สีหน้าของเซี่ยงเซ่าถิงและเยี่ยเฟยเหิงพลันเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนหาใดเปรียบในทันที ผู้ติดตามพวกนั้นถึงกับถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาพวกเขา
นี่เป็นการหักหน้าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
หลันชิงเหินถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง รู้ว่าเรื่องราวร้ายแรงแล้ว
ในอาณาเขตเผ่าทอเมฆาของพวกเขา กลับเกิดเรื่องราวนองเลือดระดับนี้ ต่อให้ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพวกเขาทำ พวกเขาก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
“จบกัน…”
คนใหญ่คนโตของเผ่าทอเมฆาส่วนหนึ่งหน้าเปลี่ยนสี ต่างไม่รู้ว่าควรเคียดแค้นใคร
เจ้าคางคกเป็นแขก เป็นคนที่ช่วยพวกเขาออกหน้า มีหรือพวกเขาจะไปไล่เบี้ย
แต่ขณะเดียวกัน ก็เพราะการเคลื่อนไหวของเจ้าคางคก ทำให้พวกเขาเหมือนกับล่วงเกินตระกูลเยี่ยและเผ่ากระจิบลำนำทองอย่างสิ้นเชิง ผลที่ตามมานี้แค่คิดก็พาให้ผู้คนขวัญผวาแล้ว
คนอื่นๆ ในเผ่าทอเมฆาตกใจก่อนเป็นสิ่งแรก และต่อมาภายในใจล้วนรู้สึกสะใจหาใดปรียบ พวกเขาไม่ได้คิดทบทวนมากมายขนาดนั้น รู้สึกเพียงว่าปรากฏตัวของเจ้าคางคกช่วยให้พวกเขาระบายความแค้นได้คราหนึ่ง!
“ดูเหมือนว่าพ่อสื่อนี่ข้าคงเป็นไม่สำเร็จแล้ว เฮอะ น่าทึ่ง เผ่าทอเมฆาของพวกเจ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ”
สีหน้าของเยี่ยเฟยเหิงมืดทะมึน ในน้ำเสียงเจือแววเยียบเย็น
“สหายยุทธ์ รบกวนฟังข้าสักหน่อย”
ในใจหลันชิงเหินร้อนรน ส่งเสียงหมายจะอธิบาย กลับถูกเยี่ยเฟยเหิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ต้องอธิบายแล้ว คนก็ฆ่าไปแล้ว ยังต้องอธิบายอะไรอีก”
กล่าวจบเขาก็สะบัดชายเสื้อจากไป
“เฮอะ! พวกเจ้าคอยดูเถอะ!”
สายตาของเซี่ยงเซ่าถิงอาฆาตแค้น กวาดสายตามองพวกหลันชิงเหินอย่างเคียดแค้นปราดหนึ่ง และรีบร้อนตามไปเช่นกัน
“ใครให้พวกเจ้าไปหรือ”
และในเวลานี้หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ
“เจ้าเป็นใครอีกกัน”
เซี่ยงเซ่าถิงเดือดดาล ผู้ติดตามทั้งกลุ่มถูกฆ่า เดิมก็ทำให้เขาไม่เหลือหน้าตั้งบ่าอยู่แล้ว ตอนนี้ถึงกับมีคนหมายจะรั้งเขาและเยี่ยเฟยเหิงไว้อีก สิ่งนี้ทำให้เขาหัวเสียขึ้นทันควัน
“เจ้าหมากระจอก กล้าพูดจาเช่นนี้กับพี่ใหญ่ของข้าด้วยรึ คุกเข่าลง!”
เจ้าคางคกตวาดลั่น เสียงปึงดังสนั่นคราหนึ่ง อานุภาพกดข่มน่าสะพรึงวูบหนึ่งแผ่กว้างออกจากร่างของเขา ประหนึ่งครอบฟ้าคลุมดินก็ไม่ปาน พาให้ฟ้าดินแถบนี้เปลี่ยนสี
พรวด!
เซี่ยงเซ่าถิงยังไม่ทันได้ตอบสนองก็คุกเข่าทรุดลงตรงๆ ร่างประหนึ่งถูกภูเขาเทพกดทับ กระดูกเส้นเอ็นจวนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย!”
