เช้าวันต่อมา แสงอาทิตย์ส่องไปทั่ว หิมะบนท้องถนนละลาย อากาศดีที่มีไม่บ่อยนัก
ลู่เฮ่าหรานกับลู่หาวให้ลูกหลานตระกูลลู่ เอากล่องขนาดใหญ่สองกล่อง เข้ามาในโรงน้ำชา เลื่อนมาบนห้องของพวกเขาตั้งแต่เช้า
ของสองกล่องนี้ เป็นเงินทองสมบัติ ที่ตระกูลลู่สะสมไว้หลายปี อย่างที่ลู่หมิงพูด เพื่อที่จะให้ลู่ฝานเข้าสถาบันสอนวิชาบู๊ได้ ลู่เฮ่าหรานไม่เสียดายอยู่แล้ว
เพิ่งเลื่อนของมาบนหน้าประตูโรงน้ำชา ประตูใหญ่ของห้องตระกูลโม่ที่อยู่ไม่ไกล เปิดออกทันที ก็พบเจอตาเฒ่าโม่และโม่เทียนที่มีรอยยิ้มเตฅ็มอยู่ทั้งใบหน้า เมื่อเห็นกล่องใหญ่สองกล่อง โม่เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ตาเฒ่าลู่ นี่นายจะทำอะไร ติดสินบนคนเหรอ ตระกูลลู่ต่ำตมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ลู่เฮ่าหรานพูดอย่างเย็นชา “ตาเฒ่าโม่ นายรู้อยู่แก่ใจ ทำไมต้องถามอีก”
โม่เทียนพูดว่า “ฉันรู้อยู่แล้ว แต่เกรงว่าของพวกนี้คงไม่พอ น้อยจนน่าสงสาร ครูน่าหลานโลภมากๆเลยนะ!”
พูดคำว่า “มาก” ออกมาสองครั้ง โม่เทียนหัวเราะเสียงดัง และปิดประตูห้องลงทันที
ลู่เฮ่าหรานสีหน้าไม่สู้ดี สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าห้อง ลู่หาวที่อยู่ข้างๆ ถามว่า “ตาเฒ่าโม่หมายความว่ายังไง”
ลู่เฮ่าหรานพูดว่า “จะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ คงไม่มีอะไรนอกจากเยาะเย้ย ที่พวกเราเอาน่าหลานรั่วมาเป็นพวกไม่ได้ ถ้าเดาไม่ผิด พวกเขาต้องให้ผลประโยชน์กับน่าหลานรั่ว อย่างที่เราไม่สามารถให้ได้”
ขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ลู่เฮ่าหรานพูดต่อ “ถ้าเดาไม่ผิดเป็นไปได้มากว่าต้องเป็นยาเม็ด”
เมื่อได้ยินคำว่ายาเม็ด ลู่หาวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตระกูลของพวกเขา ไม่สามารถเอายาเม็ดมาได้จริง
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลโม่จะเอายาเม็ดให้คนได้ อย่าบอกนะว่าตระกูลพวกเขา มีผู้ฝึกชี่”
ลู่เฮ่าหรานส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่รู้ ต่อไปค่อยสืบเถอะ ลู่เฟิง อีกเดี๋ยวนายไปทำความรู้จักกับน่าหลานรั่วอะไรนั่นหน่อย แอบเปิดเผยของดีที่เราจะให้เขา แค่เขามีท่าทางสนใจ รีบพาเขามาคุยทันที ขอแค่ให้ลู่ฝานเข้าสถาบันสอนวิชาบู๊ได้ ให้ไปอีกสักหน่อย ก็ไม่เป็นไร”
ลู่เฟิงพยักหน้าพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ”
ลู่หมิงฟังอยู่ข้างๆ ตลอด แอบกัดฟันขึ้นมาไม่ได้
ในใจมีทั้งความอิจฉา ความโกรธ อารมณ์ต่างๆ มากมาย ลู่ฝาน นายบอกว่าจะไม่ให้ตระกูลเสียสละไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายอยู่ไหน
อีกด้านหนึ่ง โม่เทียนหัวเราะอย่างมีความสุข
“ฮ่าๆ ตาเฒ่าลู่คิดว่าตัวเองสามารถซื้อใจน่าหลานรั่วได้เหรอ โง่สิ้นดี เขาเป็นครูสถาบันสอนวิชาบู๊ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ขาดแคลนเงินแค่เล็กน้อยของนายหรอก ถึงเขาเอาวิชากายทองไฟอาบของตระกูลลู่ออกมา เกรงว่าน่าหลานรั่วคงไม่มองสักเท่าไร”
โม่หลินที่อยู่ข้างๆ หัวเราะตาม “สู้เราให้ครูน่าหลาน เอาสมบัติทั้งหมดของตระกูลลู่ไปเลย เพราะไม่ได้ให้คำพูดที่แน่นอน เขายอมให้เอง ตระกูลลู่จะไปเอาเรื่องน่าหลานรั่วที่สถาบันสอนวิชาบู๊ได้เหรอ”
โม่เทียนหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ อีกเดี๋ยวนายไปบอกครูน่าหลาน ใช่สิ สองวันนี้ ผู้ฝึกชี่จ้าวซวี่ เป็นยังไงบ้าง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเขานะ”
โม่หลินพูดว่า “กำลังนอนอยู่ที่บ้านครับ”
โม่เทียนพูดว่า “ให้โม่หยุนเฟยเที่ยวกับเขา เขายอมช่วย เราจะชักช้ารีรอไม่ได้”
โม่หลินพูดว่า “ตอนนี้เขากับโม่หยุนเฟย เรียกกันว่าพี่น้อง สนิทกันไม่เบา เมื่อวานยังไปหอไป่เฟิ่งด้วยกัน ทั้งสองเที่ยวกันอย่างมีความสุข”
โม่เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็ดี จ้าวซวี่อนาคตยังอีกไกล มีเขาคอยช่วย การยกระดับแดนของหยุนเฟย จะเร็วขึ้นด้วย เราต้องสานสัมพันธ์ที่ดีให้ได้ ในเมื่อเขามาตระกูลโม่แล้ว สู้ให้เขาช่วยเรากลั่นยาสักเตา และให้เขาช่วยยกระดับศิษย์ตระกูลโม่คนอื่นๆ ด้วย”
โม่หลินพยักหน้า พูดว่า “ผมกลับไปบอกหยุนเฟยให้ครับ เขาออกหน้า คิดว่าจ้าวซวี่คงจะช่วย”
รอยยิ้มเต็มใบหน้าโม่เทียน ได้เป็นเพื่อนกับผู้ฝึกชี่ ดีอย่างนี้นี่เอง
ด้านล่าง พวกคนธรรมดาในเมืองเจียงหลิน พากันทดสอบอย่างกระตือรือร้น มีแสงสว่างขึ้นมาจากหินศิลาดำเรื่อยๆ เผยให้เห็นระดับผลการฝึกตน
น่าหลานรั่วมองอยู่ข้างๆ เงียบๆ หรี่ตาลง เหมือนเหม่อลอยเล็กน้อย
ในอกมีขวดยาที่ตระกูลโม่ให้เขา รู้สึกพึงพอใจ ออกมาทำงาน ยังได้ยาเม็ดหนึ่งขวด คุ้มค่าแล้ว
แค่ขัดขวางวัยรุ่นที่ชื่อลู่หมิง ไม่ให้เข้าสถาบันสอนวิชาบู๊ แค่เรื่องปอกกล้วยเข้าปาก
เขาหวังว่าลู่ฝานจะมาเร็วๆ จัดการให้เสร็จเรียบร้อย จะได้กินยาเม็ดอย่างสบายใจ
ขณะนั้น กลุ่มคนที่โหวกเหวกโวยวายเงียบลง สายตาของทุกคนมองไปด้านหลังพร้อมกัน
“ลู่ฝานมาแล้ว ลู่ฝานมาแล้ว”
เสียงตะโกนดังออกมาจากกลุ่มคน ทันใดนั้นเสียงเชียร์ต่างๆ นานาดังขึ้นมา
สายตาของทุกคน มองไปยังลู่ฝาน ที่กำลังเดินเข้ามาช้าๆ
บนโรงน้ำชา ลู่เฮ่าหรานลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
ลู่ฝานมาได้ยังไง!