Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 709 หลอมมังกรร้าย
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าโลกสั่นสะท้าน
สายฟ้าสีม่วงฟาดลงมาจากท้องฟ้า แล้วถูกปากว้าควบแน่น จากนั้นฟาดตรงไปที่ร่างกายของมังกรร้ายทันที
“โฮก! !”
หมอกสีดำแยกออกเป็นสองส่วน มังกรร้ายคำรามด้วยความดุร้าย ร่างกายของมันก็กลายเป็นภาพลวงตา
“เฮิบ!”
เย่เซิ่งเทียนเปล่งเสียงต่ำ แล้วมือขวาของเขาก็พุ่งไปที่มังกรร้าย
ปราณทิพย์ล้อมรอบอยู่ที่ปลายนิ้ว ควบแน่นเป็นฝ่ามือลวงตาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปราณทิพย์ และถือโอกาสพุ่งไปที่มังกรร้ายตอนที่มันอ่อนแอ
รวบรวมพลังเป็นรูปร่าง ต้องทะลวงไปถึงเทพบู๊ระดับสามดาวเท่านั้น ถึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเจ๋อฮ่าวรู้สึกประหลาดใจคือการรวบรวมพลังของเย่เซิ่งเทียนเกือบจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
นี่คือความสามารถของเทพบู๊ระดับห้าดาวใช่ไหม?
หนิงเจ๋อฮ่าวมองด้วยสายตาที่คลั่งไคล้ สิ่งที่นักบู๊แสวงหาคือตนเองสามารถทะลวงอย่างต่อเนื่องจนถึงขีดสุด
“ปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้”
ขณะนี้ แม้แต่กู่เหอกับกู่ฉิงฉิง ก็ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้ชัดเจน
มังกรดำมีความยาวยี่สิบสามสิบเมตร กำลังต่อสู้กับเย่เซิ่งเทียนอยู่
ขณะนี้มังกรดำเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และมันต้องการจะหลบหนี จึงทำให้กู่เหออุทานออกมา
หากมังกรดำสามารถหนีไปได้ มันเป็นความหายนะสำหรับตระกูลกู่!
แต่ทันใดนั้น เขาพบว่าความกังวลของตนเองนั้นเกินความจำเป็น ปากว้าถูที่อยู่กลางอากาศก็เริ่มหมุนอย่างช้า ๆ สายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องเหมือนโซ่ตรวน มังกรดำถูกฟาดโดยที่ไม่มีทางหลบหนี
มือลวงตาที่เกือบจะเป็นรูปเป็นร่างของเย่เซิ่งเทียนจับมังกรดำเอาไว้ แล้วโยนมันลงไปที่ด้านล่างของปากว้าถู
ซึ่งเป็นสถานที่ที่สายฟ้าหนาแน่นที่สุด มังกรดำเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พุ่งไปทางซ้ายและขวา และพยายามจะฝ่าออกไป แต่ก็ไร้ประโยชน์
เย่เซิ่งเทียนพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มือเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ความเร็วก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งอยู่ปากว้าถูที่อยู่กลางอากาศก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสายฟ้าก็กลายเป็นไฟและเริ่มเผามังกรดำ
เย่เซิ่งเทียนต้องการเผามังกรดำให้ตายอยู่ที่นี่
แต่ถ้าทำเช่นนี้ เทือกเขามังกรเส้นนี้จะกลายเป็นเทือกเขาตาย จะทำให้ตระกูลกู่ค่อย ๆ สูญเสียอำนาจไป
แต่นี่เป็นการเลือกของกู่เหอ หรือไม่ตระกูลก็สูญเสียอำนาจ หรือไม่ตระกูลก็ล่มสลาย
“โฮก! !”
มังกรดำคำรามด้วยความเจ็บปวด หมอกสีดำค่อย ๆ หายไป ร่างของมังกรดำค่อย ๆ เบลอ ในที่สุดก็ถูกสายฟ้าหลอดละลายไป
และขณะนี้ หนิงเจ๋อฮ่าว กู่เหอและคนอื่น ๆ ถึงได้สติกลับมา แล้วพวกเขารีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“คุณเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หนิงเจ๋อฮ่าวถามด้วยความกังวล เมื่อสักครู่เขาเห็นเย่เซิ่งเทียนอาเจียนเป็นเลือด
เห็นได้ชัดว่ามังกรร้ายที่กำลังจะกลายเป็นรูปร่างนั้นรับมือยาก
“ไม่เป็นไร”
เย่เซิ่งเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพราะการท่องคาถาปราบมังกรเมื่อสักครู่ ส่งผลกระทบต่อเขามาก
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ถือได้ว่าเป็นการบังคับใช้แล้ว และนี่เป็นเคล็ดวิชาต้องห้ามที่เขาได้มาโดยบังเอิญ
เมื่อสักครู่เขาใช้พลังเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เขาตั้งตารอมาก ถ้าเขาปล่อยคาถาปราบมังกรเต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว มันจะทรงพลังสักเพียงใด
“พี่เทียน ผมกำลังจะตายแล้ว”
ขณะนี้ เปาจี้จู่ได้สติเช่นกัน หลังจากลืมตาขึ้นเขาก็ตะโกนทันที “พี่เทียน ช่วยผมด้วย มีสัตว์ประหลาด… เอ๊ะ มังกรประหลาดอยู่ที่ไหนแล้ว?”
เปาจี้จู่ยืนขึ้นและลูบหัวด้วยความสับสน เมื่อสักครู่เขาเห็นหัวมังกรดุร้ายพุ่งมาที่ตนเอง แล้วเขาก็หมดสติไปทันที ดูเหมือนว่าเป้าของเขาจะเปียกเป็นวงกว้าง
“ฮึ่ม คนไร้ประโยชน์ แกเก่งแต่เรื่องผู้หญิงเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะพี่…คุณเย่ หัวของแกคงถูกกัดไปแล้ว โอ้ แกกลัวจนฉี่ราด? จนกางเกงเปียกหมดแล้ว?”
กู่ฉิงฉิงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความไม่พอใจ
เดิมทีเธออยากจะเรียกว่าพี่เย่ แต่เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่เซิ่งเทียนกับพ่อของเธอแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเป็นคุณเย่
เปาจี้จู่โบกมือเหมือนกินปูนร้อนท้อง “เชอะ มันคือน้ำโคลนต่างหาก สุสานบรรพบุรุษของตระกูลแกน่ากลัวจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีปลาด้วย”
และขณะนี้ ปลาสีทองตัวเล็กที่อยู่ในสุสานหงายท้องตายไปแล้ว
กู่เหอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างในร่างกายของตนเองขาดหายไป ซึ่งมันก็คือโชค
นับจากนี้เป็นต้นไป ตระกูลกู่จะค่อย ๆ สูญเสียอำนาจ
แต่เมื่อเขาเปลี่ยนมุมคิด ขอเพียงแค่เขาอยู่ข้างกายเย่เซิ่งเทียน ผูกตระกูลกู่กับเย่เซิ่งเทียนเอาไว้ด้วยกัน ถึงจะสูญเสียเทือกเขามังกรก็ไม่สามารถถือเป็นอะไรได้? เย่เซิ่งเทียนเป็นคนที่โชคดีมาก ตนเองสามารถเป็นกุนซือของเขาได้
เมื่อคิดเช่นนี้ กู่เหอก็หายเศร้าทันที
“เปาจี้จู่มานี่สิ กินมันเข้าไป”
เย่เซิ่งเทียนชี้ปลาที่ตายไปแล้ว แล้วกล่าวกับเปาจี้จู่ด้วยรอยยิ้ม