Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1314 นัดประลองที่สังเวียนพิฆาตมาร

ตอนที่ 1314 นัดประลองที่สังเวียนพิฆาตมาร

เขาจำศีลหัวโล้น

อวิ๋นชิ่งไป๋ตัวคนเดียว มองเขาแดนมงคลที่อัศจรรย์ไม่ธรรมดาลูกนี้แล้วมุ่นคิ้วเล็กน้อย

เขาสังเกตเห็นว่ารอบภูเขานี้ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกที่น่ากลัวยิ่งกระบวนหนึ่ง

“ฝีมือของนักสลักลายมรรครึ…”

อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เคยได้ยินมาว่าหลายปีก่อน ณ ที่นี้ หลินสวินเคยใช้กระบวนผนึกนี่ขังร่างแยกของกู่ฝอจื่ออย่างง่ายดาย!

หลังผ่านไปครู่ใหญ่…

ชิ้ง!

เสียงสะท้อนใสของกระบี่ก้องกลางนภา

อวิ๋นชิ่งไป๋ชักกระบี่มืดสลัวหม่นแสงยาวสองฉื่อสี่ชุ่น กว้างสามนิ้วที่พาดอยู่ด้านหลังออกจากฝักเป็นครั้งแรก

“ฟัน!”

ริมฝีปากเขาขยับพูดคำหนึ่งอย่างแผ่วเบา

จากนั้นกระบี่ยาวที่ดูหม่นแสงไม่สะดุดตาเล่มนี้ก็ราวตื่นจากความเงียบนิรันดร์กาล เจตกระบี่ไร้เทียมทานปานเทียมฟ้าสายหนึ่งเปล่งประกาย

พุ่งพิฆาตออกไป!

ตูม!

ใกล้เขาจำศีลหัวโล้น กระบวนผนึกลายมรรคอันแน่นหนาหนึ่งปรากฏ

ค่ายกลใหญ่นี้ช่วยเรือนกระบี่เร้นปุจฉาต้านศัตรูที่แข็งแกร่ง คลี่คลายวิกฤติมาไม่รู้เท่าไร

แต่ภายใต้กระบี่เดียวนี้ กระบวนผนึกลายมรรคนั่นพลันส่งเสียงคร่ำครวญรุนแรงเสียดหูหาใดเปรียบ คล้ายเสียงที่ต้านทานไว้ไม่อยู่

ในที่สุดค่ายกลนี้ก็แตกระเบิดเสียงดังสนั่น

ด้านหลังค่ายกลใหญ่ บนเขาจำศีลหัวโล้น จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอและเหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาทั้งหมดสีหน้าปรวนแปร คนไม่น้อยหน้าซีดเผือด

ล้วนคิดไม่ถึงว่าบุคคลแห่งยุคอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋จะมาเยือนเขาจำศีลหัวโล้นด้วยตัวเอง

ทั้งยังใช้อานุภาพกระบี่เดียวถล่มค่ายกลที่ป้องกันภูเขา!

ชิ้ง!

ในจุดที่ห่างออกไป อวิ๋นชิ่งไป๋ยกมือโบก กระบี่ยาวหม่นสลัวเล่มนั้นคืนสู่ฝักซึ่งถูกพาดไว้ที่หลัง

“วันนี้พอแค่นี้ หลังจากนี้สิบวันข้าจะรอหลินสวินอยู่ที่ ‘สังเวียนพิฆาตมาร’ แดนยอดศูนย์กลาง หากเขาไม่มาข้าจะไม่เกรงใจเช่นนี้อีก”

อวิ๋นชิ่งไป๋พูดจบก็หันหลังจากไป

ทุกคนในเรือนกระบี่เร้นปุจฉาหน้าคล้ำเขียว ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก

วันนี้อวิ๋นชิ่งไป๋ปรากฏตัวที่แดนอัคคีทักษิณ หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ ทำลายกระบวนผนึกลายมรรคที่หลินสวินสร้างเองกับมือ บีบจนเรือนกระบี่เร้นปุจฉาไม่อาจเงยหน้าขึ้น

สุดท้ายก็ฝากข้อความว่า หลังจากนี้สิบวัน นัดประลองกับหลินสวินที่สังเวียนพิฆาตมาร

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั่วหล้าต่างสั่นสะเทือน!

“อวิ๋นชิ่งไป๋ สู้ศึกทั่วแดนเก้าบน ใช้อานุภาพไร้คู่ต่อกรกวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังสร้างชื่อ!”

“พลังต่อสู้ของเขาถึงขั้นไหนกันแน่ หลายปีก่อนเขาก็ครองอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าแล้ว ตอนนี้ล่ะจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งแค่ไหน”

คนนับไม่ถ้วนวิพากษ์วิจารณ์

ทุกอาณาเขตของแดนเก้าบนต่างอึกทึกครึกโครม

ปีนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋ใช้มาดไร้คู่ต่อกรครองบัลลังก์อันดับหนึ่งของกระดานทองคำหลายปี ไม่มีใครสั่นคลอนได้

ต่อให้เขาไม่ปรากฏตัวแล้วหลายปี แต่อันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าของเขากลับไม่เคยต่ำกว่าสิบอันดับแรก

ปัจจุบันผู้แข็งแกร่งชั้นยอดเช่นนี้ปรากฏตัวบนโลกอีกครั้ง ทั้งยังเผยพลังราวไม่อาจทัดเทียม ย่อมทำให้ผู้คนตกตะลึงเป็นธรรมดา

“พวกเจ้าคิดว่าพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของกระดานทองคำผู้กล้าตอนนี้ จะต้านอวิ๋นชิ่งไป๋ได้หรือไม่”

ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจน

ใครต่างก็รู้ว่าคนอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ ความสามารถของเขาต้องลึกล้ำยากหยั่งถึง ไม่อาจคาดเดาและประมาณการณ์ได้

“สังเวียนพิฆาตมาร หึๆ เทพมารหลินจบเห่แน่!”

ไม่รู้ว่าผู้คนเท่าไหร่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

หลายปีนี้คมประกายของหลินสวินราวกับไม่อาจต้าน เวลานี้คนที่ไม่พอใจหลินสวินนับไม่ถ้วนต่างยินดีอย่างยิ่ง

“ตั้งหลายวันแล้ว เหล่าสหายของหลินสวินต่างถูกหยามเหยียดแพ้ย่อยยับทีละคน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่เห็นหลินสวินปรากฏตัว หรือว่าจะกลัวไปแล้ว”

“หึๆ เจ้าแซ่หลินซ่อนตัวอยู่บนเขาฝนดาวตก พูดอย่างสวยหรูว่าปิดด่านฝึกตน ในความคิดข้าเห็นได้ชัดว่าสังเกตเห็นภัยคุกคามที่มาจากอวิ๋นชิ่งไป๋จนกลัวไปแล้ว!”

“แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากนี้สิบวันหากเขาไม่ไปสังเวียนพิฆาตมาร อวิ๋นชิ่งไป๋คงไม่ยอมออมมืออีกแล้ว”

คู่ต่อสู้มากมายที่เคยถูกหลินสวินเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างกำเริบเสิบสาน เฝ้ารอศึก ‘พิฆาตมาร’ หลังจากนี้อีกสิบวัน

ด้านเหล่าสหายที่รู้จักมักคุ้นกับหลินสวินต่างหนักใจ

พวกเขาล้วนเคยถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ทำให้พ่ายแพ้ รู้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้อย่างสุดซึ้ง พวกเขาไม่อาจตัดสินได้เลยว่า หลินสวินจะเป็นคู่ต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ได้หรือไม่กันแน่

เขาฝนดาวตก

เซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จี้ซิงเหยา… ต่างทยอยมาพบหลินสวินอย่างไม่ขาดสาย

ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างหมดคำพูดคือ ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้หลินสวินกลับกำลังปิดด่านมาตลอด ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกในช่วงนี้

ที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงที่สุดคือ หลินสวินปิดด่านไม่ใช่เพื่อยกระดับพลังปราณ หากแต่กำลังก้าวสู่มรรคาสายใหม่… หลอมกาย!

“เจ้าอวิ๋นชิ่งไป๋นี่ช่างไม่รู้ดีชั่ว!”

หลังจากเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคางคก อาหลู่ หรือนกทมิฬต่างก็เดือดดาลเกินต้าน

“ทุกท่าน พวกเจ้าวางใจเถอะ รอพี่ใหญ่ของข้าออกด่านจะต้องไปฆ่าอวิ๋นชิ่งไป๋นั่นตั้งแต่พริบตาแรก ชำระแค้นล้างความอัปยศให้ทุกท่าน!”

น้ำเสียงเจ้าคางคกก้องกังวาน ไอสังหารน่าตระหนก

“สิ่งสำคัญคือพวกเจ้าคิดว่า หากพี่หลินไปสู้กับอวิ๋นชิ่งไป๋จะมีโอกาสชนะเท่าไหร่”

จี้ซิงเหยาอดถามไม่ได้

คนอื่นก็เหลือบสายตาไปยังพวกเจ้าคางคก ล้วนรู้ดีว่าพวกเจ้าคางคกอยู่ร่วมกับหลินสวินตลอด น่าจะเข้าใจความสามารถของหลินสวินที่สุด

“พูดลำบาก”

พวกเจ้าคางคกใคร่ครวญจริงจังครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดก็ส่ายหัว

บุคคลระดับหลินสวิน อวิ๋นชิ่งไป๋ พลังต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้เหตุผลทั่วไปมาประเมินได้

“แต่พวกเราต่างรู้ว่าหลายปีมานี้พี่ใหญ่ไม่มีข้อเรียกร้องอื่น รอแค่โอกาสสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋อย่างเดียว สามารถคาดเดาได้เลยว่าหากเขารู้ข่าวที่อวิ๋นชิ่งไป๋ปรากฏตัว จะต้องไม่ยอมหนีการต่อสู้แน่!”

อาหลู่กล่าวเสียงเด็ดเดี่ยว

เจ้าคางคกและนกทมิฬก็พยักหน้า พวกเขามั่นใจในจุดนี้เช่นกัน

เห็นดังนี้ในใจพวกจี้ซิงเหยา เซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียนต่างรู้สึกสงบลงไม่น้อย

ต่างรับรู้ได้ว่าที่แท้หลินสวินก็รอการมาเยือนของศึกนี้มาตลอด!

ส่วนโลกภายนอก ทุกสายตาในแดนเก้าบนต่างรวมไปที่แดนยอดศูนย์กลาง สังเวียนพิฆาตมาร

“ไม่ได้ การต่อสู้นี้ต้องยากจะได้พบเห็นในรอบพันหมื่นปีแน่ ไม่ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋หรือหลินสวินต่างเป็นบุคคลแห่งยุคที่พอจะกำราบคนรุ่นเดียวกัน ไม่ว่าใครแพ้ใครชนะ การต่อสู้นี้จะต้องปั่นป่วนใต้หล้า มีอิทธิพลไปชั่วกาลนาน!”

ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนนั่งกันไม่ติดแล้ว พากันมุ่งหน้าไปยังแดนยอดศูนย์กลาง อยากจะเป็นพยานการต่อสู้สะเทือนใต้หล้านี้ด้วยตาตนเอง

มีคนเห็นองค์ชายเซ่าเฮ่าออกเดินทาง ถูกห้อมล้อมราวดาวล้อมเดือน นั่งเกี้ยวสมบัติห้อทะยานไปยังแดนยอดศูนย์กลาง

และมีคนเห็นทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าวิหคชาดเทพธิดารั่วอู่ ที่ตอนนี้จัดอยู่ในอันดับสองของกระดานทองคำผู้กล้าออกจากสถานที่ปิดด่านฝึกปราณ

ไม่ใช่แค่ผู้แข็งแกร่งทั่วไป แม้แต่บุคคลร้ายกาจที่โดดเด่นยิ่งบางส่วนก็ยังนั่งกันไม่ติดแล้ว

นี่ชักนำมาซึ่งความปั่นป่วนมากมาย

“สวรรค์ ระดับนายเหนือหัวทุกคนบนกระดานทองคำผู้กล้า ตอนนี้แทบยกขบวนทั้งรังพากันเร่งรีบไปยังสังเวียนพิฆาตมาร!”

“คนหนึ่งเป็นผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทาน อีกคนเป็นเทพมารที่ป่าเถื่อนหาใดเปรียบ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอกันแน่”

“ดูท่าแล้วตอนนี้โอกาสชนะของอวิ๋นชิ่งไป๋เห็นได้ชัดว่ามากกว่าอยู่บ้าง ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ต้องกังขาอยู่แล้ว”

“ไม่แน่ หลายปีมานี้หลินสวินเก็บเนื้อเก็บตัวราวมังกรจำศีลในหุบเหว ตั้งแต่เขาก้าวสู่แดนเก้าบนก็ไม่เคยแพ้มาก่อน!”

“ไม่ว่าอย่างไร หลังจากศึกนี้จะต้องตัดสินผลแพ้ชนะแน่”

ทั่วแดนเก้าบนราวกับพลุ่งพล่านอย่างสมบูรณ์ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนล้วนถูกการต่อสู้นี้ดึงดูด ส่วนหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋ก็กลายเป็นคนที่ถูกจับตามองที่สุด

“บนเขาฝนดาวตกนั่น หลินสวินเคยปรากฏตัวหรือไม่”

ผู้คนมากมายต่างสนใจ

“ไม่เคย แต่การต่อสู้นี้เขาหนีไม่พ้นแน่”

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเขาฝนดาวตกมาตลอดให้คำตอบออกมาเช่นนี้

“เจ้าหลินสวินนี่จิตใจช่างสงบนิ่งยิ่งนัก แต่ก็ได้แค่สิบวันเท่านั้น หลังจากนี้สิบวันก็ต้องดูว่าเขาจะปรากฏตัวที่หน้าสังเวียนพิฆาตมารนั่นหรือไม่แล้ว”

“สังเวียนพิฆาตมาร สังหารมารสินะ สถานที่ต่อสู้ที่อวิ๋นชิ่งไป๋เลือกนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะสังหารเทพมารหลิน!”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เวลาได้ผ่านไปอย่างไร้สุ้มเสียง

หลังจากนั้นสามวัน

บนเขาฝนดาวตก หลินสวินที่ปิดด่านฝึกหลอมกายได้เจอกับการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงที่คาดไม่ถึง

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท