Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน

ตอนที่ 1357 ตำนานยุคปัจจุบัน

วันนี้ เป็นวันที่แดนมกุฎสิบปีปิดม่าน

วันนี้ ยังเป็นวันที่เหล่าอริยะถูกสังหารด้วยเช่นกัน!

ข่าวเกี่ยวกับศึกสังหารอริยะครั้งนี้ไม่อาจปกปิดได้สักนิด เรียกคลื่นลมโหมซัดในสำนักใหญ่เก่าแก่แต่ละแห่งของดินแดนรกร้างโบราณเป็นอย่างแรก

สำนักกระบี่เทียมฟ้า

“อวี๋ซิวและขู่หยายังไม่กลับมาหรือ”

เสียงทรงอานุภาพน่าเกรงขามหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น ก้องสะท้อนในโถงใหญ่ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ภายในโถงใหญ่ คนระดับสูงของสำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งกลุ่มมองหน้ากันเลิกลั่ก นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยถาม

ว่ากันตามหลักทั่วไป เหล่าอริยะออกโรงฆ่าคนรุ่นเยาว์ที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งเท่านั้น นั่นไม่ต่างอะไรกับเหล่ามังกรสวรรค์ไปบดขยี้มดปลวกให้ตายชัดๆ

สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจอย่างแท้จริงคือ หลินสวินจะตายด้วยน้ำมืออริยะคนใดของขุมอำนาจไหนกันแน่!

ทว่าจวบจนบัดนี้กลับไร้ซึ่งข่าวสาวส่งกลับมา ย่อมพาให้ผู้คนประหลาดใจ

“รายงาน แย่แล้ว อริยะคนหนึ่งส่งข่าวมา บะ… บอกว่าผู้อาวุโสอวี๋ซิวและขู่หยาทั้งสองคน ล้วนประสบเคราะห์สิ้นชีพแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงตื่นตระหนกลนลานสายหนึ่งก็ดังขึ้นในโถงใหญ่

จากนั้นทั่วทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าล้วนได้ยินเสียงแผดคำรามเดือดดาลหาใดเปรียบดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า สะเทือนเลื่อนลั่นจนเวิ้งฟ้าชั้นเมฆต่างแหวกออ

ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้านับไม่ถ้วน ต่างได้รู้ในวันนี้ว่าอริยะแท้สองคนในสำนักถูกฆ่า และฆาตกรก็คือหลินสวิน!

……

อารามกษิติครรภ์

กลางอารามเก่าแก่เสียงปึงดังหนึ่งครา สายลูกประคำในมือภิกษุเฒ่าคนหนึ่งขาดผึง มุกประคำเอิบอิ่มใสวาวเม็ดแล้วเม็ดเล่าร่วงกระจายเกลื่อนพื้น

“ศิษย์พี่ฝ่าเจิ้ง ถึงกับต้านคนนอกรีตนั่นไม่ได้?”

จิตใจของภิกษุเฒ่าเสียการควบคุม สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง

……

เผ่าวิญญาณสมุทร

“ตายแล้ว ผู้อาวุโสซางเย่ตายแล้ว!”

เสียงโศกเศร้าโกรธแค้นนับไม่ถ้วนดังสนั่น ในนั้นยังเจือเสียงร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ด้วย กระจายทั่วเก้าชั้นฟ้า

……

ลัทธิบูชาจันทร์

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคนที่เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งจะฆ่าอริยะพิทักษ์สำนักตายได้อย่างไร ตรวจสอบ! ตรวจสอบให้ข้าอย่างชัดเจน!”

ในวันนี้เจ้าลัทธิลัทธิบูชาจันทร์ราวกับบ้าคลั่ง โมโหเดือดดาล ทำเอาศิษย์ลัทธิบูชาจันทร์ทั้งกลุ่มตกใจจนจิตสั่นขวัญผวา ลนลานไม่สงบ

……

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“จบกัน… อริยะหญิงลึกลับนั่นยังไม่ได้เคลื่อนไหว ผู้อาวุโสโก่วเจิ้นซานก็ประสบเคราะห์… พวกเรา… พวกเราเท่ากับล่วงเกินเจ้าเด็กหลินสวินนี่โดยสมบูรณ์แล้ว…”

คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งหมดต่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง

ภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่าคล้ายแบบนี้ต่างอุบัติขึ้นในขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่ง

“ถึงกับมีอริยะเก้าคนร่วงหล่น…”

และพร้อมกันนั้น ยามที่ขุมอำนาจเก่าแก่อื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณได้รู้ข่าวพวกนี้ ต่างก็พากันตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ

ใต้อริยะ สรรพชีวิตดุจดั่งมดปลวก

ระดับอริยะ คือบุคคลที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือจุดสูงสุดทั่วใต้หล้ากลุ่มหนึ่ง มีพลานุภาพเทียมฟ้าน่าเหลือเชื่อ เรืองรองเทียบเท่าสุริยันจันทรา

ทว่าตอนนี้ภายใต้การต่อสู้ครั้งใหญ่ เก้าอริยะต่างดับสังขาร!

ดินแดนรกร้างโบราณ กี่ปีแล้วที่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าเด็กหลินสวินนี่ ไปหยิบยิมพลังของผู้ใดกันแน่ เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้”

“ลือกันว่าอริยะที่ซ่อนตัวในเงามืดส่วนหนึ่งต่างถูกทำให้ตกใจถอยกรูด เผ่นหนีอุตลุด ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่กล้าโผล่หน้า!”

“เจ้าเด็กนี่… ช่างอำมหิตจริงๆ!”

“ขนาดอริยะยังรั้งเขาไว้ไม่ได้?”

ในวันนี้ ไม่รู้มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตั้งเท่าไหร่เสียกิริยา ถูกฝีมืออันนองเลือดที่คนหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งสำแดงออกมาทำให้ตกใจ

และไม่รู้ขุมอำนาจใหญ่ตั้งเท่าไหร่ที่ฮือฮาและสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้

ข่าวสารก็ช่างปิดไม่มิดสักนิด ไม่นานไม่เพียงแต่ขุมอำนาจเก่าแก่ของดินแดนรกร้างโบราณ แม้แต่สรรพชีวิตมากมายมหาศาลที่กระจายอยู่แต่ละพื้นที่ของดินแดนรกร้างโบราณต่างก็ล่วงรู้กันถ้วนหน้า

ชั่วขณะเดียวทั่วหล้าต่างตกใจ

“ต่ำช้า อริยะที่ผ่าเผยถึงกับร่วมมือกันไปจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างเทพมารหลิน ช่างหน้าไม่อายถึงที่สุดแล้วชัดๆ!”

มีคนเดือดดาล

“สะใจโว้ย! เทพมารหลินฆ่าได้ดีทีเดียว ที่ผ่านมาอริยะพวกนี้ทำตัวสูงส่ง เห็นสรรพชีวิตเป็นมดปลวกเศษวัชพืช ตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าสิ้นหวัง!”

มีคนระเบิดหัวเราะ เลือดร้อนสูบฉีด ต่างแซ่ซ้องให้กับวีรกรรมยิ่งใหญ่ของหลินสวิน

“ทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ”

มีคนหวั่นวิตก

“เหลวไหล! ขนาดอริยะยังฆ่าได้ ต่อไปขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่ไหนยังกล้าไม่ลืมตา ไปหาเรื่องหลินสวินอีกกัน รังเกียจว่าอริยะที่ถูกฆ่ายังไม่มากพออีกเรอะ”

มีคนหัวเราะเยาะหยัน

นี่ก็คือความเป็นไปของสรรพชีวิต พวกเขาเป็นเพียงผู้ชมอยู่ด้านข้าง มักจะออกความเห็นแตกต่างกันตามความชอบใจของตน

แต่ไม่ว่าอย่างไรในแง่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวิน ไม่ว่าเป็นใครต่างไม่กล้าเยาะหยันและถากถางเหมือนที่ผ่านมาเช่นนั้นอีกแล้ว

เพราะว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถเหยียบย่ำและหยามเกียรติได้!

อริยะยังถูกเขาฆ่าตาย พลังต่อสู้อันดุดันและน่าสะพรึงระดับนี้ นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่ทำได้

“นับแต่นี้เป็นต้นไป เทพมารหลินยิ่งใหญ่แล้ว และจะเป็นอันหนึ่งหนึ่งของคนรุ่นเดียวกัน ไม่อาจต้านทาน ไร้ขุมอำนาจใหญ่กล้ารังแก!”

คนมากมายทอดถอนใจ

ในวันนี้แดนมกุฎปิดม่าน เดิมก็ถูกสายตาคนทั่วหล้าจับจ้องให้ความสนใจอยู่แล้ว

ยามเมื่อรู้ว่าหลินสวินกลายเป็นอันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าในแดนมกุฎสิบปี อำนาจเหนือเหล่าผู้กล้า แม้แต่พลังต่อสู้ยังถูกขนามนามให้เป็นที่หนึ่งของแดนมกุฎ เดิมก็พาให้ผู้คนสั่นสะท้าน ใต้หล้าสั่นสะเทือนอยู่แล้ว

และในวันนี้ตอนที่เขาใช้พลังระดับอมตะเคราะห์สังหารอริยะเก้าคนติดต่อกัน ทุกคน… ต่างไม่รู้ว่าควรใช้อารมณ์ความรู้สึกไหนมาบรรยาย!

นี่ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เสมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้อย่างหนึ่ง

เรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่งยุคปัจจุบัน!

บุคคลแห่งยุคที่ออกจากแดนมกุฎส่วนหนึ่ง อย่างพวกโอรสเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน หลังจากรู้ข่าวต่างก็จนคำพูดและอึ้งงันไปชั่วขณะ

สหายส่วนหนึ่งที่เคยคลุกคลีกับหลินสวินอย่างพวกจี้ซิงเหยา เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เซียวชิงเหอ หมีเหิงเจิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ต่างก็อดถอนใจว่าวิปริตคราหนึ่งไม่ได้ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกถึงเกียรติยศด้วยเช่นกัน!

ขนาดอริยะยังจนด้วยเกล้า นี่ช่างเฉิดฉายเกินไปแล้ว บรรดาคนรุ่นเยาว์ใครจะเทียบชั้นได้

และในวันนั้น มีข่าวแพร่งพรายออกมาว่ากึ่งจักรพรรดิไป๋อวี้จิงที่ไม่เคยปรากฏตัวมาแสนนานสั่งการออกมา ยามเมื่อสมรภูมิเก้าดินแดนเปิด หากหลินสวินไม่ไปฆ่าศัตรูไถ่บาป เขาจะเป็นคนแรกที่สังหารหลินสวินเอง!

หินก้อนเดียวก่อคลื่นพันชั้น!

ไป๋อวี้จิง เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้กี่กาลเวลาคนหนึ่ง อัครบุคคลที่น่าสงสัยว่าได้เหยียบย่างระดับจักรพรรดิแล้วคนหนึ่ง ถึงกับถูกทำให้ตกใจด้วยเช่นกัน?

บอกว่าจะให้หลินสวินไถ่บาป แต่ใครต่างก็รู้ดี จากสถานะของไป๋อวี้จิง ต่อให้ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของหลินสวินที่ฆ่าเหล่าอริยะ แต่ก็ไม่ได้ทำการกำราบเองกับมือ เพียงแค่ออกคำสั่งให้เขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้อันดุเดือดของเก้าดินแดนที่ใกล้จะอุบัติขึ้นเท่านั้น!

ท่าทีของไป๋อวี้จิงก็พาให้ขุมอำนาจเก่าแก่ส่วนหนึ่งใจสะท้าน หรือว่าแม้แต่กึ่งจักรพรรดิเช่นนี้ ก็ยังยอมรับความแข็งแกร่งของหลินสวิน

โดยเฉพาะสำนักกระบี่เทียมฟ้า ยามเมื่อได้รู้ข่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนระดับสูงในสำนักหรือบรรดาศิษย์ใต้สำนัก ต่างก็ตะลึงอึ้งค้าง

มีเพียงพวกเขาที่รู้ดี ไป๋อวี้จิงเป็นศิษย์พี่ของบรรพจารย์บุกเบิกสำนักของพวกเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฆาตกรที่สังหารอริยะแท้อวี๋ซิว ขู่หยาอย่างหลินสวิน จะถึงกับไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง!

ท่าทีเช่นนี้ของเขา ถึงขั้นสามารถถูกเข้าใจว่ายกโทษให้หลินสวินครั้งหนึ่ง!

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” ไอรีนโนเวล

ทั้งบนล่างสำนักกระบี่เทียมฟ้าร้องระงมกันทั้งแถบ

“ท่านเมี่ยวเสวียนแห่งหอฤทธิ์เทพก็เคยปรากฏตัว ทว่าเก็บมือดูอยู่ข้างๆ ไม่เคยห้ามพฤติกรรมสังหารอริยะของหลินสวิน!”

ยามเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ก็เรียกคลื่นลมยิ่งใหญ่โหมใส่ในดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้ง

หอฤทธิ์เทพ นี่เป็นถึงหนึ่งในแดนเร้นอริยะลึกลับที่ทั่วหล้าเคารพเลื่อมใส แม้แต่พวกเขา… ก็ยังยอมรับหลินสวิน?

สรุปแล้วในมหายุคปีที่สิบนี้ วันนั้นที่แดนมกุฎนี่ปิดม่าน ชื่อของหลินสวินก็ดุจดั่งอาทิตย์ดวงใหญ่ สาดส่องเหนือเวิ้งฟ้าดินแดนรกร้างโบราณ ดึงดูดสายตา เสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาทั่วหล้า!

ตัวคนเดียวกลับประหนึ่งตำนาน ถูกเชิดชูเป็นตำนานในยุคปัจจุบันของคนรุ่นเยาว์ สร้างบารมีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ฆ่าจนขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้นใจสะท้านขวัญผวา!

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปหนึ่งเดือนเศษเต็มๆ กว่าจะค่อยๆ สงบลง

ใครต่างก็ไม่อาจปฏิเสธ หลินสวินยิ่งใหญ่แล้ว!

……

เมืองหม่อนหิมะ ตั้งชื่อตามการเพาะปลูกต้นหม่อนหิมะเต็มเมือง

ต้นหม่อนหิมะที่คล้ายมังกรขดพันต้นแล้วต้นเล่าเปล่งประกายแวววาวสุกใสท่ามกลางลมหนาว ดอกมีขนาดเท่าปากชาม แต่หลังจากอริยะร่วงหล่น ดอกไม้สีขาวหิมะเหล่านี้ก็อาบย้อมกลายเป็นสีเลือดแดงสดบาดตา

สีเลือดนั่น งดงามสยดสยองจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน

ดอกไม้เต็มเมือง เลือดทั่วนคร!

นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกๆ ปีที่ดอกหม่อนหิมะเบ่งบาน ต่างแดงสดประดุจเลือด กลายเป็นภาพพิศวงที่โจษจันทั่วหล้า

ลือกันว่ายามที่ดอกหม่อนหิมะบาน มีผู้ฝึกปราณมากมายได้ยินเสียงร่ำไห้โหยหวนของอริยะอยู่รำไร…

เมืองหม่อนหิมะ ก็เพราะถูกพู่กันวสันต์สารทบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ จึงเลื่องชื่อตราบชั่วกาล กลายเป็นเมืองดังที่มีตำนานหลากสีสันแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดภายภาคหน้า ก็ดึงดูดผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มุ่งหน้ามาซึมซับอดีตตราบเท่าปัจจุบัน

ย้อนคิดถึงการต่อสู้ที่อริยะร่วงหล่นดุจสายฝนในปีนั้น ก็ไม่รู้มีมหายุทธ์เท่าไหร่ที่ร้องอุทานตกใจให้กับเทพมารหลินสามคำนี้

……

ไม่กี่วันต่อมา

ภายในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งในหุบเขาเขียวชอุ่ม หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณทั่วร่างเต็มสมบูรณ์ ความคิดชัดเจนเต็มเปี่ยม จิตผ่องแผ้วลมปราณปลอดโปร่ง

“ใช้จิตสถูปปลิดชีพแลกชีวิตของเก้าอริยะ ก็คุ้มแล้ว…”

หลินสวินถอนหายใจ

จิตสถูปปลิดชีพ คือสิ่งที่อริยพุทธซิงเจียหลงเหลือไว้ เป็นพลังแห่งมรรคจักรพรรดิ น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการ

ที่น่าเสียดายคือ ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ยามนี้ของสิ่งนี้อันตรธานไปแล้ว

เพียงแต่ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้หลินสวินได้เข้าใจถึงบารมีและบุคลิกสง่างามของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิส่วนหนึ่ง และจิตแห่งการแสวงมรรคของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น

‘ครั้งนี้ เหตุใดเจ้าไม่ขอให้ข้าลงมือ’

ห้องโถงมรรคาสวรรค์ในห้วงนิมิต จู่ๆ ก็มีเสียงใสเย็นคลุมเครือของหญิงลึกลับคนนั้นดังออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน!

มุมปากหลินสวินเจือรอยยิ้มสายหนึ่ง สื่อสารผ่านจิตรับรู้ว่า ‘ฆ่าเดรัจฉานเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไยต้องรบกวนผู้อาวุโส’

‘ดูท่าเจ้ากำลังลองตัดการพึ่งพาทางสภาวะจิตที่มีต่อข้าอยู่ ไม่เลว แดนมกุฎสิบปีนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่เจ้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ สามารถหยั่งถึงจุดนี้ได้… ไม่เลวเลยจริงๆ’

ในเสียงเย็นใสของนางผุดเผยเสี้ยวอารมณ์อย่างหาได้ยาก คล้ายชื่นชม และคล้ายทอดถอนใจ

จะว่าไปนางเป็นถึงคนที่เฝ้าดูหลินสวินพัฒนาทีละก้าวตั้งแต่ยังไม่ทันผงาด จนมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ตอนที่แน่ใจว่าสภาวะจิตของหลินสวินไม่ได้เห็นตนเป็นที่พึ่งอีกต่อไป จะไม่ให้นางไม่รู้สึกได้อย่างไร

เหยี่ยวแรกเกิด สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่สยายปีกบินลำพัง

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก็ย่อมต้องมีจิตใจที่ยืนหยัดด้วยตนเอง!

ในเส้นทางของการเสาะแสวงมหามรรค หากเอาแต่พึ่งพาภูมิหลัง อำนาจ วัตถุภายนอก การดูแลจากผู้อื่น…

ชั่วชีวิตนี้ความสำเร็จก็มีขีดจำกัด!

“ผู้อาวุโสท่านกล่าวหนักไปแล้ว ต่อไปหากพานพบอันตรายที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ข้าก็ยังต้องร้องขอความช่วยเหลือจากท่านอย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้มขื่นพลางรีบร้อนอธิบาย

ล้อเล่นน่า เขาจะไม่ละทิ้งโอกาสที่จะขอร้องหญิงลึกลับให้ลงมือในตอนสุดท้ายแน่

แน่นอน ในใจเขายิ่งมีแรงกระตุ้น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง ว่าบนเส้นทางฝึกปราณในภายหน้า หากมีเวลาที่ไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับอีกต่อไป

นั่นถึงจะดีที่สุด!

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท