เห็นท่าทางโมโหเดือดดาลของพวกเขาสามคน เย่เซิ่งเทียนพูดแบบนิ่งสงบ “หลักธรรมแห่งจักรพรรดิ แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่ความหวัง! หรือว่าตอนนั้นจักรพรรดิไท่อาศัยหลักธรรมแห่งจักรพรรดิมาปราบปรามโลกชูร่างั้นเหรอ? หรือว่าจักรพรรดิไท่ก็คืออาศัยหลักธรรมแห่งจักรพรรดิกลายมาเป็นจักรพรรดิไท่เหรอ? ความหวัง แต่ไหนแต่ไรมันไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเอามาให้! ความหวัง เป็นสิ่งที่ตัวเองหามาต่างหาก!”
เหย้หมิงพูดแบบรีบร้อน “นายแม่งพูดดูน่าฟัง ตอนนี้มันสมัยไหนกัน? ยุคไร้เทพ! นายจะกลายเป็นเทพยังไง? นายคิดว่ามีแค่นายคนเดียวที่ฉลาด? พวกฉันรอมานานหลายปีขนาดนี้ หรือว่าให้อยู่ไปวันๆ รอความตายจริงๆ งั้นเหรอ? เย่เซิ่งเทียน นายผิดแล้ว ในยุคสมัยนี้ ไม่ว่านายขยันมากแค่ไหน ไม่ว่านายมีพรสวรรค์สุดยอดมากแค่ไหน ไม่มีหลักธรรมแห่งจักรพรรดิ นายก็ไม่มีทางกลายเป็นเทพได้ตลอดกาล! พรสวรรค์ของมหาพญาเทพไกลเกินกว่านาย เข้าใกล้ความเป็นเทพสุดขีด แต่ยังคงไม่มีทางกลายเป็นเทพได้เลย! มีเพียงหลักธรรมแห่งจักรพรรดิเท่านั้น ถึงมีความหวังริบหรี่!”
มุมปากเย่เซิ่งเทียนกระตุกแล้ว ครั้งนี้เหมือนว่าเล่นใหญ่เกินไปจริงๆ
เขาหวาดผวาอยู่นิดหน่อย ถ้าหลักธรรมแห่งจักรพรรดิระเบิดแล้วยังไม่ทำให้มหาพญาเทพตาย งั้นก็น่าอับอายแล้ว ฆ่าศัตรูแต่สุดท้ายเสียหายหนักกันทั้งสองฝ่าย
เขาแสร้งทำเป็นพูดแบบเรียบนิ่ง “กลัวอะไรกัน? ไม่มีทางกลายเป็นเทพก็ไม่ใช่แค่พวกเราจะไม่มีทางกลายเป็นเทพสักหน่อย คนอื่นก็ไม่มีทางกลายเป็นเทพเหมือนกัน ผมคิดว่าแบบนี้ดีมากเลย ทุกคนเป็นเทพกันไม่ได้ทั้งหมด”
เหย้เฉิงพูดพึมพำอย่างเย็นชา “งั้นนายจะต้านทานโลกชูร่ายังไง?”
เย่เซิ่งเทียนกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง ยิ้มตอบ “กังวลอะไร? รถขับมาถึงหน้าภูเขาต้องมีทางไป เรือแล่นมาถึงหัวสะพานย่อมตรงไป(เมื่อเผชิญปัญหาควรรับมืออย่างสุขุมเยือกเย็น) จักรพรรดิไท่เป็นคน พวกเราก็เป็นคนเหมือนกัน ตอนนั้นเขาทำสำเร็จได้ หรือว่าพวกเราทำไม่ได้เหรอ? พวกคุณไม่เชื่อใช่ไหม? งั้นผมจะกลายเป็นเทพให้พวกคุณดูกันหน่อย เรื่องใหญ่โตอะไรกัน ข้างนอกน่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วมั้ง? ผมออกไปดูก่อนสักหน่อย”
เขากลัวว่าขืนอยู่ต่อไปอีก จะโดนผู้เฒ่าสามคนนี้ฉีกเป็นชิ้นๆ
หลักธรรมแห่งจักรพรรดิเป็นความหวังของพวกเขา ครั้งนี้เหมือนจะเล่นใหญ่ไปแล้ว
แต่ว่าเขาไม่สนใจ กลายเป็นเทพไม่ได้ก็เป็นไม่ได้สิ ไม่มีปัญหาอะไรมากมาย
ถ้าโลกชูร่ารุกรานเข้ามาแล้วไม่มีทางต้านทานได้จริงละก็ งั้นทุกคนก็ตายไปด้วยคนโดยตรงก็พอ
ในเมื่อนี่คือยุคสมัยที่สิ้นหวัง ถึงแม้กลายเป็นเทพแล้ว อาศัยคนจำนวนน้อยนิดขนาดนี้อย่างพวกเขา ก็ต้านโลกชูร่าไม่ไหวหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เชื่อว่า ระเบิดหลักธรรมอันหนึ่งแล้ว ยังสามารถทำให้ทุกคนตายไปได้ด้วยเหรอ ยังสามารถทำให้ทุกคนไม่มีทางกลายเป็นเทพได้ด้วยเหรอ
เขาไม่เชื่อว่าไม่มีวิธีการอย่างอื่น
เขาเพิ่งอายุยี่สิบกว่าๆ สิ่งที่มีคือเวลา
“ฉันคิดว่าที่ไอ้เด็กนี่พูดมามีเหตุผลอยู่นะ”
ทันใดนั้นเหย้เฟิงพูดจาแบบท่าทางเย็นชา
เหย้หมิงด่าว่า “มีเหตุผลกับผีนะสิ เขาแค่มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นถึงทำลายหลักธรรมแห่งจักรพรรดิแล้ว ทำให้พวกเราทุกคนตายไปด้วยกันกับเขาเท่านั้นเอง! ไอ้เด็กนั้นก็แค่คนบ้า คนบ้าที่โดนโลกใบนี้บีบจนหมดหนทางไปแล้ว”
เหย้เฟิงชายตามองเขาแวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นเยือก “หรือว่า นายเอาความหวังฝากฝังไว้บนหลักธรรมแห่งจักรพรรดิอันเดียวจริงเหรอ?”
เหย้หมิงตะลึง
เหย้เฉิงพูดแบบไม่เข้าใจ “พูดให้กระจ่างหน่อย เวลานี้แล้ว ยังมาแสร้งเย็นชาอะไรอีก”
เย่ม่อยิ้มบอก “เหล่าจู่ทั้งสามครับ ผมคิดว่าเย่เซิ่งเทียนเจ้าเด็กคนนั้นคงไม่ได้ไร้จุดหมาย หนทางนี้ของเขาก็คือเดินมาจากในความหมดหวัง สามารถมีชีวิตรอดเติบโตถึงขั้นนี้ ต้องมีแผนการของตัวเองแน่ เขาทำลายหลักธรรมแห่งจักรพรรดิทิ้ง บางทีอยากทำให้พวกคุณทำลายความคิดเก่าเพื่อสร้างความคิดใหม่ขึ้น ทำลายพันธนาการในใจลง พวกคุณไม่คิดว่า พวกคุณทุกคน มีความหมกมุ่นต่อหลักธรรมแห่งจักรพรรดิลึกเกินไปบ้างเหรอครับ? มหาพญาเทพเป็นเช่นนี้ ห้าตระกูลทรยศก็เป็นเช่นนี้ ตอนแรกพวกคุณหมกมุ่นกันก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเย่เซิ่งเทียนเป็นเหมือนกันกับพวกคุณ เขาจะมีวันนี้ได้เหรอครับ?”
เหย้เฟิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง เย่เซิ่งเทียน กำลังช่วยพวกเราทำลายเทพในใจทิ้ง! พวกเราให้ความสำคัญกับการกลายเป็นเทพมากเกิน จนกลายเป็นความหมกมุ่น หลักธรรมมากมาย ล้วนสามารถกลายเป็นเทพได้ ถึงแม้เป็นยุคสมัยที่ขาดเทพ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางกลายเป็นเทพสักหน่อย”
เหย้เฉิงพูดพึมพำ “เจ้าเด็กนั้นคิดแบบนี้จริงเหรอ?”
ด้านนอกหอคอย วิญญาณหอคอยถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้าหนู นายคิดแบบนี้จริงเหรอ?”
เย่เซิ่งเทียนเบ้ปากแล้ว “คิดกับผีนะสิ ฉันก็แค่ไม่สบอารมณ์กับท่าทางเสแสร้งของมหาพญาเทพเท่านั้น!”