ช่วงค่ำมาถึงอย่างช้าๆ
หน้าประตูงานประมูลติ่งเซิ่ง เต็มไปด้วยคนแน่นขนัด คึกคักเป็นอย่างมาก
อาจเป็นเพราะประกาศประมูลเมื่อตอนบ่าย ดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างมาก ตระกูลร่ำรวยในเมืองเจียงหลินต่างส่งคนมาในคืนนี้ ผู้คนพากันพูดคุยเกี่ยวกับผงทะลวงกาย ซึ่งเป็นยาวิเศษในช่วงท้ายๆของค่ำคืนนี้ “ได้ยินหรือยัง ผงทะลวงกายมาจากมือของผู้ฝึกชี่เลยนะ ไม่ต่างจากยาเม็ดเท่าไร”
“อย่าฟังโฆษณาเกินจริงของประกาศประมูล ฉันไปถามมาแล้ว ผงทะลวงกาย แย่กว่ายาเม็ดจริงๆ อยู่เล็กน้อย”
“งั้นทำไมคืนนี้ทุกคนมากันหมด นายอย่ามาหลอกฉัน”
“เหตุผลที่ทุกคนมาง่ายดายมาก แม้ผงทะลวงกายเทียบยาเม็ดไม่ได้ แต่ประสิทธิภาพไม่ธรรมดาจริงๆ มีประโยชน์กับนักบู๊แดนฝึกร่างเป็นอย่างมาก สิ่งสำคัญกว่านั้น ผงทะลวงกายที่ขายคืนนี้ มีจำนวนเยอะ ได้ยินมาว่า 20 ขวดเต็มๆ”
“ว้าว ปริมาณเยอะขนาดนี้ สามารถยกระดับนักบู๊ทั่วไปได้เลยนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ได้ยินว่าเพียงหยดเดียว สามารถยกระดับนักบู๊แดนฝึกร่างได้ 20 กว่าขวด ถ้าใช้ดีๆ ทำให้นักบู๊อายุน้อยของตระกูลก้าวหน้าขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาเลย”
“งั้นฉันจะซื้อสักสองสามขวด เงินไม่ใช่ปัญหา ฉันมีเงินเยอะ”
“ฮ่าๆ ฉันก็เหมือนกัน”
……
ลู่ฝานยืนอยู่หน้าประตูงานประมูลติ่งเซิ่ง ได้ยินสองคนด้านหน้าพูดคุยกัน จึงยิ้มออกมาบางๆ
เขาไม่คิดว่าผงทะลวงกายธรรมดาๆ เพียงล็อตเดียว จะทำให้ทั้งเมืองเจียงหลินเดือดขนาดนี้ ถ้าคนพวกนี้รู้ว่า หนึ่งเดือนมานี้ เขาใช้ผงทะลวงกายแบบดีเยี่ยมในการฝึก จะอิจฉาจนตายหรือเปล่า
ลู่ฝานเห็นตระกูลโม่ ตระกูลจาง รวมไปถึงตระกูลลู่ของเขา พาคนเข้าไปในงาน โดยเฉพาะตระกูลลู่ของเขา เป็นลู่หาวพ่อของเขา มาด้วยตัวเอง
กำลังต่อแถวเข้างาน ยามคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดกับลู่ฝานว่า “คุณผู้ชายเถ่เมี่ยนใช่ไหม คุณนายเสิ่นอวิ๋นบอกว่าคุณเป็นแขกวีไอพี ไม่ต้องต่อแถว เชิญทางนี้ครับ”*
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ เดินเข้าไปในงานประมูล ท่ามกลางสายตาอิจฉาของกลุ่มคน ที่กำลังต่อแถว
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ยามพาลู่ฝานเดินเข้ามาในห้อง จากนั้นเอาการ์ดแก้วหินสีม่วงออกจากอก ยื่นให้ลู่ฝาน แล้วพูดว่า “คุณผู้ชายเถ่เมี่ยน นี่เป็นบัตรวีไอพีของคุณ”
ลู่ฝานมองบัตรวีไอพี แล้วยิ้มยกใหญ่ ลู่ฝานเคยเห็นบัตรใบนี้ในมือพ่อตัวเอง เหมือนงานประมูลจะให้แค่ผู้จัดการของตระกูลใหญ่ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้เหมือนกัน ดูเหมือนว่างานประมูลจะนับถือเขามาก เพราะเขาเป็นผู้ฝึกชี่เหรอ
ลู่ฝานยิ้มบางๆ ตอนนี้ตัวเองเป็นแค่ผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรเท่านั้น ก็ได้รับการนับถือขนาดนี้แล้ว ถ้ากลั่นยาเม็ดออกมาได้จริงๆ กลายเป็นผู้ฝึกชี่ที่แท้จริง งั้นคนพวกนี้คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาแล้ว
ตามคาด ความแตกต่างระหว่างคนกับคน ย่อมใหญ่กว่าความแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์
แต่ดูคลาสสิกและงดงาม รอบๆ เป็นภาพแม่น้ำและภูเขา ด้านหน้ามีเหล้าดีและถาดผลไม้ โดยเฉพาะเก้าอี้หวายสีม่วงตัวนั้น กว้างเป็นอย่างมาก ดูมีพลังอำนาจ นั่งลงไป รู้สึกอุ่นนิดๆ
มองไปรอบๆ ลู่ฝานเห็นห้องอื่นเช่นกัน แน่นอนว่าตระกูลลู่ ตระกูลโม่ มีห้องเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ฝานแปลกใจ ตระกูลจางที่เป็นแค่ตระกูลร่ำรวยของเมืองเจียงหลิน กลับมีห้องเช่นกัน
น่าจะเป็นเพราะจางเยว่หาน แน่นอนว่าอิทธิพลของสถาบันสอนวิชาบู๊ ยังมีอยู่อย่างมหาศาล ตระกูลจางมีเพียงแค่จางเยว่หานคนเดียวที่สามารถเข้าเป็นศิษย์ในสถาบันสอนวิชาบู๊ได้ แต่สามารถครองอันดับตระกูลต้นๆ ในเมืองเจียงหลินได้แล้ว นี่เรียกว่า น้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงขึ้นตาม
ลู่ฝานกำลังมองคนอื่นอย่างประเมิน อันที่จริงคนอื่นก็กำลังมองเขาอย่างประเมินเช่นกัน
คนของตระกูลใหญ่แทบทั้งหมด สังเกตว่ามีคนสวมหน้ากากเงิน ในห้องชั้น 2
ไม่ต้องสงสัยเลย คนที่สามารถให้งานประมูลจัดเตรียมห้องไว้ให้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ทุกคนเริ่มคาดเดา ตัวตนของคนหน้ากากเงิน สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ผู้สนับสนุนผงทะลวงกายในครั้งนี้
ทันใดนั้น แต่ละตระกูลแอบจดจำคนหน้ากากเงินเอาไว้ และออกคำสั่ง ต้องญาติดีกับคนนี้ ห้ามหาเรื่องเด็ดขาด
ทุกคนพากันนั่งลง วันนี้งานประมูลขนาดใหญ่ เต็มทุกที่นั่ง ไม่นาน หญิงงามเดินขึ้นมาบนเวทีประมูล เป็นเสิ่นอวิ๋นที่ลู่ฝานเคยเจอ
เสิ่นอวิ๋นสวมชุดกี่เพ้าสีม่วง แต่งหน้าอ่อนๆ
ลู่ฝานเห็นแววตาพวกนักธุรกิจร่ำรวยด้านล่าง แปรเปลี่ยนไป เสิ่นอวิ๋นยิ้มบางๆ ให้พวกเขา พวกเขารู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
มีพิธีกรประมูลแบบนี้ ของไม่ดีก็ขายออก ถึงเสิ่นอวิ๋นเอาหินออกมาขาย พวกที่โดนความงามกระแทกจนสติเลอะเลือน ก็ต้องซื้ออย่างไม่ลังเล
ลู่ฝานพิงเก้าอี้หวายสีม่วง หลับตาพักสายตา และฝึกฝนกายทองไฟอาบ ศิลปะการป้องกันตัว ต้องฝึกทีละน้อย จะปล่อยให้เสียเวลาเปล่าไม่ได้
ได้ยินเสิ่นอวิ๋นพูดคำขอบคุณเสร็จเรียบร้อย จากนั้นงานประมูลจึงเริ่มขึ้น