“ปลดปล่อยพลังวิญญาณของนายออกมา”
อาจารย์อี้ชิงพูดต่อ
ลู่ฝานค่อยๆ แปรเปลี่ยนปราณชี่เป็นพลังวิญญาณ จากนั้นปล่อยออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้าง พลังวิญญาณ สัมผัสกับกระบี่และดาบ ทันใดนั้น อาวุธสองเล่มนี้ ส่งเสียงคำรามออกมา
ลู่ฝานเริ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เหมือนเสียงคำราม โจมตีพลังของวิญญาณ
ยังดีที่เสียงคำรามหายไปอย่างรวดเร็ว กระบี่และดาบกลายเป็นชิ้นเล็กๆ
อาจารย์อี้ชิง อาจารย์เต้ากวงเห็นภาพตรงหน้า ต่างมีสีหน้าตื่นเต้น
“เป็นพลังวิญญาณที่สมบูรณ์ตามคาด อาจารย์ คุณตายตาหลับแล้ว”
อาจารย์อี้ชิงเสียงสะอื้นเล็กน้อย
ลู่ฝานหันไปมองอาจารย์อี้ชิงอย่างไม่เข้าใจ
อาจารย์เต้ากวงมองลู่ฝานที่มีสีหน้าไม่เข้าใจ “ลู่ฝาน นายรู้ไหมว่าสุสานเครื่องทรงนี้ เป็นสุสานที่ฝังใคร”
ลู่ฝานส่ายหน้าเบาๆ
“ที่นี่ฝังอาจารย์ของฉันกับอี้ชิง เซียนบู๊ซงหยาง ตอนอาจารย์ใกล้จะจากไป เขาให้เราฝังเขาไว้ที่นี่ และสั่งพวกเราว่า ถ้าในบรรดาศิษย์ของเรา มีคนฝึกพลังวิญญาณ ได้อย่างสมบูรณ์ ให้พาเขามาดูที่นี่ ดาบและกระบี่ที่นายจับอยู่ เป็นดาบและกระบี่ติดตัวของอาจารย์ ติดตามอาจารย์เป็นเวลานาน
อาจารย์อี้ชิงพยักหน้าพูดว่า “ถูกต้อง ตอนนี้ในที่สุดก็สามารถกลับสู่ที่ของมันแล้ว”
เมื่อพูดจบ เศษซากบนพื้นกลายเป็นลำแสง ปกคลุมลู่ฝานเอาไว้
ลู่ฝานยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พลังบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายเขา
ลู่ฝานรู้สึกว่าปราณทั้งตัวพลุ่งพล่าน พลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเริ่มแข็งตัวเป็นชุดเกราะ
ลู่ฝานอึ้งไป เขามองเกราะทั้งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อาจารย์อี้ชิง อาจารย์เต้ากวงกลับมองเงียบๆ ไม่มีสีหน้าตกใจสักนิด
ตู้ม พลังแข็งแกร่ง ระเบิดในตัวลู่ฝาน ระเบิดเส้นลมปราณและกระดูกของเขาทั้งตัว
ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั้งตัว ลู่ฝานเกือบประคองตัวไม่ได้ กระอักเลือดสีดำออกมา
ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่ง เริ่มฟื้นฟูเส้นลมปราณและกระดูกของเขา เส้นลมปราณที่สร้างขึ้นใหม่ ไหลเวียนดีมาก โครงกระดูกมีเกราะสีขาวปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น ส่องแสงกะพริบ
แดนปราณในชั้น5 แดนปราณในชั้น6 แดนปราณในชั้น7
ระยะเวลาสั้นๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าพลังของตัวเอง พุ่งไปถึงแดนปราณในชั้น7
ลู่ฝานรีบควบคุมพลังที่พลุ่งพล่านของตัวเอง เขารู้สึกว่า ถ้าตัวเองไม่ควบคุมไว้ พลังนี้จะทำให้เขาพุ่งไปถึงแดนปราณนอก
แต่ลู่ฝานไม่สามารถให้มันพุ่งขึ้นต่อไปได้ วิถีบู๊ ต้องมั่นคง การยกระดับอย่างรวดเร็ว อาจทำให้พื้นฐานไม่มั่นคง อีกทั้ง แค่พลังระดับแดนปราณในชั้น7 ลู่ฝานแทบจะควบคุมไม่อยู่แล้ว
ขืนปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่อยากคิดถึงผลของมันเลย
ลู่ฝานควบคุมปราณชี่ที่พลุ่งพล่านทั้งตัว และใช้ปราณชี่ควบคุมพลังอันบริสุทธิ์นั้น เข้าสู่จุดตันเถียน ใส่เข้าไปในค่ายกลห้าธาตุที่อยู่ในจุดตันเถียน
เมื่อพลังบริสุทธิ์เข้าสู่ค่ายกลห้าธาตุ ค่ายกลห้าธาตุขยายใหญ่ขึ้นสามเท่า ทำให้จุดตันเถียนของเขาสั่นไปมา
จากนั้น ลู่ฝานเอาพลังนี้ใส่เข้าไปในค่ายกลหยินหยางที่อยู่ในหัวเขา ค่ายกลหยินหยาง ขยายใหญ่ขึ้นสามเท่าเช่นกัน
หลังทำอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพลังนี้หมดไป ส่วนค่ายกลหยินหยางกับค่ายกลห้าธาตุ ในตัวเขา ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมห้าเท่า
ลมหายใจลู่ฝาน เริ่มสม่ำเสมอ เกราะบนตัวค่อยๆ หายไป แต่ด้านหลังเขา มีลายเล็กๆ เป็นทาง เห็นเป็นตัวอักษรคำว่า “หนึ่ง” แบบเลือนราง
อาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์เต้ากวงดูอยู่ตลอดเวลา
เมื่อแสงบนตัวลู่ฝานหายไป อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “พลังแห่งการถ่ายทอดยิ่งใหญ่มาก คิดไม่ถึงว่านายจะประคองตัวเองได้ ควบคุมแดน เดิมทีฉันคิดว่าอย่างน้อย นายจะยกระดับถึงแดนปราณนอก”
ลู่ฝานพูดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ ชุดเกราะนั่น”
อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “นี่เป็นโอกาสของนาย เซียนบู๊ซงหยาง อาจารย์ของฉัน มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าเซียนบู๊เกล็ดมังกร เคล็ดวิชาบู๊ทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่บนเกราะนี่แล้ว นายได้รับการถ่ายทอดจากเขา จึงมีเกราะอันนี้ ผ่านการกระตุ้นจากพลังวิญญาณของนาย เกราะนี่จึงแข็งแกร่งมากจนถึงจุดสูงสุด สายฟ้าไม่สามารถทำอะไรนายได้ ส่วนพลังนั่น เป็นพลังปราณส่วนหนึ่งที่เข้าไปในอาวุธตอนที่อาจารย์ละสังขารเท่านั้น ”
พลังปราณส่วนหนึ่งงั้นเหรอ แค่พลังปราณส่วนหนึ่ง สามารถทำให้เขาพุ่งไปได้สามขั้น เซียนบู๊ซงหยางแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ
ลู่ฝานพูดว่า “ทำไมต้องถ่ายทอดให้ผมล่ะ”
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “อย่างแรกคือ เป็นเจตนาของอาจารย์ ส่วนอีกอย่างคือ พลังวิญญาณของนายสมบูรณ์แบบ ดีกว่าคนที่ใช้ความพยายามอย่างมากมายแต่ได้พลังวิญญาณมาแค่เสี้ยวเดียวแบบพวกเรา ดังนั้นนายจึงได้มันมา ไม่ใช่คนอื่น ลู่ฝาน นายอยู่ทำความเข้าใจที่นี่เถอะ อาจารย์น่าจะให้วิชาเปลี่ยนเกราะกับนายด้วย”
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจ มองสุสานของเซียนบู๊ซงหยาง
ลู่ฝานคุกเข่าลง และคำนับทำความเคารพ
สายลมพัดผ่านมา ลู่ฝานรู้สึกว่าลมนี้ เหมือนมือคนตบลงบนไหล่เขาเบาๆ สองที จากนั้นก็หายไป