Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1319 ใช้กระบี่ ทำลายความหยิ่งทะนงเจ้า

ตอนที่ 1319 ใช้กระบี่ ทำลายความหยิ่งทะนงเจ้า

“น่าขัน!”

อวิ๋นชิ่งไป๋สีหน้าเย็นเยียบ

เขาต่อสู้มาถึงตอนนี้มีหรือจะดูไม่ออก ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของหลินสวินอยู่เหนือการคาดเดาของเขามาก

ปีนั้นที่ถูกหลินสวินตามฆ่าที่แดนธรรมสถูป ด้วยตอนนั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขากำลังหลอมพลังพรสวรรค์ของกู่ฝอจื่อจึงไม่อาจสำแดงพลังทั้งหมดออกมาได้

นี่ถูกเขามองเป็นเรื่องอัปยศอย่างใหญ่หลวง

แต่ความจริงตอนนั้นในใจเขากลับไม่เห็นหลินสวินในสายตา

ปัจจุบันเขาจำศีลมาหลายปี เมื่อทะลวงด่านออกมาพลังต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าอดีต เดิมคิดว่าการสังหารหลินสวินจะเป็นเรื่องง่ายชั่วดีดนิ้ว

แต่ใครจะคิดว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทางที่ทำให้เขารู้สึกผิดคาด ตกตะลึง ไม่เข้าใจและจริงจัง!

อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กทารกที่เดิมควรตายไปแล้วในปีนั้น ยามนี้จะใช้ท่วงท่ามีอำนาจมาต้านทานเขาได้

และไม่เคยคิดเลยว่าต่อสู้มาถึงวันนี้ เขาจะได้รู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงจนไม่อาจไม่ใช้พลังแฝงและไพ่ตายทั้งหมดของตัวเอง

‘ความคาดไม่ถึง’ อย่างต่อเนื่องนี้ราวสิ่งไม่คาดฝันมากมายที่ทับซ้อนสะสม ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของภัยคุกคามเช่นกัน

เขาไม่อาจไม่ตั้งท่ารับมือ ใช้พลังเต็มกำลัง

“มา!”

อวิ๋นชิ่งไป๋สูดหายใจลึก เสื้อผ้าพลิ้วไหว ฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง

เส้นผมของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีหิมะทันที ผิวพรรณซีดเซียวหม่นแสงเหมือนเปลือกไม้ที่คายน้ำ

ยังไม่ทันเงื้อกระบี่ผมก็ขาวแล้ว!

เหล่าผู้กล้าทุกคนตรงนั้นต่างเหม่อลอย

วู้ม!

ก็เห็นปราณกระบี่เจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งออกจากตัวอวิ๋นชิ่งไป๋ท่ามกลางเสียงฟาดฟันดังสนั่น เจิดจรัสจนไม่อาจเพ่งมองโดยตรง

เทียบกับกระบี่เมื่อครู่แล้วดูเหนือกว่าอยู่สามส่วน!

เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินก็สูดหายใจลึกโคจรวิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ พร้อมโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์เต็มกำลัง เค้นพลังทั่วร่างถึงขีดสุดแล้วซัดหมัดออกไป

ตู้ม ครืน…

เสียงปะทะอึกทึกสนั่นหูแผ่กระจายเป็นวงกว้าง

ไม่นานทุกคนก็เข้าใจว่าทำไมหลินสวินถึงกล้าพูดว่า ‘วันนี้เวลานี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้’

ในการปะทะนี้ปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ดั่งไร้เทียมทาน สามารถเกริกก้องสะท้านอดีตจวบจนปัจจุบัน ผงาดผยองเหนือคนระดับเดียวกันได้อย่างหยิ่งทะนง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งหาใดเปรียบ

จริงอยู่ที่หลินสวินถูกสะเทือนจนเซถอยอย่างต่อเนื่อง สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกระอักเลือดไม่หยุด

แต่กลับไม่เคยถูกกำราบอย่างสมบูรณ์!

ตรงกันข้ามลักษณะพลังของหลินสวินดุจเพลิงผลาญ พลังต่อสู้ดั่งไฟไร้พ่ายนิรันดร์ เผยมรรคาแห่งตน สำแดงอัตวิชา ยิ่งแพ้ยิ่งหาญกล้า

และระหว่างนี้ผมยาวทั้งศีรษะของอวิ๋นชิ่งไป๋ขาวเงินเหมือนอาบหิมะ ผิวหนังบนกายเขาเกิดรอยแยกแตกระแหงมากมายเหมือนเปลือกไม้แห้งจวนเป็นไม้ผุ!

