จงกวงรีบพูดขึ้นว่า: “ฉันจะไปนำมาเดี๋ยวนี้เลย หมอเทวดาหลินรอสักครู่”
เขาควบคุมความตื่นเต้นดีใจไม่ได้ และรีบไปนำตำราวิชามาให้ทันที
จงหมิงค่อนข้างจะควบคุมความรู้สึกได้มั่นคง จึงรู้ว่าที่คุณท่านพูดแบบนี้ นั่นแสดงว่าไม่มีปัญหาแล้ว จึงไม่ได้สอบถาม
ส่วนพวกเด็กรุ่นหลังอย่างจงอู่อดใจไม่ไหว จึงถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า: “คุณปู่ อาการป่วยของท่านหายดีแล้วจริง ๆ เหรอ? ”
“หายเป็นปกติดีแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณหมอเทวดาหลินอย่างมาก จากนี้ไป หมอเทวดาหลินก็คือแขกสำคัญของพวกเราตระกูลจง ทุกคนที่พบเจอกับหมอเทวดาหลิน จะต้องให้ความเคารพ หากใครไม่เคารพ ฉันจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
เสียงของจงหยู่ดังกังวานมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
เย่เซิ่งเทียนกลับแสดงท่าทางที่ไม่ตอบรับน้ำใจ และพูดขึ้นว่า: “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันต้องการจะเห็นตำราวิชา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หมอเทวดาหลินตรงไปตรงมา ถูกใจฉันอย่างมาก หมอเทวดาหลินวางใจได้ ในเมื่อฉันตกปากรับคำแล้ว จะไม่มีทางคืนคำพูดอย่างแน่นอน”
จงหยู่มีสภาพจิตใจและอารมณ์ดีมาก โรคร้ายที่เป็นมาหลายสิบปีได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ เพียงแค่บำรุงดูแลร่างกายให้กลับมาดีเหมือนเดิม การบรรลุขั้นแดนนั้น ต่อให้มีชีวิตอยู่ไปอีกนับร้อยปีก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
แดนสะพานเทพอ่า
นั่นเป็นถึงยอดฝีมือระดับเจ้าพญาสวรรค์ทั้งแปดเลยทีเดียว
เพียงแค่ตนเองได้รับตำราวิชาแล้ว ก็สามารถที่จะบรรลุขั้นได้
ในขณะนั้นเอง จงหมิงจึงฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า: “ท่านพ่อ เจ้าบ้านตระกูลเซียวไม่ใช่ว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรอกเหรอ? ทำไมไม่แนะนำหมอเทวดาหลินไปให้กับตระกูลเซียวล่ะ? ในเมื่อหมอเทวดาหลินชอบสะสมตำราวิชา ตระกูลเซียวนั้นก็มีสิ่งเหล่านี้จำนวนมากด้วย”
จงหยู่สายตาเป็นประกายขึ้น เขาอายุมากและมีประสบการณ์โชกโชน เมื่อได้ยินที่จงหมิงพูดแล้วก็เข้าใจถึงความหมายที่แอบแฝงไว้ในทันที
ครั้นแล้วก็หันหน้ามองไปที่เย่เซิ่งเทียน และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า: “เรื่องนี้ยังต้องถามความยินยอมจากทางหมอเทวดาหลินก่อน หมอเทวดาหลิน ไม่ทราบว่าท่านเต็มใจที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยอีกคนหนึ่งไหม? คนผู้นั้นคือเซียวเทียนเฉิงเป็นเจ้าบ้านตระกูลเซียว ป่วยเป็นโรคร้ายมานานหลายปีแล้ว เชิญหมอมารักษาตั้งมากมาย ก็ยังรักษาไม่หาย หากว่าหมอเทวดาหลินเต็มใจที่จะช่วยรักษา ฉันจะแนะนำให้ ทางตระกูลเซียวนั้นมีตำราวิชามากมาย จะต้องเป็นที่พึงพอใจตรงตามความชื่นชอบของหมอเทวดาหลินอย่างแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนเกิดความหวั่นไหว
เขาก็กำลังรอทางตระกูลจงเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
หากว่าเขาเป็นคนที่เอ่ยออกมา ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจงหรือตระกูลเซียว คงจะต้องเกิดความสงสัยในตัวเขาขึ้นเป็นแน่
แม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะแอบตื่นเต้นดีใจ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา และยังกลับทำเป็นไม่ค่อยจะยินยอมและพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่มีเวลามากนัก และฉันเองก็ไม่ใช่เทวดาสักหนอ่ย ไอ้เซียวเทียนเฉิงอะไรนั่นอยากจะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ ฉันจะไปเล่นพนันก่อนแล้ว สำหรับเรื่องตำราวิชานั้น ก็แค่ความชื่นชอบของฉันเท่านั้น วันนี้ได้รับตำราวิชามาตั้งสิบกว่าเล่ม เพียงพอแล้ว”
ท่าทางที่หยาบคายของเย่อเซิ่งเทียน ไม่เพียงไม่ทำให้จงหยู่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม กลับยังเพิ่มความหวังที่จะแนะนำเขาให้กับตระกูลเซียวอีก
เพียงแค่เย่เซิ่งเทียนสามารถรักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงได้ ถ้าอย่างนั้นตระกูลจงก็สามารถเสนอความต้องการที่จะขอซื้อตำราวิชาแดนสะพานเทพจากตระกูลเซียวได้ เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลเซียวก็คงจะไม่ปฏิเสธ
ในเวลานี้ตระกูลจง ต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่ขาดอยู่แค่ยอดฝีมือแดนสะพานเทพแล้ว
จงหมิงขยิบตาส่งสัญญาณให้กับจงหยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำให้หลินเย่ตอบตกลงเรื่องนี้ให้ได้
นี่คือโอกาสของตระกูลจง ห้ามพลาดไปโดยเด็ดขาด
จงหยู่พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า: “ฮ่าฮ่า หมอเทวดาหลินอย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกเราค่อย ๆ เจรจากันก็ได้ พวกเราตระกูลจงมากที่สุดก็เป็นเพียงแค่ตระกูลอันดับสอง ตำราวิชาที่สะสมนั้นก็มีอยู่จำกัด แต่ตระกูลเซียวไม่เป็นอย่างนี้ ตระกูลเซียวคือตระกูลอันดับหนึ่ง มีตำราวิชาล้ำค่ามากมาย แม้ว่าท่านจะเสนอเงื่อนไขเป็นตำราวิชาแดนสะพานเทพ ตระกูลเซียวก็สามารถนำมามอบให้ท่านได้”
“ค่อยว่ากันเถอะ ฉันไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร”
เย่เซิ่งเทียนจงใจที่จะแสดงท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดปิดกั้นโอกาสลงทั้งหมด
ตอนนี้เขากำลังล่อเหยื่อตกปลา ให้ตระกูลจงร้อนใจมากขึ้น
จากข้อมูลที่เหย้ซูหลิงให้มานั้น เวลานี้ตระกูลจงขาดยอดฝีมือแดนสะพานเทพหนึ่งท่านที่จะมาเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง แต่การที่พวกเขาจะได้ตำราวิชาแดนสะพานเทพมานั้น จำเป็นต้องซื้อผ่านทางตระกูลเซียวเท่านั้น
ดังนั้น ตระกูลจงยิ่งร้อนใจมากกว่าเขาเสียอีก
วิธีการนี้เรียกว่าปล่อยให้ตายใจแล้วจัดการทีเดียวเลย