ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสีฟ้าไม่มีเมฆ และดวงอาทิตย์ส่องแสงสีทองโปรยปราย
บนถนนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และคนเดินถนนก็เดินผ่านไปมาอย่างเร่งรีบ ลู่ฝานเดินไปทางร้านขายยาสมุนไพร ในกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยเหรียญทอง ซึ่งมันเป็นเงินออมเกือบทั้งหมดของเขา
หลังจากที่เขาได้ทักษะวิชาบู๊หมัดถล่มเขาในเมื่อคืนนี้ ลู่ฝานก็ศึกษามันอย่างระมัดระวัง อ่านมันให้เข้าใจก่อน อ่านให้ละเอียด แล้วจึงเริ่มฝึกฝน
เขาพบว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกฝนหมัดถล่มเขานั้น ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่แขน แต่เป็นปัญหาของวัสดุยา
ทักษะวิชาบู๊ชุดนี้ ต้องได้รับการฝึกฝนร่วมกับยาสมุนไพร และต้องใช้สมุนไพรชนิดหนึ่งเพื่อการรักษาที่ค่อนข้างดี นั่นก็คือหญ้าเปลวเพลิง และหากไม่มียาดังกล่าว งั้นการทุบแขนเข้ากับก้อนหินนั้น มันก็ถือเป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น ในช่วงเช้าตรู่ ลู่ฝานก็ได้ออกไปซื้อยาสมุนไพรชนิดนี้
สำหรับหญ้าเปลวเพลิง ลู่ฝานยังคงพอรู้เรื่องอยู่บ้าง ไม่ว่ายังไงเขาก็มาจากตระกูลแห่งวิชาบู๊เช่นกัน จำเป็นต้องรู้ด้วยว่า ยาสมุนไพรชนิดใดใช้อะไรได้บ้าง ไม่ว่ายังไงตระกูลลู่ของพวกเขาก็เปิดร้านขายยาสมุนไพรด้วยเช่นกัน แต่มีราคาขายที่แพงมาก และลูกศิษย์จากตระกูลเองไปซื้อ ก็ยังไม่มีส่วนลดเลย
เดินมาที่ถนนสายหลักในเมือง ถนนสายนี้พลุกพล่าน และเต็มไปด้วยเสียงผู้คน
อากาศที่หนาวเย็น ไม่ได้ลดความกระตือรือร้นในการช้อปปิ้งของทุกคนเลย พ่อค้าหาบเร่ตามถนน และร้านค้าที่เรียงรายเป็นแถว ยังคงเต็มไปด้วยแขก
ขณะที่ลู่ฝานเดินไป เขาก็มองหาเงาร่างของหญ้าเปลวเพลิง ถ้าสามารถหาได้จากแผงขายของข้างนอก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะดีที่สุด เนื่องจากราคาที่พ่อค้าหาบเร่เสนอ มักจะถูกกว่าของร้านมาก และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ยังจะสามารถต่อรองราคากันได้ ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ร่ำรวยอย่างลู่ฝาน
หลังจากมองหาตามถนนไปครึ่งทางแล้ว ลู่ฝานก็ไม่เห็นร่องรอยหญ้าเปลวเพลิงเลย
หญ้าเปลวเพลิงเป็นยาสมุนไพรสีแดงเพลิง รากเป็นสีขาวจะดีที่สุด สีฟ้าคืออันดับรอง และเป็นสีแดงทั้งต้นระดับต่ำที่สุด
ลู่ฝานค้นหาแผงลอยทีละร้าน และในที่สุด เขาก็เห็นกองหญ้าเปลวเพลิงสีแดงเพลิงอยู่หน้าแผงขายของใกล้ร้านขายอาวุธ
ลู่ฝานดีใจมาก และเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ราวกับว่ากำลังเดินเล่น ค้นหาไปมาอยู่ต่อหน้าพ่อค้าแม่ค้า แล้วหยิบหญ้าเปลวเพลิงขึ้นมาต้นหนึ่งแล้วพูดว่า “อันนี้ราคาเท่าไหร่?”
พ่อค้าเร่พูดข้างหลังเขาว่า “ต้นละห้าเหรียญเงิน”
ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ห้าเหรียญเงินนั้นเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายหนึ่งเดือนสำหรับครอบครัวทั่วไปที่มีสามคน เขาทั้งเนื้อทั้งตัวของเขารวมๆ แล้วก็มีแค่สิบกว่าเหรียญทองเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่สามารถที่จะซื้อหญ้าเปลวเพลิงกองที่อยู่ตรงหน้าเขาทั้งหมดได้
ลู่ฝานวางหญ้าเปลวเพลิงลง แล้วพูดว่า “มันแพงเกินไป ฉันไปหาดูที่อื่นดีกว่า”
เมื่อเขาหันหลังอยากจะเดินจากไป พ่อค้าหาบเร่หยุดเขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้นละสี่เหรียญเงิน ถ้าคุณซื้อมากกว่านี้ ข้าจะให้ส่วนลดแก่คุณอีกหน่อย คุณผู้ชาย หญ้าเปลวเพลิงนี้หามาได้ไม่ง่ายนัก คุณไปซื้อที่อื่น ต้องไม่ได้ราคานี้อย่างแน่นอน”
ลู่ฝานหันศีรษะ แล้วพลิกกองหญ้าเปลวเพลิงอย่างผ่านๆ อีกครั้ง แอบนับอยู่ในใจว่าหญ้าเปลวเพลิงกองนี้มีอยู่กี่ต้นกันแน่ และเพียงพอที่เขาจะสามารถใช่ได้เป็นเดือนหรือไม่
ในขณะที่นับ ทันใดนั้นเอง ลู่ฝานก็เอื้อมมือไปแตะรากของหญ้าเปลวเพลิง และก็พบทันทีว่ารากของหญ้าเปลวเพลิงสองสามต้นเป็นสีขาว
หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างกะทันหัน หญ้าเปลวเพลิงที่มีรากสีขาวมีค่ามากกว่าหญ้าเปลวเพลิงที่มีลำต้นเป็นสีแดงกว่าสิบเท่า จากข้อมูลบนหนังสือทักษะวิชาบู๊ หมัดถล่มเขา ถ้าใช้หญ้าเปลวเพลิงที่เป็นสีขาวในการฝึกฝน ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว
ลู่ฝานบังคับระงับความปีติยินดีของตัวเอง และไม่ยอมให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแม้แต่เล็กน้อย
หลังจากปรับอารมณ์แล้ว ลู่ฝานก็ชี้นิ้วสามนิ้วไปที่พ่อค้าหาบเร่และพูดว่า “สามเหรียญเงินต่อหนึ่งต้น ทั้งหมดนี้ ฉันจะเหมาไปหมดเลย”
พ่อค้าหาบเร่กัดฟัน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตกลง”
ลู่ฝานรีบหยิบเงินออกมาให้เขาทันที จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบกองหญ้าเปลวเพลิงขึ้นมา