นี่ทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน

ต่อสู้มาถึงตอนนี้ใครก็มองออกว่าการประลองแห่งยุคคราวนี้ได้เข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดและอันตรายที่สุดแล้ว การตัดสินเป็นตายใกล้จะปรากฏ!

สะท้านสะเทือนโดยไม่ต้องอธิบาย

อย่างน้อยที่สุดแดนเก้าบนในอดีต หรือดินแดนรกร้างโบราณที่ผ่านมา การประลองแห่งยุคเช่นนี้เหลือบแลตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็หาการประลองที่ทัดเทียมเสมอเหมือนไม่พบ!

สรุปง่ายๆ ก็คือ การต่อสู้นี้ไร้ใดเปรียบตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน!

“อวิ๋นชิ่งไป๋ ผู้คนต่างยกย่องว่ามรรคกระบี่ของเจ้าคือที่สุดในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้ารับหนึ่งกระบี่ของข้าหรือไม่”

หลินสวินพลันเอ่ยปาก

ทั่วทั้งลานตกตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

เทพมารหลินเคยฝึกมรรคกระบี่ตั้งแต่เมื่อไหร่

เวลานี้แม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ก็ชะงักเล็กน้อย ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเฉยชายิ่งกว่าเดิม การยั่วยุเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขบขัน

“กระบี่ผงาด!”

ก็เห็นหลินสวินพลันสูดหายใจลึก สีหน้าราบเรียบ แต่นิ้วมือเขากลับเปลี่ยนเป็นกระบี่แหลมพุ่งออกไปช้าๆ

วู้ม!

ปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศทีละน้อย ทุกชั่วขณะที่ปรากฏจะทำให้ห้วงอากาศส่งเสียงครวญคล้ายแบกรับไม่อยู่ทันที

พร้อมๆ กับการกระทำนี้ของหลินสวิน ทุกคนที่อยู่นอกลานกลับรู้สึกเพียงหัวใจเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปมือหนึ่งบีบเข้าเต็มแรง เลือดลมตีกลับไปทั้งตัว ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด

ปึง! ปึง! ปึง!

เมื่อปราณกระบี่นี้เผยออกมาทีละน้อย ทั่วฟ้าดินก็ตกอยู่ในความพังทลาย มลายล้าง ราพณาสูร อานุภาพไร้รูปทำให้ฟ้าดินถล่มทรุดตัวดังสนั่น

นัยน์ตาอวิ๋นชิ่งไป๋พลันหดรัด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังหาใดเปรียบในชั่วพริบตา ความหยามเหยียดในใจก่อนหน้านี้หายไปแล้ว

กล่าวถึงระดับความรู้อันลึกซึ้งบนมรรคกระบี่ กวาดสายตามองทั่วแดนเก้าบนอวิ๋นชิ่งไป๋มั่นใจว่าไร้คู่ต่อกร ด้วยชีวิตของเขาแสวงหามรรคกระบี่ที่สมบูรณ์แบบมาตลอด.ไอลีนโนเวล.

เพราะเข้าใจในกระบี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ดีกว่าคนอื่นว่าพลังที่แฝงอยู่ในกระบี่นี้ของหลินสวินน่ากลัวเพียงใด!

เพียงแต่…

อวิ๋นชิ่งไป๋กลับยังไม่อาจเชื่อ!

เขาหลินสวิน ยึดกุมพลังมรดกมรรคกระบี่ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร

มรรคกระบี่คือมรรคาที่อวิ๋นชิ่งไป๋หยิ่งทะนงและภาคภูมิที่สุด แต่ยามนี้เมื่อเห็นกลิ่นอายกระบี่ของหลินสวิน กลับทำให้เขาเหมือนถูกโจมตีจิตใจอย่างหนักหน่วง!

“ผสาน!”

อวิ๋นชิ่งไป๋ตวาดลั่น ไม่อาจนิ่งเฉยและอดกลั้น เหมือนศักดิ์ศรีถูกทิ่มแทงอย่างใหญ่หลวง ทำให้เขาเกรี้ยวกราดเช่นนี้เป็นครั้งแรก

ในร่างกายเขาแสงกระบี่ชวนประหวั่นสายหนึ่งกำลังเบ่งบาน ทำให้ทั้งตัวเขาราวส่องประกายสว่างไสว ผมเผ้าผิวพรรณของเขาต่างมีปราณกระบี่เอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

“ฝึกกระบี่มาถึงวันนี้หลายสิบปี ฟูมฟักอานุภาพกระบี่ถึงปัจจุบัน หลินสวิน เจ้าคือคนแรกที่บีบข้าให้ใช้กระบี่นี้ได้ เจ้าตายไปก็ไม่ต้องเสียดายแล้ว!”

พูดจบผมขาวดุจหิมะทั้งศีรษะของอวิ๋นชิ่งไป๋ป่วนคลั่ง ผิวกายเขาแตกระแหง ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนกหาใดเปรียบของฝูงชน ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างเขา

ปราณกระบี่นี้รวมสิ่งที่อวิ๋นชิ่งไป๋เรียนรู้มาทั้งชีวิต สะสมอยู่ในตัวเขามาหลายสิบปี มหามรรคนานัปการ แก่นอัศจรรย์นับไม่ถ้วน แรงกายแรงใจทั้งมวลต่างรวบรวมอยู่ในนี้

กระบี่นี้คือรูปย่อส่วนของมรรคกระบี่อันสมบูรณ์ที่เขาแสวงหา!

“นี่คือ…”

ผู้ชมที่อยู่นอกลานไม่มีใครไม่ถูกทำให้หวั่นหวาด ตื่นตระหนกจนร้องเสียงหลง

แม้แต่คนระดับองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ยังเงียบ ในใจมีคลื่นซัดสาด

กระบี่ของหลินสวินยังไม่ปรากฏก็ทำให้ฟ้าดินไร้สี โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร

ส่วนกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็เหมือนรอยมรรคกระบี่สายหนึ่งที่เจิดจ้าหาใดเปรียบปรากฏขึ้นบนโลกหล้า ความส่องประกาย เรืองรอง ตระการตาและน่าหวาดกลัวนั่นราวกับสิ่งที่ไม่อาจมีบนโลก!

“กระบี่จงมา!”

ในจุดที่ห่างออกไป ใต้ปลายนิ้วหลินสวิน ปราณกระบี่ที่โผล่มาทีละน้อยในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรูปร่าง ปลายคมหาใดเปรียบ ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง อานุภาพไม่เป็นสองรองใคร พาให้เทพผีถอยร่น

กระบี่นี้อัดแน่นฟ้าดิน ตัดทำลายทุกหัวระแหง คล้ายมีสิ่งอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดแฝงอยู่ภายใน ทั้งมีท่วงทำนองแห่งการกลับคืนสู่สามัญของมหามรรคอันเรียบง่าย

ไม่ว่าใครก็ต่างมีความรู้สึกว่าตัวเล็กเหมือนมดปลวก ไม่อาจต้านทานได้

กระบี่นี้นามว่า ‘ไปไร้หวน’ !

“ฟัน!”

คำเดียวหลุดออกจากปากหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋พร้อมกัน

ก็เห็นบนเวิ้งฟ้า ปราณกระบี่สองสายพุ่งเข้าหากันจากต่างทิศทาง

ทุกคนต่างรู้สึกแสบตา การรับรู้ทั่วร่างเหมือนถูกตัดขาด ในใจรู้สึกหวาดกลัวสั่นสะท้านไม่อาจสงบ

องค์ชายเซ่าเฮ่าและเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคต่างลืมตาไม่ขึ้น ไม่อาจใช้จิตรับรู้สังเกตรายละเอียดของการต่อสู้นี้อีก

ต่อให้พวกเขาใช้พลังเต็มกำลังก็ไม่เป็นผล

นี่สื่อได้แค่ว่า การต่อสู้คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ของหลินสวินหรืออวิ๋นชิ่งไป๋ ก็ล้วนแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสยบพวกเขาทุกคน ด้วยเหตุนี้อานุภาพของมันจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหยั่งรู้ได้!

ตูม!

มีเพียงเสียงระเบิดสนั่นหู ก้องรัวอยู่ในใจราวกลองศึกที่มาจากเก้าชั้นฟ้า ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว

รสชาติของความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นแต่กายใจยังถูกทำให้หวั่นหวาดนี้ ในอดีตที่ผ่านอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

แต่ตอนนี้กลับเหมือนเนิ่นนานนัก

และไม่รู้ว่านานเท่าไร บางทีอาจเป็นเพียงชั่วแล่น แต่สำหรับทุกคนกลับเหมือนผ่านวัฏจักรความเป็นและความตาย พังทลายและเกิดใหม่มารอบหนึ่ง

เมื่อความรู้สึกกลับมา ทัศนวิสัยค่อยๆ ชัดเจน ก็เห็นใกล้สังเวียนพิฆาตมารนั่นเปลี่ยนไปจากเค้าเดิมราวพลิกฟ้า

ท้องฟ้าแถบนั้นล้วนราพณาสูร แตกระแหงเป็นรอยแยกและช่องแคบแน่นขนัด ราวกับร่องรอยบาดแผลแห่งท้องนภา

ปราณกระบี่โหมกระหน่ำยังส่องประกายในความว่างเปล่าไม่หายไป กลิ่นอายที่แผ่อบอวลยังน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบเหมือนเดิม

ในแสงกระบี่ทั่วฟ้า ร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ชโลมเลือด โลหิตหลั่งย้อมผมขาวดุจหิมะ แผ่กลิ่นอายชวนสังเวชอย่างหนึ่ง

หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร ร่างอาบโลหิต เลือดสดหลั่งริน หน้าซีดเผือดถึงขีดสุดเช่นกัน

ทั้งคู่ต่างบาดเจ็บหนักอย่างไม่ต้องสงสัย!

ผลลัพธ์นี้ทำให้ผู้คนงุนงง ตกตะลึง ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ใช้พลังมรรคกระบี่ในการต่อสู้เป็นครั้งแรกจะต้านกระบี่ที่อวิ๋นชิ่งไป๋ฟูมฟักมาหลายสิบปีได้!

แค่ภาพนี้ก็พอจะทำให้ผู้คนหันมองมา

ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้จักอวิ๋นชิ่งไป๋ในนามผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเดียวกันยุคปัจจุบัน กระบี่ที่เขาใช้พลังเต็มกำลัง เวลานี้กลับถูกขวางกั้น ผลลัพธ์นี้เดิมก็เหมือนปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง

ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ สิ่งที่ขวางกระบี่นี้ได้คือกระบี่เหมือนกัน!

สำหรับอวิ๋นชิ่งไป๋ที่เด่นผงาดจากพลังของมรรคกระบี่ นี่ต้องเป็นการโจมตีอย่างหนักหน่วงแน่

‘ข้าสู้พวกเขาไม่ได้…’

นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนทอดถอนใจอยู่ภายในใจ ไม่อาจไม่ยอมรับ ชื่นชมจากใจจริง!

“เทพมารหลิน ถึงกับใช้มรรคกระบี่รับมืออวิ๋นชิ่งไป๋… น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…”

เหล่าผู้กล้าเหม่อลอย

ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่อาจเห็นภาพการปะทะของกระบี่ทั้งสองเมื่อครู่กับตาตัวเอง

‘หากเปลี่ยนเป็นข้าจะต้านทานอย่างไร…’

พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ต่างกำลังใคร่ครวญเงียบๆ อารมณ์เปลี่ยนเป็นปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่อาจสงบใจ

อั่ก!

บนเวิ้งฟ้าอวิ๋นชิ่งไป๋พลันไออย่างรุนแรง มุมปากหลั่งเลือด นัยน์ตาฉายแววสลัวรางอย่างบอกไม่ถูก

นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งใจสั่นสะท้าน หน้าพลันเปลี่ยนสี คาดเดาความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง หรือว่า…

“อวิ๋นชิ่งไป๋ ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ข้าอีก”

ในจุดที่ห่างออกไปหลินสวินกล่าวเย็นชา ในสายตาที่มองอวิ๋นชิ่งไป๋เต็มไปด้วยความเฉยชา

มอบการโจมตีอย่างหนักหน่วงให้ฝ่ายตรงข้ามในสิ่งที่อีกฝ่ายหยิ่งทะนงที่สุด ความรู้สึกเช่นนี้ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เกรงว่าคนที่อวดดีอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋คงไม่เคยสัมผัสมาก่อนกระมัง

“เจ้าก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน”

ห่างออกไปอวิ๋นชิ่งไป๋สูดหายใจลึกกล่าวเนิบช้า แผ่นหลังเขายังตรงดิ่งไม่โก่งงอแม้แต่น้อย เหมือนความหยิ่งทะนงของเขาที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ต่อให้ถูกโค่นก็ไม่ยอมก้มหัว!

“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่รึ”

หลินสวินกล่าวราบเรียบ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ไม่บาดเจ็บคงเป็นไปไม่ได้ เขาบาดเจ็บหนักเหมือนที่อวิ๋นชิ่งไป๋บอก

แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เป็นธนูแกร่งหมดแรงบินเช่นกัน

การสังหารเขาไม่จำเป็นต้องรอนานแล้ว!

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท