Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 679 ความยากลำบากของเย่เซิ่งเทียน
หลังจากจัดการเรื่องของสมาคมทางการแพทย์เรียบร้อย ในที่สุดเย่เซิ่งเทียนก็ได้ปล่อยวางสักที
ถึงแม้ว่าจะมอบหมายงานไปแล้ว แต่ก่อนที่จะไม่มีผลลัพธ์อะไร ยังไม่กล้าที่จะปล่อยวางมากนัก
ทางฝั่งของขุนหลวงก็ได้มอบหมายให้เขาจัดการ เขาจะต้องทำให้ออกมาดีที่สุด
อย่างน้อย ในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสมาคมทางการแพทย์ จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องไม่เป็นเรื่องดังเช่นก่อนหน้านี้อีก
ด้วยเหตุนี้ ส่วนหลักของสมาคมทางการแพทย์มีการบริหารที่กระชับฉับไว
เมื่อหมากก้าวนี้ร่วงลง จะกระทบต่อผลประโยชน์ของคนจำนวนนับไม่ถ้วน เย่เซิ่งเทียนได้เตรียมการต้อนรับพายุลมฝนเรียบร้อยแล้ว
การจัดการเรื่องเหล่านี้ภายในประเทศ ยากกว่าการกำกับสงครามมาก
เขาให้หอมังกรเทพมาช่วยเหลือสมาคมทางการแพทย์ เขาเป็นห่วงหัวเวิ่นยีคนเหล่านี้ จะไม่สามารถยับยั้งกลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้ได้
ต่อไป ก็ดูผลลัพธ์ว่าจะเป็นอย่างไร
หลังจากที่หัวเวิ่นยีและคนอื่นๆเดินจากไป เย่เซิ่งเทียนก็เริ่มเรียบเรียงเรื่องราวของตระกูลเก่าแก่
การดูแลจัดการสมาคมทางการแพทย์ให้ใช้มีดต่อสู้กับเหล่าตระกูลเก่าแก่ นี่เป็นเรื่องสองแง่หนึ่งมุม ที่เหลือก็ต้องดูว่าเหล่าตระกูลเก่าแก่จะรับมืออย่างไร
ทางด้านตระกูลซ่งในเมืองโมตู ได้มีการเปิดช่องต่อสู้กับตระกูลเก่าแก่ ตระกูลมู่แห่งหรดีสามารถไปติดต่อดูก่อนได้ ถือว่าเขียนเสือให้วัวกลัว
ถ้าหากสามารถควบคุมตระกูลมู่ได้ จัดการเรียบร้อย ก็จะเหมือนกับห้าตระกูลผู้ดี ดังนั้นทุกก้าวจะเดินผิดพลาดไม่ได้
สำหรับตระกูลเก่าแก่ เริ่มเชือดที่ตระกูลกู่ก่อนดีกว่า
อีกด้านหนึ่งของตระกูลกู่มีเบาะแสของแม่อยู่ที่นั่น อีกด้านหนึ่งคือตระกูลกับตระกูลซ่ง ตระกูลกู่จะต้องมีคำอธิบาย เพื่อเป็นข้อแก้ตัว
เย่เซิ่งเทียนนวดคลึงคิ้วเบาๆ เรื่องของตระกูลเก่าแก่ทำได้แค่จัดการให้เร็วที่สุด ห้ามร่วมมือกับพวกเขา ต้องอาศัยก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเสียก่อน ไม่เช่นนั้นตระกูลเก่าแก่จะร่วมมือกันต่อต้าน เรื่องราวก็จะยิ่งซับซ้อนขึ้น!
“ตัวตนของผม อาจจะมีคนเดาออกแล้วดังนั้นเวลาเหลือให้ผมมีไม่มาก ผมจะต้องรีบจัดการให้เสร็จ ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว ไม่อย่างงั้นก็จะเกิดภัยพิบัติ”
เรื่องของตระกูลเก่าแก่ถ้าจัดการได้ไม่ดี อาจจะนำพามาซึ่งการเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ขุนหลวงกับเขาไม่อยากเห็น
ตอนนี้ทางด้านขุนหลวงไม่สามารถลงมือในที่สว่างได้
ทำได้แค่ให้เย่เซิ่งเทียนจัดการไปก่อน ขุนหลวงพวกเขาคอยรับมืออยู่ด้านหลัง
“ทำได้แค่โจมตีทีละคน”
เย่เซิ่งเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คนเดียวที่เขารู้สึกผิดก็คือหวางซี เพื่อหมากกระดานใหญ่นี้ มีหลายครั้งที่ เขาต้องจงใจปล่อยโอกาสให้คนเหล่านั้น จึงต้องทำให้หวางซีได้รับความขมขื่น
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เย่เซิ่งเทียนก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก
แต่เขาเป็นเทพเจ้าของต้าเซี่ย หมากกระดานนี้จะต้องเดินอย่างระมัดระวัง
รวมถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเมืองเฉียนถัง ในฐานะที่เป็นเทพเจ้า เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
แต่มีบางครั้งที่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ทำให้หวางซีเสียใจ เพื่อหมากกระดานนี้
เกมหมากรุกของตระกูลเก่าแก่ ความจริงแล้วตอนที่เขามาถึง ก็ได้เริ่มลงเล่นแล้ว
ตั้งแต่ตระกูลหวางจนถึงตระกูลหมิง และจากตระกูลหมิงจนถึงตระกูลอื่นๆในเมืองเฉียนถัง หลังจากที่ทำลายตระกูล
จากนั้นก็ไปที่งานสัมมนาแลกเปลี่ยนเรื่องยารักษาโรคทางการแพทย์เพื่ออาศัยงานนี้ในการ จัดฉากการประลองหอรักษา และหลังจากนั้นก็เขียนเสือให้วัวกลัวกับตระกูลซ่ง เพื่อลงมือเชือดตระกูลกู่
ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเกมหมากรุกกระดานนี้
ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกก้าวล้วนทำเพื่อต่อกรกับตระกูลเก่าแก่
เหตุผลที่ทำให้สถานการณ์ในเจียงหนานสามารถฟื้นคืนได้ ก็คือการตั้งรกรากอยู่ที่เมืองเฉียนถัง ใช้ประโยชน์จากแอ่งน้ำขนาดเล็กอย่างเมืองเฉียนถัง เพื่อรบกวนสายตาของทุกคน
ช่วงเวลานี้ ถึงจะทำเพื่อแก้แค้น แต่ก็ทำเพื่อเปิดประเด็นเช่นกัน
ไม่เช่นนั้น จากการที่เขาเป็นเทพเจ้า หรือไม่สามารถจัดการตระกูลเหล่านั้นได้?หรือจะไม่สามารถปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองได้?
ทุกอย่าง เพื่อเกมหมากรุกกระดานนี้!
นี่คือเกมหมากรุกใหญ่!
เขากับขุนหลวง กัวปิง หรวนซื่อสงและคนอื่นๆอีกหลายคนเล่นกันมานับไม่ถ้วน อยากจะทำให้เกมหมากรุกฟื้นขึ้นมา ทำได้แค่รบกวนความสนใจทุกคน
เมืองเฉียนถัง เป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น
และใจกลางของเหยื่อล่อนี้ ก็คือคนในครอบครัวของเย่เซิ่งเทียน และยังมีแม่ของเย่เซิ่งเทียน!
ตอนนี้ ในที่สุดเกมหมากรุกกระดานนี้ก็ฟื้นขึ้นเสียที
แต่เย่เซิ่งเทียนไม่ดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด