“สนามรบแห่งทวยเทพอยู่ที่เนินเขาคุณหลุน วิหารปีศาจอยู่ที่สนามฝึกไท่ซาน สองที่นี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สัมผัสและมองเห็นได้ ผนึกที่ปิดเหล่านั้นในตอนนี้ล้วนแต่เริ่มคลาย เหล่าสำนักอื่นๆเหล่านั้น ก็กำลังจะปรากฎออกมาแล้ว”
กลุ่มบุคคลลึกลับมาถึงแล้ว
บนตัวของพวกเขาล้วนแต่นำมาซึ่งลมหายใจที่คร่ำครึบางๆ
เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน
ข่าวคราวของการเปิดใช้วิหารปีศาจ ทำให้พวกเขาเหล่านี้ตื่นตัวแล้ว
“เย่เซิ่งเทียนแน่ใจเหรอว่าจะเปิดสถานที่แห่งนั้นได้?ถ้าหากว่าเปิดไม่ได้ พวกเราไม่สามารถนอนหลับลึกได้อีก พวกเราก็มีเวลาเหลือไม่เท่าไหร่แล้ว ”
มีคนพูดถาม
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
ถ้าหากว่าการทดลองของสรวงสวรรค์ในครั้งนี้ไม่สามารถสำเร็จได้ งั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ก็เดินไปถึงตอนจบของชีวิตแล้ว
“วางใจเถอะ ทางฝั่งสรวงสวรรค์พูดแล้ว ครั้งนี้จะสำเร็จแน่นอน เย่เซิ่งเทียนไม่มีปัญหา บางทีเขาก็อาจจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออะไรทั้งนั้น”
อีกคนหนึ่งพูดอย่างสงบนิ่ง
“เหอะๆ ไม่ว่าครั้งนี้จะสำเร็จได้หรือไม่ สำหรับพวกเราแล้วมันคือโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว แม้ว่าไม่ตื่น อายุขัยของพวกเราก็จะหมดสิ้น ก็จะยุติท่ามกลางการนอนหลับลึก”
บางคนถอนหายใจอย่างจนใจ
แม้ว่าตอนนี้ตื่น ก็ไม่ใช้โอกาสที่ดีที่สุด
แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาว่างแล้ว
คนที่ตื่นเร็วที่สุด จะต้องเสียเปรียบแน่นอน
แต่ว่านะ ถ้าหากครั้งนี้สามารถคว้าสิ่งของเหล่านั้นจากวิหารผีมาได้ หาโอกาสกลายเป็นเทพ งั้นก็เป็นโอกาสที่ดี
โลกแห่งสงครามใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ใครแย่งโอกาสมาได้ก่อนก็จะได้เปรียบ
ใครๆต่างก็รู้ว่ามหาพญาเทพมีเจตนามุ่งร้ายแน่นอน แต่ไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็นกลยุทธ์เปิดเผย
“สนใจอะไรมากมาย อยากตายก็ตายไม่ได้อยากมีชีวิตก็ไม่ได้ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว หรือว่าจะแย่กว่ารอความตายงั้นเหรอ?”
คนกลุ่มนี้พูดถกเถียงกัน อย่างกับว่าไม่ได้พูดคุยกันมานานแล้ว
“พวกคุณว่า มหาพญาเทพออกมาจากวิหารปีศาจไหม ?”
บางคนพูดถามอย่างอยากรู้
“เหอะๆ นี่ก็พูดยากนะ แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิหารปีศาจไม่ธรรมดาแน่นอน”
“ตอนนั้นวิหารปีศาจโดดเด่นเหนือบุคคลอื่น สร้างสรวงสวรรค์ ค้นหาที่มาของเขาไม่ได้มาโดยตลอด หลังจากนั้นวิหารปีศาจกำเนิด ถึงมีเบาะแสบางอย่าง”
“วิหารปีศาจ ถ้าหากเป็นการขวางทางออกจริงๆ งั้นเป้าหมายที่มหาพญาเทพทำทั้งหมดนี้ ก็คืออยากจะทำลายทางออก ถ้าหากมหาพญาเทพมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกนรกจริงๆ ครั้งนี้บีบบังคับให้เย่เซิ่งเทียนเปิดใช้ งั้นก็จะเป็นมหันตภัยของโลก”
ชายชราชุดคลุมสีดำตัวเตี้ยท่านหนึ่งพูดอย่างถอนหายใจ
คนเหล่านี้ปิดบังใบหน้าทั้งหมด เหมือนกลัวว่าจะมีคนจำได้
บางคนพูดพร้อมหัวเราะแปลกๆ : “พวกเราจะเป็นหรือตายก็ยากที่จะคาดเดาได้ ยังจะสนใจว่าโลกมนุษย์จะเป็นอย่างไร?มีทุกข์หรือมีสุขสวรรค์เป็นผู้กำหนด ขอเพียงแค่ตัวเองรอดพ้นได้ โลกมนุษย์เป็นเหมือนลูกแกะที่รอถูกฆ่ามาตลอดไม่ใช่เหรอ?จำเป็นต้องให้คุณและฉันมาเป็นกังวลเหรอ”
บุรุษร่างกายกำยำผู้หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “คนเราตายไปก็ไปสวรรค์ เป็นอมตะ ถ้าหากว่าฉันไม่ตาย มีเมตตา ก็ปกป้องได้ ถ้าหากฉันตายแล้ว คนและมดเหล่านั้นจะอยู่หรือตายเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
คนเหล่านี้พูดคุยกันตามปกติมาก แต่สิ่งที่พวกเขาคุยกัน ล้วนเป็นความลับที่น่าตกใจ
ทุกประโยค ล้วนแต่เผยความไม่แยแสของคนเหล่านั้นที่มีโลกมนุษย์
ในทุกประโยค ล้วนแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า
เป้าหมายของพวกเขา ก็คือเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป กลายเป็นเทพได้
ส่วนคนทั่วไปเหล่านั้น สำหรับพวกเขาแล้ว ตายแล้วก็แค่ตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ชีวิตคนต่ำต้อยเหมือนหญ้าไง คนธรรมดาทั่วไป ราวกับวัชพืช ตายแล้วก็งอกขึ้นใหม่ ฆ่ามาตายสักที ในตำนานเล่าว่าภัยพิบัติครั้งนั้น ทำให้คนเสียชีวิตไปกว่า90เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ยังคงต้องเติบโตขึ้นมาอีกไม่ใช่เหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น พวกมดเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ผืนแผ่นดินใหญ่นี้ นอกจากนั้นผืนแผ่นดินใหญ่อื่นๆก็มีจำนวนเยอะมาก ตายไม่หมดไม่สิ้นสักที”
บางคนพูดอย่างเลือดเย็นไร้ซึ่งความปรานี
ในคำพูดของเขา คนธรรมดาเหล่านั้นก็คือวัชพืช ตายไปก็งอกงามขึ้นมาใหม่ได้
นี่เป็นคนที่ดูถูกคนอื่นเห็นคนอื่นต่ำต้อยอย่างกับดอกหญ้า และพละกำลังของพวกเขาเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไม่มีเหตุผล คนที่อ่อนแอที่สุดก็คือผู้แข็งแกร่งแดนทะลุเทพแปดวัง
และก็มีเพียงกลุ่มคนเหล่านี้ของพวกเขา ถึงจะบ้าคลั่งกับการกลายเป็นเทพ
มีกลุ่มคนแบบนี้อยู่ เย่เซิ่งเทียนคิดอยากจะทำสำเร็จ ยากกว่าทะยานขึ้นสู่ฟ้า!