เถ้าแก่อ้วนอับอายจนโมโห เขายอมให้คนอื่นเรียกเขาว่า ไอ้อ้วน ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นมาเรียกว่า ไอ้อ้วนสมควรตาย มันก็เหมือนด่าพวกลามก แล้วเติมคำว่า ไอ้เหี้ย ไว้ด้านหลัง
เถ้าแก่อ้วนลุกขึ้นพูดว่า “ไอ้หนู ต่อให้มึงให้สัตว์อสูรของมึงกับกูในตอนนี้ กูก็ไม่ปล่อยมึงไปแล้วล่ะ ตายเสียเถอะ!”
พลังปราณทั้งตัวรวมกันเป็นลมที่ไหลเวียน เถ้าแก่อ้วนตะโกนออกมา
“ฝ่ามือลมปราณโต้คลื่น!”
พลังปราณสีขาวที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้มือของเถ้าแก่อ้วนใหญ่ขึ้น10เท่า แล้วก็ตบลงไปยังฝั่งของลู่ฝาน!
ฝ่ามือขนาดใหญ่มีลมกดดันมหาศาล ทำให้การเคลื่อนไหวของลู่ฝานเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
ในพลังปราณที่น่ากลัว ลู่ฝานก็พยายามต่อยออกมาหนึ่งหมัด
เสียงดังโครม ลู่ฝานถูกกระแทกจนล้มลงพื้นไป
แรงหมดของเขาเมื่อเจอกับพลังที่รุนแรงกว่ามาก เลยดูเหมือนไร้แรงไปเลย
ที่พื้นถูกกระแทกจนเป็นหลุมยุบลงไป มุมปากของลู่ฝานมีเลือดไหลซิบเล็กน้อย เจ้าดำที่อยู่ด้านข้างก็คำรามออกมา
“ยังไม่ตายอีก ไอ้หนู ร่างกายแข็งแรงดีนี่ รับอีกฝ่ามือแล้วกัน”
เถ้าแก่อ้วนเห็นว่าลู่ฝานรับฝ่ามือเต็มแรงของตนเองไป แต่ยังลุกขึ้นมาได้ ก็เลยต้องรวบรวมพลังปราณอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เอง ก็มีเงาคนหนึ่งเคลื่อนเข้ามาตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว คือฮ่วนเย่ว์เอง
“ไอ้อ้วน เมื่อครู่นี้บอกว่าไงนะ จะแย่งสัตว์อสูรของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
ดูเหมือนว่าฮ่วนเย่ว์จะสนใจเรื่องนี้มาก จ้องมองเถ้าแก่อ้วนไม่ละสายตา
เถ้าแก่อ้วนก็อึ้งๆ ไปครู่หนึ่งสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “คุณหนูฮ่วนเย่ว์ เรื่องนี้มันซับซ้อนน่ะครับ คุณอย่าเพิ่งมาสนใจเลย ให้ผมจัดการไอ้หมอนี่ก่อน”
ฮ่วนเย่ว์พูดเสียงเย็นว่า “มาห้ามฉันยุ่งได้อย่างไรกัน กฎของหอฝึกสัตว์ ห้ามแย่งสัตว์อสูรของคนอื่น ใครผิดกฎจะต้องถูกทำลายพละกำลัง แล้วไล่ออก”
เถ้าแก่อ้วนกัดฟันพูดว่า “คุณหนูฮ่วนเย่ว์อีกเดี๋ยวผมจะอธิบายกับคุณเอง คุณหลบไปก่อน”
ฮ่วนเย่ว์ก็ยกมีดพกสองด้ามของตนเองขึ้นมา แล้วชี้ไปยังเถ้าแก่อ้วน พร้อมพูดว่า “อธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย”
เถ้าแก่อ้วนก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารู้ว่าวันนี้คงจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไปไม่ได้เสียแล้ว
ทันใดนั้น เถ้าแก่อ้วนก็ตาเป็นประกาย ยกมือซัดฝ่ามือจนฮ่วนเย่ว์ลอยกระเด็นไป
ฮ่วนเย่ว์คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่อ้วนจะกล้าลงมือกับเธอ ถูกซัดลอยลงมาตกที่พื้น แต่ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
เถ้าแก่อ้วนไม่กล้าลงมือจนฮ่วนเย่ว์บาดเจ็บหรอก เขาใช้พลังที่อ่อนโยน เพียงแต่ต้องการให้ฮ่วนเย่ว์หลบออกไปเท่านั้น จากนั้นก็รวบรวมพลังเข้าไปโจมตีลู่ฝาน
ขอเพียงฆ่าเจ้าเด็กนี่กับพวกของมันได้ พอไม่มีใครเป็นพยาน ต่อให้ฮ่วนเย่ว์จะรู้ว่าเขามาแย่งสัตว์อสูรของคนอื่น ก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้
พอตัดสินใจแล้ว เถ้าแก่อ้วนก็ลงมือหนักขึ้น
ลู่ฝานมองดูเถ้าแก่อ้วนซัดฝ่ามือมาที่ตน ปราณชี่ทั้งตัวก็พุ่งสูงขึ้น พลังของห้าธาตุทั้งสี่ทิศก็เริ่มรวมเข้าด้วยกัน
เวลานี้เป็นเวลาเป็นตาย เขาไม่มีเวลามาปกปิดอะไรแล้ว
เถ้าแก่อ้วนก็สัมผัสได้ว่าพลังฟ้าดินโดยรอบมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ฝ่ามือที่เขาซักลงมามันช้าลง รัศมีห้าสีกระจายออกมาจากตัวของลู่ฝาน พลังฟ้าดินโดยรอบเปลี่ยนเป็นลมพายุ กำลังรอโจมตีออกไป เจ้าดำก็กัดเข้าไปที่ฝ่ามือของลู่ฝานอย่างแรง
วินาทีต่อมา เจ้าดำก็หายตัวไป แล้วที่แขนของลู่ฝานก็มีรอยสีดำบางอย่าง เปลวไฟดำที่น่ากลัวพุ่งออกมาจากแขนของลู่ฝาน
กำปั้น ที่แฝงไปด้วยเสียงคำรามของมังกร
เปลวไฟดำอันน่ากลัวเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายอยู่ในฟ้าดินนี้ อ้าปากกว้างๆ ใส่เถ้าแก่อ้วน
นี่คือเคล็ดห้าธาตุกลายวัตถุของลู่ฝาน เป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานของผู้ฝึกชี่ แต่ไม่ได้เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ที่ลู่ฝานใช้ออกมา
เปลวไฟดำที่น่ากลัวไม่ได้เปลี่ยนเป็นเสือร้ายที่พร้อมกระโจนออกไปเหมือนที่เขาคิดไว้ แต่เป็นมังกรสีดำตัวหนึ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า
พริบตา พลังปราณบนตัวของเถ้าแก่อ้วนก็ถูกทำลายจนหมด ตัวอ้วนกลมๆ เหมือนลูกชิ้นก็ถูกโจมตีจนทะลุหลังคาขึ้นไป แล้วไปตกลงบนท้องถนนในตลาด
เลือดไหลนอง เถ้าแก่อ้วนลุกไม่ไหวแล้ว
นี่มันต้องเป็นพลังที่น่ากลัวขนาดไหน นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน!
ลู่ฝานเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มองดูแขนตนเองอย่างอึ้งๆ
ลวดลายสีดำนั้น เป็นมังกรทะยานตัวหนึ่ง กำลังเคลื่อนไหวในแขนของเขา
ลู่ฝานรับรู้ได้ว่ามังกรตัวนี้มีชีวิต แต่วินาทีต่อมา มังกรดำก็หายไป ตัวของเจ้าดำก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง แต่ท่าทางดูย่ำแย่มาก
ลู่ฝานยังคิดไม่ตกว่าทำไมเจ้าดำถึงได้ดูเพลียแบบนี้ วินาทีต่อมา ความอ่อนแรงก็ปกคลุมไปทั้งตัวของเขา
ฟ้าดินก็มืดครึ้มขึ้นทันที ลู่ฝานรู้สึกเหมือนว่าโลกตรงหน้ากำลังจะหายไป
ทุกอย่างมันเข้าไปในภวังค์ และเขาก็ได้ล้มลงที่พื้น
ลู่หมิงกับฮ่วนเย่ว์ก็อึ้งอ้าปากค้างมองดูลู่ฝานซัดฝ่ามือเถ้าแก่อ้วนลอยไป แล้วก็เป็นลมสลบไป
ลู่หมิงรีบเข้าไปรับตัวของลู่ฝานไว้ หลังจากตรวจสอบดูแล้ว ลู่หมิงก็เบาใจ
“ยังดี แค่หมดแรงเท่านั้น ลู่ฝาน ถ้านายตายไป ถือว่าผิดต่อตระกูลลู่ ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่”
ฮ่วนเย่ว์ก็เดินเข้าไปดูเหมือนกัน มองดูเจ้าดำที่อยู่ข้างๆ แล้วก็มองลู่ฝานอีกครั้ง
กลืนน้ำลายลงคอ แล้วฮ่วนเย่ว์ก็บ่นพึมพำว่า “ที่แท้ที่อาจารย์พูดก็เป็นความจริง อสูรเข้าสิง เป็นวิชาอสูรเข้าสิงจริงๆ ด้วย”