Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 899 คืนดีกับตัวเอง
เย่เซิ่งเทียนไม่ได้ปฎิเสธเย่จิงหง แม้ว่าเย่จิงหงไม่พูด เขาก็จะไปทำ
เมื่อก่อนเขาเกลียดเย่ห้าว เกลียดเย่จิงหง เกลียดตระกูลเย่
ปีนั้น เขาก็แค่อดกลั้นความโกรธนี้ที่จะต้องแก้แค้นให้แม่อย่างเหนือชั้นกว่าคนอื่น ถึงได้เข่นฆ่าออกมาท่ามกลางผู้คนนับพันนับหมื่น ท้ายที่สุดกลายเป็นเจ้าเทพแห่งต้าเซี่ย
แต่ว่า หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเองก็ตกอยู่ในกับดักลึกขึ้อนเรื่อยๆ เขาเริ่มเข้าใจเย่จิงหงและย่ห้าวแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นเขา ปีนั้นก็ทำแบบนั้นเช่นกัน
ถึงยังไง นั่นเป็นวิธีการเดียวที่จะปกป้องพวกเขาแล้ว
เพียงแค่สองฝ่ายได้รับข้อมูลต่างกัน ท้ายที่สุดถึงได้ถูกสรวงสวรรค์หลอกใช้ เกิดเรื่องภายหลังตามมาแล้ว
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เย่จิงหงและเย่ห้าวไม่เคยแก้ต่างมาก่อน
และก็ไม่เคยบ่นว่าอะไร
แม้ว่าเย่เซิ่งเทียนไม่ยอมรับพวกเขา พวกเขาก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ทำอะไรบางอย่างมาชดเชย
โดยเฉพาะท้ายที่สุด เย่ห้าวใช้ชีวิตของตัวเอง มาปกป้องพวกซือซือไว้
เย่เซิ่งเทียนให้อภัยเขาแล้ว
ยิ่งประสบการณ์มาก ถึงได้รู้ว่าตอนนั้นที่เย่เซิ่งเทียนและเย่ห้าวตัดสินใจเช่นนั้น เจ็บปวดมากแค่ไหน
เย่เซิ่งเทียนคืนดีกับตระกูลเย่ แล้วทำไมเขาจะไม่คืนดีกับตัวเองล่ะ?
ชีวิตคนเรานี่น่ะ จริงๆแล้วเป็นกระบวนการของการคืนดีกับตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน
“เซิ่งเทียน ขอบคุณ พ่อของแกเป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์ เขาจะต้องดีใจมากแน่ ”
เย่จิงหงเช็ดน้ำตา เขาไม่ใช่คนที่ถนัดแก้ตัว และก็ไม่คิดแก้ต่างให้ตัวเอง
เย่เซิ่งเทียนพูดด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำว่า“เมื่อก่อนฉันเกลียดเข้าจริงๆ เกลียดตระกูลเย่ ตอนนี้ฉันเข้าใจพวกคุณแล้ว นี่เป็นชีวิตของคนในตระกูลเย่อย่างพวกเรา มีเลือดประหลาดตระกูลเย่ ก็คือโชคชะตาของเรา”
มีเลือดประหลาด ก็จะได้รับพละกำลังที่แข็งแกร่งได้
ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเย่เซิ่งเทียนยังมีเลือดเทพสองชนิด
แต่นี่ก็เป็นแหล่งกำเนิดของภัยพิบัติ
พวกเขาอยากเป็นเหมือนคนธรรมดา ล้วนแต่เป็นไปไม่ได้
นัยน์ตาของเย่จิงหงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง กัดฟันพูดด้วยความเกลียดชังว่า “ผิดที่พวกเรา และก็ไม่ได้อยู่ที่เลือดประหลาด แต่เดียรัจฉานเหล่านั้นไม่มีมโนธรรมแล้ว หรือว่าพวกเราคิดอยากจะมีเลือดเทพงั้นเหรอ?พวกเราเกิดในตระกูลเย่ จะเลือกยังไงได้?ถ้ารู้ว่ามีเลือดเทพจะนำภัยพิบัติมาให้มากมายขนาดนี้ตั้งแต่แรก ใครยินยอมที่จะเอาเลือดเทพแบบนี้?แต่พวกเราเลือกได้อย่างไร?เดียรัจฉานเหล่านั้นจะลงมือกับพวกเรา เพราะความปรารถนาของตัวเอง ให้ทุกคนเป็นตัวทดลอง นี่เป็นความผิดของพวกเขา พวกเดียรัจฉานเหล่านั้นก็ไม่คววรอยู่บนโลกใบนี้”
ความเกลียดชังที่ชายชราผู้นี้มีต่อสรวงสวรรค์ เกลียดเขากระดูก
เพราะว่าสรวงสวรรค์ พ่อเสียแล้ว ลูกชายทั้งสองก็เสียแล้ว ตอนนี้อนาคตของหลานชายก็ยากที่จะคาดการณ์ จะไม่เกลียดได้ยังไง
“คุณวางใจได้ ฉันจะให้พวกเขาชดใช้กับสิ่งที่ทำไปทั้งหมด พวกเขาเหล่านั้น ไม่ควรปรากฏตัวบนโลก ควรจะถูกกวาดลงไปในถังขยะในประวัติศาสตร์ตั้งนานแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนพูดปลอบใจสามสี่ประโยค ตรวจดูร่างกายให้เย่จิงหงครู่หนึ่ง แต่ละด้านฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย
เพียงแค่สูญเสียขาทั้งสองข้างและแขนข้างนั้น ไปโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ปู่หอคอยพูดว่า รอหลังจากถึงแดนเทพ แขนที่ขาดก็งอกมาใหม่ได้อีก ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ
ถ้าหากเป็นความจริง ถึงตอนนั้นขาทั้งสองข้างและแขนของคุณปู่ ก็งอกออกมาได้
เย่เซิ่งเทียนแอบคิด
เพียงแค่ เขาสูญเสียพ่อไปตลอดกาล
รอหลังจากช่วยแม่ออกมาได้ เขาควรจะพูดกับแม่ว่าอย่างไรดีล่ะ?
เขาเชื่อว่า หลังจากที่แม่ถูกจับตัวไป เธอก็คงคาดเดาความตั้งใจของคุณปู่และพ่อออกตั้งนานแล้ว
ถ้าหากรู้ว่าพ่อตายอย่างอนาถด้วยการใช้วิธีการเช่นนี้ แม่จะทนต่อการโจมตีเช่นนี้ได้ไหม?
เย่เซิ่งเทียนไม่กล้าคิด
“คุณทวด ร่างกายของคุณทวดแข็งแรงดีแล้วหรือยัง?”
หวางซีพาซือซือมา เย่จิงหงก็ชอบให้ซือซือมาเช่นกัน
เพียงแค่เห็นซือซือ บาดแผลในใจของเขาถึงจะได้ไม่เจ็บปวดขนาดนั้น
“ดีแล้วๆ วันนี้ซือซืออยากฟังนิทานเรื่องอะไร?ทวดจะเล่าให้ฟังหนูฟังอีกเรื่อง”
เย่จิงหงใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้นบีบใบหน้ากลมๆของซือซือ
ซือซือปีนขึ้นเตียงมาเอง นั่งอยู่ข้างกายเย่หงจิง ป้อนส้มให้เย่หงจิงคำหนึ่ง พูดอย่างมีความสุขว่า “คุณทวดเล่าเรื่องอะไรก็ได้ค่ะ หนูชอบฟังหมดเลย”
หลังจากนั้นเธอก็พูดกับเย่เซิ่งเทียนและหวางซีอีกว่า “พ่อ แม่ ตอนนี้หนูมีคุณทวดสองคนแล้วค่ะ มีความสุขมากเลย”