“พี่ใหญ่ เจ้าวางใจได้ ข้าจะจับเจ้าลิงน้อยเผ่าวานรจมูกเชิดนี่เสีย!”

อาหลู่หัวเราะร่า ห้าวหาญหยาบกระด้าง

มองเห็นทั้งหมดนี้ทำให้หยวนฝ่าเทียนกราดเกรี้ยว ดวงตาลุกวาว ไอสังหารพลุ่งพล่าน

“หลินสวิน รอข้าฆ่าเจ้าคนเถื่อนนี่ได้ค่อยไปทวงแค้นในตอนนั้นจากเจ้า เจ้าวางใจได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย!”

เขาตะคอกลั่น กลิ่นอายยิ่งแข็งกล้าขึ้นไปอีก

หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรต่อ

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็หรี่ตาลง มองไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วสื่อจิตว่า ‘เจ้าดำ มีคนมาอีกแล้ว ข้าจะไปรับหน่อย เจ้าจับตาดูการต่อสู้ของพวกอาหลู่ไว้ ควรลงมือก็ลงมือเสีย’

พูดจบเขาก็กระโจนขึ้นไปในเวหา สองมือไพล่หลัง ยืนตระง่านกลางอากาศรออยู่เงียบๆ

เหนือเขาฝนดาวตก นกทมิฬชะเง้อหัวออกมาลับๆ ล่อๆ มองดูเวิ้งฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ทันใดนั้นก็กระจ่างใจ มันหัวเราะหึๆ พูดว่า “ให้ข้าจัดการเอง”

ครู่ต่อมามันก็หายลับไป

ก็ในตอนนี้เอง เสียงรื่นหูราวเสียงสวรรค์เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือเขาฝนดาวตก

“หวั่นอินสาวใช้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชาย พาเหล่าผู้ร่วมมรรคมาเยี่ยมเยียนสหายยุทธ์หลิน!”

ท่ามกลางสายตาจับจ้องอันตื่นตะลึงทั้งมวล ที่เวิ้งฟ้าไกลลิบปรากฏเงาร่างแถวหนึ่ง ผู้ที่นำหน้ามาเป็นหญิงสาวงามสง่าที่ทั้งร่างโอบล้อมอยู่ท่ามกลางหมอกฝนพร่ามัวผู้หนึ่ง ดุจเทพธิดามาเยือนโลกา

เบื้องหลังของนางมีเงาร่างห้าร่างตามมาด้วย มีทั้งชายทั้งหญิง ล้วนขี่ลมเหนือฟ้าสูง กลิ่นอายประหนึ่งทวยเทพ แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ

ในที่นั้นเงียบสงัดไปชั่วขณะ ทุกคนฉงนใจไม่ว่างเว้น

ใครก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะครึกครื้นขนาดนี้ หลังจากหยวนฝ่าเทียนกับราชันเผิงปีกทองน้อยมาเยือน ยังมีคนมาเยือนเขาฝนดาวตก อีกทั้งยังทรงพลังมหาศาล!

แม้แต่เจ้าคางคก อาหลู่ หยวนฝ่าเทียนและราชันราชันเผิงปีกทองน้อยที่กำลังขับเคี่ยวดุเดือด เวลานี้ก็ประหลาดใจอยู่บ้างเช่นกัน

แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ จดจ่อกับการต่อสู้โดยไม่กล้าวอกแวก

“อวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลี…”

หลินสวินกวาดสายตามองดู พลันจำใบหน้าคุ้นตาได้หลายคน

สุดท้ายสายตาเขาหยุดลงที่หวั่นอินผู้นำหน้ามา ในใจก็เข้าใจแล้ว

ยามช่วยอาหลู่ที่แดนโบราณหมื่นลักษณ์ตอนนั้น เขาเคยฟันหนึ่งกระบี่ออกไปกลางอากาศ ทำร้ายบุคคลล้ำเลิศที่ซ่อนตัวในความมืดผู้หนึ่ง

ตอนนี้ดูท่าก็คงจะเป็นหญิงสาวนามหวั่นอินผู้นี้

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท