ได้ยินที่เย่เซิ่งเทียนพูด คนของตระกูลจงก็มีสีหน้าหนักอึ้ง
คุณท่านมีอาการอย่างไร พวกเขาต่างก็ชัดเจนดีอยู่แก่ใจ
ท่านยาตระกูลเหย้ก่อนหน้านี้ได้เคยพูดไว้ ซึ่งเรื่องนี้สามารถสอบถามและรับรู้ได้โดยทั่วไป ดังนั้นพวกเขาเองจึงไม่ได้เห็นเย่เซิ่งเทียนอยู่ในสายตาเลย
จงหมิงท่านรองตระกูลจงยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ไอ้คนที่ไม่รู้จักความเป็นความตายนี้มาจากที่ไหนกัน ถึงได้มาโอ้อวดและพูดหลอกลวงอยู่ที่นี่ได้ อาการของพ่อของฉัน ไปสอบถามที่ไหนก็สามารถรับรู้ได้แล้ว”
จงอู่มองไปที่เย่เซิ่งเทียนด้วยความประหม่า จิตใจร้อนรนอย่างที่สุด
แต่พวกผู้อาวุโสอยู่กันที่นี่ เขายังไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เมื่อครู่นี้หลินเย่ตบหน้าทั้งจงเหวินปินและจงเซิงนั้น แม้ว่าจงอู่จะรู้สึกสะใจ แต่ก็เริ่มเกิดความกังวล
ถ้าหากหลินเย่สามารถรักษาคุณท่านให้หายเป็นปกติได้นั้นก็ถือว่าดีไป แต่ถ้ารักษาไมได้ ก็จะต้องเดือดร้อนมาถึงตัวเขาแน่
คนผู้นี้ เขาเป็นคนพามาที่นี่
จงเหวินปินกับจงเซิง ทนไม่ไหวอยากที่จะจัดการฉีกหลินเย่ให้เป็นชิ้น ๆ
พวกเขาก็แค่พูดขึ้นด้วยความสงสัย คิดไม่ถึงว่าจะถูกตบหน้าอย่างจัง
และยังจะถูกตบต่อหน้าคนจำนวนมากอีกด้วย
เย่เซิ่งเทียนไม่ได้มองไปที่จงกวงกับจงหมิงเลยแม้แต่น้อย ได้แต่จ้องไปที่จงหยู่และพูดขึ้นว่า: “ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่หนึ่งเดือนแล้วล่ะสิ? หากต้องการที่จะให้ฉันช่วยชีวิตนายนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เพียงแค่ตระกูลจงของพวกนายจะต้องทำตามเงื่อนไขของฉัน”
จงกวงตวาดใส่อย่างเย็นชา: “นายนี่มันช่างบังอาจยิ่งนัก วันนี้หากว่านายรักษาพ่อของฉันไม่ได้ ฉันก็จะเอาชีวิตของนายแทน”
จงหยู่ที่สีหน้าขาวซีดได้ยกมือขึ้นเพื่อยับยั้งความไม่พอใจของทุกคนตระกูลจง และพูดขึ้นว่า: “หมอหลินใช่ไหม? ได้ยินหลานชายของฉันพูดว่า นายใช้วิชาสิบสามเข็มผีทวนความตายได้? พูดเงื่อนไขของนายออกมาสิ หากว่านายเป็นวิชาสิบสามเข็มผีทวนความตายจริง ๆ ล่ะก็ ตระกูลจงของพวกเราจะไม่มีทางคืนคำพูดแน่นอน แต่หากว่าพูดโกหก……เหอะเหอะ ตระกูลจงของฉันก็ไม่ใช่จะถูกข่มเหงรังแกได้โดยง่ายเช่นกัน”
เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นอย่างรำคาญใจว่า: “ในชีวิตของฉันชื่นชอบอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการพนัน อีกอย่างคือรวบรวมสะสมตำราวิชา หากจะให้ฉันช่วยชีวิตนาย ก็เตรียมตำราวิชาแดนฉ่องทิพย์เอาไว้ห้าเล่ม และตำราวิชาแดนลอยเมฆสิบเล่ม หากว่ามีตำราวิชาแดนสะพานเทพ ก็เตรียมไว้สามเล่มก็พอ”
ทุกคนของตระกูลจงที่อยู่ด้านข้างต่างพากันโมโหขึ้น ชัดเจนว่านี่เป็นการเรียกร้องที่สูงเกินไปแล้ว
หากว่าต้องการเงิน พวกเขาตระกูลจงไม่ใส่ใจเลย
แต่ตำราวิชานี่สิ มันคือรากฐานของตระกูล
จะให้คนอื่นไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?
ต่อให้หลินเย่นี้จะเป็นวิชาสิบสามเข็มผีทวนความตาย ก็คงไม่สามารถที่จะมอบตำราวิชาให้กับเขาได้
“ท่านพ่อ ห้ามตกลงเด็ดขาด”
จงกวงที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลจงในเวลานี้ร้อนใจขึ้นแล้ว หากว่าตอบตกลงจริง ๆ แล้วทางหลินเย่ได้นำตำราวิชาเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ก็จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อตระกูลจงอย่างมากเลยทีเดียว
“ฉันรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
จงหยู่บอกให้ทุกคนสงบเงียบลง มองไปที่เย่เซิ่งเทียนและพูดว่า: “หมอหลินเย่ หากนายสามารถรักษาโรคร้ายของฉันให้หายได้จริง ๆ ล่ะก็ เงื่อนไขที่เสนอมานั้นไม่ใช่ว่าจะตอบแทนให้ไม่ได้ แต่นายเองก็คงจะชัดเจนดีว่า ตำราวิชาคือรากฐานของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้น ตำราวิชาของแดนสะพานเทพ ตระกูลจงของฉันเองก็มีเพียงแค่เล่มเดียว ไม่สามารถให้นายได้ ส่วนตำราวิชาของแดนฉ่องทิพย์ให้หนึ่งเล่มได้ หากเกินสองเล่มก็ไม่ต้องเจรจากันอีก สำหรับตำราวิชาของแดนลอยเมฆนั้น สามารถที่จะให้นายได้หลายเล่ม”
เย่เซิ่งเทียนหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้นว่า: “ตรงไปตรงมาดี ฉันชอบที่จะพูดคุยกับคนอย่างนายนี้ เมื่อเห็นแล้วว่านายเป็นคนที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ อย่างนั้นก็ตำราวิชาแดนฉ่องทิพย์สองเล่ม และตำราวิชาแดนลอยเมฆสิบห้าเล่มก็แล้วกัน ไม่ต้องพูดไร้สาระอะไรอีกแล้ว ฉันจะรักษาโรคให้นายเดี๋ยวนี้เลย ส่วนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องนั้นถอยหลังออกไปให้หมด”
จงกวงกับจงหมิงยังต้องการที่จะพูดอะไรเพิ่ม แต่จงหยู่ก็ส่ายมือไปมาอย่างอ่อนแรง
อาการของเขาในตอนนี้หนักหนาอย่างมากแล้ว มิเช่นนั้นคงจะไม่ตอบตกลงในเงื่อนไขที่โหดร้ายแบบนี้แน่
แต่ว่า ในเมื่อหลินเย่กล้าที่จะเสนอเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นมา ก็แสดงว่ามีความสามารถที่แท้จริง จึงทำให้พวกเขาเกิดประกายความหวังขึ้นมาบ้าง
ทุกคนของตระกูลจงเดินจากไปอย่างไม่ยินยอม และก่อนที่จงหมิงจะเดินจากไปนั้นก็เหลือบมองไปที่เย่เซิ่งเทียนอย่างน่าสะพรึงกลัว
หากว่ารักษาให้หายได้ก็ดีไป แต่หากรักษาไม่ได้ จะต้องจัดการไอ้หลินเย่คนนี้ให้ตายทั้งเป็น
“ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนลงไปบนเตียง ไม่ต้องมัวชักช้ารีรออะไรอยู่อีก”
เย่เซิ่งเทียนจงใจแกล้งทำเป็นว่าตนเองเป็นคนใจร้อน
จงหยู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนลงไปบนเตียง
เย่เซิ่งเทียนหยิบเข็มเงินออกมาจากบริเวณทรวงอก แล้วเริ่มทำการรักษาให้จงหยู่