เซี่ยงเซ่าถิงก็ไม่ได้โง่ หลังรู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิต ก็หันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเฟยเหิงอย่างไม่ลังเล
และพร้อมกันนั้นเยี่ยเฟยเหิงก็หน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ระดับมกุฎราชัน?”
ในใจเขาหวาดผวาไม่สิ้น เผชิญหน้ากับอานุภาพกดข่มที่เจ้าคางคกปลดปล่อยออกมา พาให้เขามีความรู้สึกบีบคั้นหายใจไม่ออกอย่างหนึ่ง
ใช่แค่เยี่ยเฟยเหิงที่ไหน คนอื่นๆ ในที่นี้ต่างก็พากันจิตใจสั่นผวา ใครเลยจะคาดคิด เด็กหนุ่มชุดเขียวที่ดูเหมือนไม่ยินดียินร้ายคนนี้ จะถึงกับมีอานุภาพน่าสะพรึงปานนี้ได้
“ทำไม เมื่อครู่ไม่ใช่ยังจองหองพองขนอยู่เลย ตอนนี้กลับใจเสาะแล้ว?”
เจ้าคางคกหัวเราะหยัน เขาที่มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ยามเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั่วไปอย่างเยี่ยเฟยเหิง ท่าทางก็ดูเหยียดหยันอย่างสิ้นเชิง
ไร้หนทาง ความแตกต่างห่างชั้นกันเกินไป!
ขอเพียงยินดี แค่การโจมตีเดียวก็เพียงพอจะกำจัดอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย!
“เฮอะ!”
เยี่ยเฟยเหิงฝืนบังคับตัวเอง กวาดมองเจ้าคางคกอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง สุดท้ายก็ทอดสายตามองไปทางพวกหลันชิงเหิน กล่าวว่า “ดีมาก เอาระดับมกุฎราชันมาหยามเกียรติตระกูลเยี่ยของข้า เผ่าทอเมฆาของพวกเจ้าก็รอถูกล้างเผาเสียเถอะ!”
ประโยคเดียวพาให้คนเผ่าทอเมฆาทั้งหมดรวมถึงหลันชิงเหินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ภายในใจหนาวเหน็บสั่นสะท้าน
“ดูท่า เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเท่าไหร่”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ฟุ่บ!
เยี่ยเฟยเหิงคุกเข่าลง
ฉับพลันทั่วลานล้วนอึ้งงัน แทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้ากล้า…!”
เยี่ยเฟยเหิงแหกปากคำราม ผมเผ้ากระเซิง ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน กลับถูกคนสยบให้คุกเข่าลงกับพื้น ความรู้สึกอัปยศที่ยากจะเอ่ยนี้กระตุ้นให้เยี่ยเฟยเหิงไม่อาจรักษากิริยาสง่าก่อนหน้านี้ไว้ได้อีกต่อไป เสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง
เขาคิดไม่ถึงว่าเผ่าทอเมฆาเล็กๆ แห่งหนึ่ง ถึงกับกล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ไม่กลัวถูกฆ่าล้างเผ่ารึ
คนใหญ่คนโตระดับสูงของเผ่าทอเมฆาทั้งกลุ่มอย่างพวกหลันชิงเหินต่างก็ตาค้าง ถึงแม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงบารมีของหลินสวินมานานแล้ว แต่ยามเมื่อได้เห็นอานุภาพของเขากับตาตัวเอง ถึงได้รู้สึกอย่างแท้จริงว่าคนหนุ่มผู้นี้สมกับฉายาเทพมารชัดๆ
“แม้แต่อริยะข้ายังกล้าฆ่า ยังจะกลัวการข่มขู่จากเจ้าเฒ่าอย่างเจ้าด้วยหรือ”
หลินสวินกล่าวเรียบๆ
ในใจทุกคนต่างไม่อาจสงบได้ เพิ่งจะฉุกนึกขึ้นได้ว่าในวันแห่งอริยะร่วงหล่นไม่นานก่อนหน้านี้ อริยะที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินมีถึงเก้าคนเต็มๆ หนำซ้ำแต่ละคนยังมาจากขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่ที่ชื่อเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นฝ่ายหนึ่งอีกด้วย!
เมื่อเทียบกันแล้ว ตระกูลเยี่ยแข็งแกร่งยิ่งจริงๆ แต่ก็เป็นแค่หนึ่งในขุมอำนาจเก่าแก่ทั่วหล้าเท่านั้น มีหรือจะข่มขู่เทพมารเช่นนี้ได้
“ฆ่าอริยะ…”
เซี่ยงเซ่าถิงตะลึงอึ้งค้างอย่างสิ้นเชิง
และเยี่ยเฟยเหิงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องเสียงหลงทันควัน “จะ… เจ้าคือ… หลินสวิน!?”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างแทบจะหลุดออกมา เห็นได้ชัดว่าน่าขันอยู่บ้าง
แต่ไม่มีใครส่งเสียงหัวเราะออกมาได้
เพราะภาพเหตุการณ์ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าซัดสะเทือนจิตใจผู้คนเกินไป
“เพิ่งจำได้เอาป่านนี้ ยังไม่ถือว่าตาถั่วเกินไปนัก” เจ้าคางคกแค่นหัวเราะ
“ข้า…”
ครู่เดียว เยี่ยเฟยเหิงก็เหมือนสูญเสียพละกำลังทั้งหมด ใบหน้าชราเริ่มบิดเบี้ยว อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
คนอื่นไม่รู้ แต่ไหนเลยเขาจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของหลินสวินกับตระกูลเยี่ย
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขากับนายน้อยเยี่ยเฉินเป็นสหายที่ร่วมผ่านแดดฝ่าลมมาด้วยกัน เอาแค่ในวันที่อริยะร่วงหล่นเมื่อไม่นานมานี้ แม้แต่ผู้อาวุโสระดับอริยะที่ตำแหน่งสูงส่งน่ายำเกรงอย่างที่สุดของตระกูลตนยังออกโรงเอง มุ่งหน้าเข้าช่วยเหลือ!
บุคคลระดับนี้ มีหรือเขาเยี่ยเฟยเหิงจะกล้าล่วงเกิน
ที่น่าสยองที่สุดคือ ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้เป็นถึงเทพมารเต็มเปี่ยมคนหนึ่ง เคยสังหารอริยะมากมายจากแต่ละขุมอำภนาจใหญ่เก่าแก่ด้วยมือตัวเอง!
เยี่ยเฟยเหิงถึงขั้นกล้าฟันธง ต่อให้วันนี้หลินสวินฆ่าเขาเสีย หลังจากแพร่งพรายกลับตระกูล ความผิดทั้งหมดคงไม่มีทางไปลงที่หัวหลินสวินได้แน่
ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยเฟยเหิงแทบทนไม่ไหวอยากตบตัวเองสักฉาด อยู่ดีๆ ก็ดีอยู่แล้ว ตนแจ้นมาก่อเรื่องวุ่นวายอะไร เป็นพ่อสื่อพ่อชักอะไรกัน!
และเมื่อเห็นเยี่ยเฟยเหิงถูกทำให้ตกใจจนเป็นสภาพนี้ พวกหลันชิงเหินเองก็อึ้งงันเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งตระกูลเยี่ยที่ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาเกรงกลัวหาใดเปรียบ กลับถูกทำให้ตกใจจนเป็นสภาพนี้ต่อหน้าคนรุ่นเยาว์อย่างหลินสวิน?
ช่างเหมือนความฝันไม่มีผิดชัดๆ…
เยี่ยเฟยเหิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าชราฉีกรอยยิ้มออกมากล่าวว่า “คุณชายหลิน ข้า… ข้าคิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่าน หากรู้แต่แรกข้าคงไม่กล้าทำเช่นนี้แน่นอน หวังว่าใต้เท้าจะกรุณา…”
ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “เจ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันในตระกูลเยี่ยคนหนึ่ง เหตุใดถึงไม่มีสง่าราศีเช่นนี้”
เยี่ยเฟยเหิงพยักหน้าหงึกๆ “คุณชายพูดถูกต้อง ข้าน้อยต้องปรับปรุง ต้องปรับปรุงแน่”
คราวนี้ไม่เพียงเซี่ยงเซ่าถิง คนอื่นๆ ในลานต่างก็ตะลึงงัน ปากอ้าตาค้างด้วยเช่นกัน ต่างไม่อยากเชื่อทุกสิ่งที่ได้พบเห็น ไอลีนโนเวล
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันตระกูลเยี่ยผู้สูงส่งคนหนึ่ง ยามนี้ถึงกับพินอบพิเทาเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อาจคาดคิด
ส่วนหลินสวินก็ขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายโบกมือกล่าวว่า “เจ้าลุกขึ้นเถิด กลับไปบอกเยี่ยเฉิน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า หากเขาจะถือโทษก็ให้มาหาข้าได้เลย แล้วก็ เรื่องเผ่ากระจิบลำนำทองจะบีบบังคับแต่งงาน ข้าจะไม่ตอบรับแน่”
เยี่ยเฟยเหิงพยักหน้าตอบรับไปพลางตะกายตัวขึ้นมาไปพลาง คราวนี้จึงรู้สึกว่าวิญญาณกลับสู่ร่างอีกครั้ง กล่าวว่า “คุณชาย เรื่องบังคับแต่งงานข้าน้อยสามารถยื่นคำขาดได้ รับรองว่าจะไม่ให้คนของเผ่ากระจิบลำนำทองมาหาเรื่องเผ่าทอเมฆาอีก”
“ไม่ใช่บอกว่าเยี่ยเฉินสู่ขอหญิงสาวคนหนึ่งของเผ่ากระจิบลำนำทองนี่เป็นภรรยาหรือ เจ้าไม่กังวลว่าจะล่วงเกินฮูหยินนายน้อยตระกูลเจ้าหรือ” เจ้าคางคกกล่าวหัวเราะเยาะหยัน
เยี่ยเฟยเหิงโบกมือเป็นพัลวัน “ภรรยาอะไรกัน ก็แค่อนุคนหนึ่งเท่านั้น ซ้ำยังเป็นจำพวกที่ไม่มีสถานภาพ ไม่ถึงขั้นถูกนายน้อยตระกูลข้าถูกตาต้องใจด้วยซ้ำ”
คราวนี้หลินสวินกับเจ้าคางคกถึงเข้าใจขึ้นมา
“ผู้อาวุโส ท่าน… ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้เชียว”
ด้านข้างเซี่ยงเซ่าถิงพังทลายโดยสิ้นเชิง ร้องโหยหวนตะโกนลั่น
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ทำให้เขายังลนลาน ไหนเลยจะคาดคิดว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันตระกูลเยี่ยที่เป็นเหมือนเทพสวรรค์ในสายตาของเขา ต่อหน้าหลินสวินกลับไม่เอาไหนเช่นนี้
ตุ้บ!
เยี่ยเฟยเหิงถีบใส่เซี่ยงเซ่าถิงหนึ่งครา กล่าวว่า “คนสาวเลวอย่างเจ้า เรื่องหายนะครั้งนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเจ้า ยังกล้ามาร้องไห้ฟูมฟายกับข้าอีกเรอะ ต่อไปข้าจะค่อยๆ คิดบัญชีกับพวกเจ้า!”
ครู่เดียวหัวใจเซี่ยงเซ่าถิงก็เย็นวาบ วิญญาณไม่อยู่กับตัว ในใจมีเพียงสองคำนี้… จบกัน
“พาเขาไปเถอะ”
หลินสวินออกคำสั่งไล่แขก
“ขอบคุณคุณชายที่กรุณา คำพูดของท่านข้าน้อยจะจำขึ้นใจ”
เยี่ยเฟยเหิงโค้งคารวะครั้งใหญ่ คราวนี้จึงลากเซี่ยงเซ่าถิงที่เหมือนหมาตายรีบร้อนจากไป
มองส่งพวกเขาจากไป ในลานยังคงเงียบกริบทั้งแถบ ไร้สุ้มเสียง
พวกหลันชิงเหินต่างมีสีหน้าสับสน ภาพเหตุการณ์แต่ละภาพเมื่อครู่เหมือนกับฝันไม่มีผิด เห็นได้ชัดว่าไม่สมจริงขนาดนั้น
“ถูกคลี่คลายทั้งอย่างนี้แล้ว?”
ชายชราคนหนึ่งเอ่ยปากคล้ายละเมอ
ก่อนหน้านี้เพราะถูกบังคับแต่งงาน พวกเขาเผ่าทอเมฆาทั้งเผ่าต่างร้อนรนกระวนกระวาย นั่งนอนไม่เป็นสุข คิดว่านี่คือมหัตภัยใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของหลินสวิน ก็กำจัดมหัตภัยครั้งนี้ไปได้ตรงๆ!
พลังโจมตีนี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
“คลี่คลายได้อยู่แล้ว ยังจะโกหกได้หรือ”
เจ้าคางคกหัวเราะร่วน
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ…”
หลันชิงเหินทอดถอนใจยาว สีหน้าซับซ้อน
คนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยบอกว่าจะช่วยพวกเขา กลับถูกพวกเขาทำหูทวนลม ไม่สนใจสักนิด ถึงขั้นยามปฏิบัติต่อหลินสวินก็ยังทำอย่างขอไปที
แต่ยามนี้ความจริงพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาต่างผิดกันหมด ซ้ำยังผิดอย่างมหันต์ยิ่ง!
หายนะใหญ่หลวงในสายตาพวกเขา พอถึงมือหลินสวินกลับเป็นเพียงเรื่องเล็กที่ปัดมือส่งๆ ก็กำจัดทิ้งได้เรื่องหนึ่ง พูดเพียงคำสองคำก็คลี่คลายได้!
และเมื่อนึกถึงท่าทีที่พวกเขาปฏิบัติต่อหลินสวินก่อนหน้านี้ สีหน้าก็อดจืดเจื่อนไม่ได้ ทั้งละอายใจทั้งซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณบุญคุณยิ่งใหญ่ของคุณชาย”
หลันชิงเหินค้อมกายกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณคุณชายยิ่ง!”
ทันใดนั้นคนใหญ่คนโตและชาวเผ่าของเผ่าทอเมฆาทั้งหมดต่างก็พลอยโค้งคารวะเป็นการขอบคุณพร้อมกัน
การปรากฏตัวของหลินสวินครั้งนี้ เท่ากับช่วยพวกเขาสลายหายนะใหญ่หลวงฉากหนึ่ง พวกเขามีหรือจะไม่ซึ้งใจ
ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวินก็เปลี่ยนแปลงไปอีกแบบอย่างสิ้นเชิง
ไกลออกไป จ้าวจิ่งเซวียนเผยรอยยิ้มกล่าวว่า “น้องสาวเจ้าดูสิ เรื่องราวไม่ใช่คลี่คลายแล้วหรือ ขอเพียงหลินสวินยินดีไปจัดการ ก็ไม่ได้วุ่นวายขนาดนั้นเลยสักนิด”
ไฉไฉ่พยักหน้าหงึกๆ นัยน์ตาทอประกายวาววับ กล่าวว่า “คุณชายหลินเก่งกาจยิ่ง ตอนอยู่แดนมกุฎข้าก็รู้แล้ว”
ใบหน้าน้อยที่งดงามผุดผ่องของนางเต็มไปด้วยแววปิติยินดี ตื่นเต้น และตื้นตัน
จ้าวจิ่งเซวียนมองเห็นอยู่ในสายตา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลหน่อยๆ เด็กคนนี้ขออย่าให้ถูกเจ้าหมอนั่นทำให้จิตใจไขว้เขวเป็นอันขาดเชียว…
จากนั้นนางก็ลอบร้องชิกับตัวเองหนึ่งครา ใบหน้างดงามเนียนขาวเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ตนกำลังคิดอะไรอยู่ ไฉไฉ่เด็กคนนี้ เกรงว่าแม้แต่ความรักคืออะไรยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ
——