ร้านอาหารเป่าหลง ที่เขาวิพากษ์
นี่เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงบนเขาวิพากษ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นซ่องและบ่อนพนัน
หรูหรา ร่ำรวย ประณีต คือความประทับใจที่ร้านอาหารนี้มอบให้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทองหน้าร้าน หรือฉากกั้น อัญมณีด้านในโถง รวมไปถึงไข่มุกราตรีที่ฝังอยู่บนกำแพง ล้วนทำให้คนรู้สึกว่า เดินเข้ามาในวังมังกร
โต๊ะแปดเซียนวางไว้ตามลำดับ โต๊ะเก้าอี้ทุกตัวทำจากต้นไม้สูงขนาดใหญ่ ราคาไม่ธรรมดา เมื่อนั่งลงไป จะสดชื่นปลอดโปร่ง อบอุ่นร่างกาย มีชามและตะเกียบ ทำจากทองคำบริสุทธิ์ วางอยู่บนโต๊ะ ดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ด้านบนแกะสลักมังกรและหงส์ เหมือนจริงมาก แค่ชามและตะเกียบก็เป็นรายรับทั้งชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปแล้ว
มีรูปมังกรบินขึ้นไปบนท้องฟ้าขนาดใหญ่อยู่บนกำแพง ใช้ไข่มุกราตรีแวววาว ทำเป็นดวงตามังกร เมื่อถึงตอนกลางคืน ที่นี่ไม่ต้องใช้แสงไฟ แค่แสงจากไข่มุกราตรี ก็สว่างไปทั่วร้านอาหารเป่าหลงแล้ว ส่วนอาหาร จะยึดความประณีตเป็นหลัก
ปลาขนาดประมาณเล็บมือ มาจากบ่อน้ำปิงหลิงที่ลึกลงไปในเทือกเขาฉิงเทียน ปลาทุกตัวมีราคาไม่ต่ำกว่าร้อยเหรียญทอง
ไก่สายพันธุ์ดีเยี่ยมที่เลี้ยงด้วยสมุนไพร หลังจากทำเป็นอาหาร จะมีกลิ่นยาหอมอย่างรุนแรง กินเข้าไป ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่ง หนึ่งร้อยเหรียญทอง สามารถสั่งเนื้อไก่ 1 ตำลึง
สรุปแล้ว ที่นี่ทุกอย่างแพงมาก แต่ก็ดีมากเช่นกัน
ถ้าจ่ายไหว คุณจะได้กินสิ่งที่หากินไม่ได้ข้างนอก
แน่นอนว่าถ้าคุณจ่ายได้เยอะขึ้น คุณจะได้ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
ชามและตะเกียบ ที่ทำจากหยก โต๊ะเก้าอี้ จากไม้ท้อ กลิ่นอายโบราณ แตกต่างจากความหรูหราของชั้นหนึ่ง ที่นี่ยึดความงดงามเป็นหลัก
ตอนนี้เหลิ่งหานนั่งอยู่ในห้องลักษณะแบบนี้
ความโกรธบนใบหน้า ยังไม่หายไป
เหลิ่งหานทุบหมัดลงบนโต๊ะข้างหน้า จนกลายเป็นขี้เลื่อย
“ทุเรศ คณะหนึ่งเดียว สมควรตาย หานเฟิง สมควรตาย ฉันอยากให้มันตาย ฉันอยากให้มันออกจากเขาวิพากษ์ไม่ได้”
คนที่นั่งตรงข้ามเหลิ่งหาน คือเยียนหราน ศิษย์พี่ของหลิงเหยา
เห็นท่าทางโกรธของเหลิ่งหาน ศิษย์พี่เยียนหราน พูดอย่างระแวดระวัง “ศิษย์พี่เหลิ่งหาน พี่ทำให้เขาตายได้อยู่แล้ว จากพละกำลังของพี่ ฆ่าเขา คงไม่เป็นปัญหาอะไร”
เหลิ่งหานมองเยียนหราน ด้วยสีหน้าเย็นชา เหลิ่งหานเข้ามาบีบคอเยียนหราน
“เธอกำลังเยาะเย้ยฉันเหรอ”
เยียนหรานรีบพูดว่า “ฉันไม่ได้เยาะเย้ยพี่ ไม่มีความคิดเยาะเย้ยพี่เลย”
“เธอกำลังเยาะเย้ยฉัน ฉันมีผลการฝึกตนแดนปราณนอก แต่หานเฟิงเตะฉัน จนกระเด็นไปไกล พละกำลังของเขาไม่ได้อ่อนแอ ศิษย์น้องของเขา ไอ้เชี่ย ไอ้เด็กทุเรศนั่น ถึงฉันดูเขาต่อสู้กับอี้ว์หวาจนจบ แต่ฉันยังไม่รู้ว่าเขาล้ำลึกแค่ไหน ฉันรู้สึกว่าเขาอันตรายมาก ฉันคนเดียว
เยียนหรานกลอกตาไปมา “พี่ให้เพื่อนคณะเดียวกันช่วยพี่ได้นิ เพื่อนคณะหยินหยาง ศิษย์พี่หรือศิษย์น้องของพี่”
จากนั้นปล่อยมือจากคอเยียนหราน ลูบใบหน้างดงามของเยียนหรานเบาๆ “ใช่ เธอพูดถูก ฉันหาคนมาช่วยได้ แต่จะหาใครล่ะ อ้อ ฉันนึกออกแล้ว ฉันให้ไอ้บ้านั่นช่วยได้ แค่ฉันบอกว่าคณะหนึ่งเดียวมีคนเก่งออกมาสองคน เขาต้องออกไปหาเรื่องเองแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น
เยียนหรานยิ้มงดงาม ราวกับดอกไม้ “ศิษย์พี่เหลิ่งหาน หมายถึงศิษย์พี่เหยียนจิ่วเหรอ”
เหลิ่งหานยิ้ม แล้วพูดว่า “ถูกต้อง เธอฉลาดมาก เขานั่นแหละ ฉันได้ยินว่าเขามาที่เขาวิพากษ์เหมือนกัน เอาตามนี้ละกัน เยียนหราน เธองดงามมาก เธอทำให้ฉันเร่าร้อนอีกแล้ว”
พูดพลาง เหลิ่งหานเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเอง
“เยียนหราน เธอจะเอาหลิงเหยามาให้ฉันใช่ไหม”
เยียนหรานพูดว่า “แน่นอน ทำตามศิษย์พี่เหลิ่งหานทุกอย่าง”
……