เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า พลังลมนับไม่ถ้วน เปลี่ยนแปลงอยู่ในมือเขา สุดท้ายกลายเป็นใบหลิวแห่งลมสีใส พุ่งไปทั่ว
การค้นหาวิธีนี้ ลู่ฝานเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แต่เขาไม่กลัวสักนิด เมื่อใบหลิวแห่งลม มาถึงข้างตัวเขา ก็เปลี่ยนทิศทางออกไป
ลู่ฝานยืนอยู่ตรงนั้น เฟิงหลิงหาเขาไม่เจอ แต่เฟิงหลิงใช้วิชาค้นหาแบบนี้ จู่ๆ ลู่ฝานไม่กล้าขยับแล้ว
เขาไม่ได้ฝึกวิชาผสานฟ้าดิน จนถึงขั้นสมบูรณ์ ถ้าขยับ ต้องเคลื่อนไหวพลังฟ้าดิน เห็นได้ชัดว่าความสามารถของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขา ลู่ฝานไม่อยากโดนหาเจอ
ผ่านไปนาน เฟิงหลิงเก็บพลังชีวิตของตัวเองกลับมา
“ดูเหมือนไปแล้วจริงๆ อีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนพละกำลังไม่ด้อยไปกว่าฉัน ไม่รู้ว่าเป็นผู้ฝึกชี่ที่มาจากไหน”
จ้าวซวี่พูดว่า “อาจารย์ ผู้ฝึกชี่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล ไม่ได้มาเพราะสมบัติชิ้นนั้นใช่ไหม”
เฟิงหลิงเบิกตาโตใส่จ้าวซวี่ แล้วพูดว่า “เงียบเลยนะ กล้าพูดแบบนี้ข้างนอกได้ยังไง”
จ้าวซวี่รีบก้มหน้า ลู่ฝานได้ยินพวกเขาคุยกัน ตกใจเล็กน้อย สมบัติชิ้นนั้นเหรอ คืออะไรกัน
เฟิงหลิงพูดว่า “ไม่ว่าเขามาเพราะเหตุใด ในเมื่อไม่สนใจเรา ก็ญาติดีกับเขาไม่ได้อีกแล้ว ให้นักบู๊ของสถาบันสอนวิชาบู๊ มาหาฉัน เขาหนีไปไหนไม่ได้หรอก เว้นเสียแต่จะใช้ความเร็วสูงสุด ออกจากสถาบันสอนวิชาบู๊”
จ้าวซวี่พยักหน้าเบาๆ ขณะนั้น เงาคนร่วงลงมาเหมือนดาวตก เป็นอาจารย์เต้ากวง
เห็นเฟิงหลิงกับจ้าวซวี่ อาจารย์เต้ากวงยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันนึกว่าผู้ฝึกชี่ที่ไหน มาเขาอวิ๋นซาน ที่แท้อาจารย์เฟิงหลิงนี่เอง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ยิ้มแล้วพูดว่า “เรามาตามกลิ่นยา ที่นี่ต้องมีผู้ฝึกชี่มากลั่นยาแน่นอน ฉันแค่อยากเจอเขา แต่หาไม่เจอ อาจารย์เต้ากวง ต่อไปฝากนายด้วย ผู้ฝึกชี่ ไม่ยอมเปิดเผยตัว
อาจารย์เต้ากวงพูดอย่างราบเรียบว่า “วางใจเถอะ ฉันจะหาเขาให้เจอ”
เฟิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นรบกวนอาจารย์เต้ากวงด้วย เราไปกันเถอะลูกศิษย์ ถ้าอาจารย์เต้ากวงหาเขาเจอจริงๆ ขอให้ยืนยันเจตนาที่เขามาที่นี่ก่อน ถ้าเจตนาไม่ดี ให้จัดการโดยสถาบันสอนวิชาบู๊ได้เลย แต่ถ้าบุกเข้ามาผิดที่ หวังว่าเห็นแก่ผู้ฝึกชี่ ให้เขามาคุยกับฉันสักหน่อย”
เต้ากวงพูดว่า “เข้าใจแล้ว เราไม่เข้าใจผิด ฆ่าผู้ฝึกชี่แน่นอน”
เฟิงหลิงพยักหน้าพูดว่า “งั้นก็ดี”
พูดจบ เฟิงหลิงพาจ้าวซวี่ออกไป อาจารย์เต้ากวงมองซ้ายมองขวา ขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นเหาะขึ้นไป
ลู่ฝานไม่กล้าทำอะไร ยืนอยู่ที่เดิมครึ่งชั่วยาม เมื่อแน่ใจแล้วว่าอาจารย์เต้ากวง กับพวกเฟิงหลิง ไม่วกกลับมาอีก จึงค่อยๆ เดินออกมา
ออกจากสภาวะผสานฟ้าดิน ลู่ฝานเตรียมไปฝึกต่อ
กลับมาบนยอดเขาอวิ๋นซานอีกครั้ง นั่งลงบนหินขรุขระ
ลู่ฝานเอากระดาษออกมา
แต่ขณะที่เขากำลังจะเอายาจิตนิ่งออกมา ทันใดนั้น มีเงาหนึ่งลงมาตรงหน้าเขา
ลู่ฝานลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ คว้ากระดาษ ถอยหลังไปสองก้าว
คนที่ปรากฏในสายตา คืออาจารย์เต้ากวง
“สหายท่านนี้ ถ้าทำลับๆ ล่อๆ หลบอยู่บนเขาอวิ๋นซานของฉัน ยังไงก็ต้องบอกเหตุผลมาสักหน่อย”
อาจารย์เต้ากวงลอยอยู่กลางอากาศ แววตาเย็นชาดุดัน จ้องลู่ฝานเขม็ง
ตอนนี้ ลู่ฝานเพิ่งนึกออกว่า ตัวเองลืมถอดชุดคลุมดำกับหน้ากากเงิน ตอนนี้อาจารย์เต้ากวง จำไม่ได้ว่าเขาคือลู่ฝาน
ซวยแล้ว ซวยแล้ว
คิดไม่ถึงว่าอาจารย์เต้ากวง จะรอเขาครึ่งชั่วยามเต็มๆ
ลู่ฝานแอบเคลื่อนไหวพลังปราณ เปลี่ยนเสียงตัวเอง แต่เขายังไม่ทันพูดอะไร อาจารย์เต้ากวงมองเห็นกระดาษในมือเขา
“นี่คือ……เพลงเต๋าหนึ่งเดียว นายทำอะไรลู่ฝาน ศิษย์คณะฉัน”
อาจารย์เต้ากวงโมโหทันที แสงสว่างวาบทั้งตัว เหมือนดวงอาทิตย์ พลังปราณกลายเป็นชุดเกราะปกคลุมทั้งตัว
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ท้องฟ้าแจ่มใส อึมครึมขึ้นมาทันที
พลานุภาพเช่นนี้ ต้องเป็นนักบู๊ปราณฟ้าแน่นอน
พลานุภาพอันน่ากลัว เหมือนคลื่นยักษ์ในท้องทะเล ซัดโจมตีตัวลู่ฝาน
แค่พลานุภาพนี้ อาจารย์เต้ากวง ทำให้ลู่ฝานรู้สึกว่าใกล้จะขยับตัวไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานรู้สึกแปลกๆ ที่ลำคอ เกือบจะกระอักเลือดออกมา
อาจารย์เต้ากวงลงมือทันที ปลดปล่อยพลังน่ากลัวออกจากฝ่ามือ กดใส่ลู่ฝานกลางอากาศ
“บอกมา!”
ลู่ฝานถูกกดอยู่บนพื้นดิน พูดอะไรไม่ออกสักคำ
หน้ากากบนหน้า โดนพลังอันน่ากลัว กดจนเป็นรอยร้าว
อาจารย์เต้ากวง ยังเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่า เขาคิดว่าคนชุดดำตรงหน้า คือฆาตกรฆ่าลู่ฝาน ไม่งั้นคนชุดดำคนนี้ จะเอากระดาษเพลงเต๋าหนึ่งเดียว มาจากมือลู่ฝานได้ยังไง
“นายจะบอกไหม”
แววตาอาจารย์เต้ากวงเย็นชา เหมือนว่าถ้าเขาไม่พูด ก็จะฆ่าทันที
ลู่ฝานอ้าปาก แต่พูดอะไรไม่ออก
เลือดไหลออกมาตามร่องหน้ากาก หยดลงมาบนกระดาษเพลงเต๋าหนึ่งเดียวพอดี
แสงบางๆ สว่างขึ้นมาบนกระดาษ แต่ไม่ว่าจะเป็นลู่ฝาน หรืออาจารย์เต้ากวง กลับมองไม่เห็น
สติลู่ฝานใกล้จะเลือนรางเต็มที
อาจารย์เต้ากวงเดินเข้ามา เตรียมจะดึงหน้ากากของลู่ฝานออก เขาอยากรู้ว่าคนชุดดำคนนี้ เป็นใครกันแน่ ถึงกล้าแตะต้องศิษย์คณะเขา